เรื่อง เกิดใหม่เป็นมารดาอ้วนตัวร้ายพร้อมระบบเกมปลูกผักสุดเก๋
โปรดอ่านอย่างมีวิจารณญาณ
เฟยฮวาเดินเท้าจากสถานศึกษาหมิงเจียไปยังตลาดประจำหมู่บ้าน ระยะทางเพียง 2 ลี้ เวลาเช้าเช่นนี้อากาศดียิ่งนัก แสงแดดอุ่น ต้นไม้ให้ความร่มเย็น หอมกลิ่นใบไม้ใบหญ้า
เมื่อก่อนเจ้าของร่างมักใช้บุตรชายตัวน้อยทำความสะอาดเรือน แต่ตอนนี้เฟยฮวาจัดการงานเรือนด้วยตนเอง พอได้ใช้แรง นอกจากน้ำหนักที่ลดลงแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงขึ้น ไม่เหนื่อยง่ายเหมือนแต่ก่อน
เฟยหลงทั้งเคยออกล่าสัตว์ ทำงานเรือนมาตลอด มักเสนอตัว อยากช่วยงานท่านแม่เสมอ เฟยฮวาเลยทำแปลงผักขนาดเล็ก ขนผักจากระบบเกมปลูกผัก มาปลูกเสียเลย จึงมอบหน้าที่ให้เฟยหลงดูแล ให้รดน้ำให้ผักทุกวัน เมื่อเขาเห็นผักเติบโตจากการดูแลของตนเอง เด็กชายจะได้เกิดความภูมิใจ ตอนทำอาหารถ้าบอกว่าเป็นผักจากที่เขาปลูก ยิ้มแป้นจนน่าเอ็นดูเชียว
เดินคิดอะไรเพลิน ๆ จนเข้าสู่เขตตลาด ในช่วงเช้าเต็มไปด้วยของสด และอาหารเช้า ตลาดแห่งนี้คึกคักไปทั้งวัน ตั้งแต่เช้ามืดจนถึงค่ำ นางรู้สึกได้ว่ามีแต่สายตาเป็นมิตรส่งมา ต่างจากครั้งแรกที่เคยมาลิบลับ เพราะพักหลังมาตลาดบ่อย อุดหนุนแทบทุกร้าน โดยเฉพาะของกิน พาบุตรชายลองกินทุกอย่าง
“วันนี้มาแต่เช้าเลย จ้าวฮูหยิน” พ่อค้าร้านซาลาเปาทักขึ้นมา ปกติแล้วยามเฉินเช่นนี้ไม่เคยพบนางหรอก
“ข้าไปส่งบุตรชายที่สถานศึกษาเจ้าค่ะ เขาเปิดเรียนวันแรก” เฟยฮวาตอบกลับ
“ข้าก็ว่าวันนี้ไม่เห็นคุณชายน้อย” พักหลังมานี้ต้องเห็นนางมาพร้อมบุตรชายเสมอ
“ใช่ ๆ วันนี้ชั้นเริ่มต้น ศิษย์ใหม่เปิดเรียนวันแรก หลานชายข้าก็ไปเรียนเช่นกัน นี่พ่อแม่เขาก็ไปส่งตั้งแต่ดวงตะวันยังไม่ขึ้นดี ตื่นเต้นกันมาก หลานข้านอนไม่หลับทั้งคืน” เสียงแม่ค้าร้านข้าวต้มพูดขึ้นมา
“บุตรชายข้ากับหลายชายท่านคงได้เป็นสหายกันเจ้าค่ะ ข้าไปส่งบุตรชายก่อนเวลาตั้งครึ่งชั่วยาม ไปเจอเด็กในชั้นเรียนมาก่อนเป็นสิบเลย ไปกันเร็วนัก” เฟยฮวาร่วมวงพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าด้วยความสนุกสนาน ยิ่งเป็นเรื่องลูกหลานแล้วนั้นคุยกันทั้งวันก็ไม่จบ กว่าจะปลีกตัวมาได้คุยนานจนเพลินลืมเวลา
“ปิ่งกันชิ้นใหญ่ มาส่งแล้วเจ้าค่ะ” เฟยฮวาเอ่ยทักขึ้นจากทางด้านหลังนางถาง กะแกล้งท่านป้าที่สนิทให้ตกใจสักหน่อย นางถางสะดุ้งเล็ก ๆ เมื่อนางถางเห็นว่าเป็นผู้ใดมา ก็วางมือจากการคุมร้านรีบเดินมาหาทันที
“คนแก่หัวใจจะวาย มา เข้าห้องรับรองก่อน เสี่ยวจูเจ้าเอาชากับขนมไปให้ข้าด้วย” นางถางตกใจ แต่ไม่คิดอะไรเหมือนโดนลูกหลานหยอกล้อ สั่งการคนงาน ชวนเฟยฮวาเข้าห้องรับรอง
“รับน้ำชาก่อน ไปส่งเฟยหลงมาหรือ” นางถางเอ่ยถาม
“ใช่เจ้าค่ะ แอบใจหายเหมือนกัน เขาโตขึ้นแล้ว”
“เป็นเรื่องปกติ เจ้าคงเหงาน่าดู มีเพิ่มอีกสักคนสองคนสิ จะได้ไม่เหงา”
… ตั้งแต่มาอยู่ในร่างนี้ นางยังไม่เคยพบผู้เป็นสามีเลย คุยกันทางจดหมายก็ยังไม่ถึงสิบประโยค นอกจากครั้งนั้น เขาไม่เคยแตะต้องเจ้าของร่างด้วย ที่มีบุตรชายก็เพราะโดนวางยา
“ข้าอายุมากแล้ว คงไม่เหมาะจะมีเจ้าค่ะ”
“เจ้าพูดอันใด ข้าเห็นสตรีอายุ 35 ปี ยังคลอดบุตรอยู่ถมเถ” นางถางหัวเราะ นี่คนอายุ 25 ปี หมดอารมณ์ไปแล้วหรือ
“ท่านป้าก็… ตอนนี้ข้าก็เหมือนโสดเจ้าค่ะ สามีอยู่ห่างไกลนัก” เฟยฮวาจนใจจะเอ่ย
“ก็จริง สามีเจ้าไปกองทัพ กว่าจะกลับมาก็นานทีปีหน แต่หากมีโอกาส ก็มีอีกสักคนสองคนเถิด เฟยหลงจะได้มีพี่น้องไว้พึ่งพาอาศัยกัน”
“ข้าจะลองคิดดูนะเจ้าคะ” ตอบปัดให้จบไปก่อน
“ยังพอมีเวลา” นางถางยิ้ม
ได้เวลาเปลี่ยนเรื่องคุย หากพูดเรื่องนี้คงจะยาว
“ปิ่งกันเจ้าค่ะท่านป้า ข้าทำมาฝาก วันนี้มีรสชาติใหม่ด้วย” เฟยฮวาหยิบขนมจากตะกร้าส่งให้
“ขอบใจเจ้า คงอร่อยเหมือนเคย เปิดร้านให้ไว ข้าจะเป็นลูกค้าคนแรก” เอ็นดูนางก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนเพราะขนมฝีมือนางรสชาติดีมาก เคยเอ่ยปากขอซื้อแต่เฟยฮวาบอกรอเปิดกิจการก่อน ช่วงนี้ยังไม่คิดตำลึง รอให้เปิดร้าน คงอุดหนุนให้มากหน่อย นางถางเองก็รู้จักคนเยอะ เทศกาลสำคัญต้องมีของฝากไปให้คู่ค้าเสมอ คิดว่าจะเอาปิ่งกันของเฟยฮวานี่แหละไปเป็นของฝาก
“รอเรือนเสร็จเจ้าค่ะ เริ่มแน่นอน ท่านป้าอย่าลืมอุดหนุนข้า”
“วันแรกข้าเหมาทั้งร้านยังได้” นางถางเอ่ยอย่างใจกว้าง
“หากขายไม่หมดก็คงต้องพึ่งท่านป้าเจ้าค่ะ” เฟยฮวาตอบกลับอย่างขบขัน
“เกรงว่าจะไม่เหลือให้ข้าซื้อมากกว่า ขนมเจ้ารสชาติดีมาก ข้าเคยกินขนมตามเหลา ร้านดังทั่วแคว้นยังไม่สู้” นางพูดจริง ไม่ได้ยกยอเพราะความสนิท นางเปิดร้านขายของใหญ่โตขนาดนี้ ก็ต้องได้เดินทางทั่วแคว้น เพื่อหาของขึ้นชื่อแต่ละเมืองมาขาย
“ข้าจะเก็บให้ท่านป้าเป็นพิเศษเจ้าค่ะ ท่านป้าต้องได้กิน” เฟยฮวาเอ่ย รู้สึกอบอุ่นหัวใจ ท่านป้าถางให้ความรู้สึกเหมือนญาติผู้ใหญ่ อารมณ์ดี น่าพูดคุยด้วย
“ขอบใจเจ้า”
นางถางเองถูกชะตากับเฟยฮวามาก หากเฟยฮวายังไม่แต่งงาน คงติดต่อให้บุตรชาย พื้นเพชาติกำเนิดนางไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ไม่ได้ต้องการลูกสะใภ้ที่ร่ำรวยหรือฐานะเท่าเทียมกัน นางมาจากตระกูลพ่อค้า เทียบกับคนในหมู่บ้านก็ถือว่ามีมาก มีคนมาช่วยใช้ตำลึงอีกสักคนย่อมไม่เป็นปัญหา
รูปร่างอวบอ้วนสักหน่อยจะเป็นไรไป นางถูกใจเฟยฮวา เพราะรู้จักพูดกับผู้ใหญ่ เคยได้ยินตอนคุยกับบุตรชายก็สั่งสอนบุตรได้ดี คนงานที่ไปส่งของที่เรือนก็มาชมให้ฟังอยู่บ่อยครั้งว่าเฟยฮวามีเมตตา ปฏิบัติกับเขาดี พอได้รับรู้เรื่องราว และได้พูดคุยกันบ่อยเข้าก็สนิทสนม จนเกิดความเอ็นดู ทั้งเฟยฮวาและบุตรชาย
“ว่าแต่หลานน้อยเป็นไงบ้างเล่า ไปสถานศึกษาวันแรก ไม่ร้องไห้หรือ” นางถางเอ่ยถาม เพราะเด็กเวลา-่างอกมารดาก็มักเป็นเช่นนั้น
“ไม่เลยเจ้าค่ะ ตื่นเต้นอยากมีสหายมาก หวังว่ากลับจากเรียนแล้ว จะมาเล่าเรื่องสหายน้อยให้ฟังเจ้าค่ะ”
“เฟยหลงเป็นเด็กดีนัก ยังไงก็มีสหาย เจ้าคงได้ฟังเขาเล่าเรื่องเป็นชั่วยาม”
“ขอให้เป็นดังท่านป้าว่าเจ้าค่ะ”
สองสาวต่างวัยก็คุยกันไปเรื่อย มีแต่เสียงหัวเราะ จนพูดคุยถึงเรื่องการสร้างเรือน
“ข้าเห็นเจ้าสร้างเรือนใหญ่โต ย่อมยินดี แต่ถึงอย่างไรเจ้าระมัดระวังตัวด้วยเล่า พอสร้างเรือนหลังใหญ่โต ไม่ช้าเรื่องคงถึงหูคนทั่วหมู่บ้าน เมื่อมีคนรู้ว่ามีตำลึงมากย่อมมีคนอิจฉาในวาสนา หากสามีเจ้ากลับมาครานี้ คงมีสาวน้อยสาวใหญ่รุมล้อม เสนอตัวแย่งกันเป็นฮูหยินรอง หรืออนุภรรยา” นางถางเอ่ยอย่างเป็นห่วง นางผ่านโลกมาครึ่งชีวิตคนแล้ว พบเจอคนมากหน้าหลายตา ย่อมรู้ไส้
เป็นสิ่งที่เฟยฮวาคิดไว้เหมือนกัน ในยุคสมัยนี้ คนมีตำลึงมากย่อมมีหลายภรรยา ชาวบ้านทั่วไปไม่ค่อยมีกันหรอก จะเลี้ยงตนเองและภรรยาคนเดียวยังไม่ไหว เรื่องมีหลายภรรยาจึงเป็นเรื่องของคนมีตำลึง
“คงต้องแล้วแต่วาสนาข้ากับสามีเจ้าค่ะ กล่าวตามตรงแม้จะเป็นขนบธรรมเนียมที่ส่งต่อกันมา สามีสามารถมีหลายภรรยาได้ เพื่อขยายกิ่งก้าน รากฐานของตระกูลให้แข็งแกร่ง แต่ข้าก็ไม่ยินดีที่จะใช้สามีร่วมกับผู้ใดเจ้าค่ะ” เฟยฮวาเอ่ยอย่างวัดใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าป้าถางมีความเห็นกับเรื่องนี้อย่างไร นางอาจจะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ
“ข้าเข้าใจความคิดเจ้า อย่างสามีข้าเองก็มีฮูหยินรองกับอนุภรรยา ดีที่พวกนางยังพอรู้ความ ว่าควรหรือไม่ควรทำอะไร อยู่ในที่ของตนเอง แต่เรือนอื่นไม่เป็นเช่นนี้ ยิ่งเรือนพวกขุนนาง แก่งแย่งชิงดีกันมาก เรือนใดที่มีภรรยาเดียวย่อมดีที่สุด” นางถางกล่าว แม้จะเป็นเรื่องที่ทำกันมาเป็นปกติ แต่ลึก ๆ แล้วนางเองก็รู้สึกเสียใจที่คู่ชีวิตมีผู้อื่น ตอนเขามาขอมีภรรยาเพิ่ม หัวใจนางเหมือนโดนบีบ รู้สึกเหมือนจะตายให้ได้
“หากสามีข้าคิดมีผู้อื่นก็คงต้องหย่าร้าง ข้าไม่คิดกลัวหรืออับอายเจ้าค่ะ” เฟยฮวาเมื่อเห็นท่านป้าถางเข้าใจตนก็รู้สึกสบายใจขึ้น เห็นสายตาป้าถางฉายแววเศร้า เลยจับมือให้กำลังใจ
“ข้าล้วนสนับสนุนเจ้า ไม่ว่าจะการช่วยเหลือในเรื่องใด รวมถึงเรื่องตำลึงทอง หากภายภาคหน้าเกิดอะไรขึ้น จงเอ่ยปาก” ตกใจเหมือนกันที่เฟยฮวาพูดถึงเรื่องหย่าร้าง รู้สึกสตรีผู้นี้ช่างกล้าตัดสินใจได้เด็ดขาด หากย้อนเวลาได้นางก็คงทำเหมือนกัน แต่อยู่มาขนาดนี้แล้วจนมันชินชา ก็ขอเป็นผู้สนับสนุนที่ดีแล้วกัน
“ขอบคุณท่านป้าเจ้าค่ะ เป็นโชคดีที่ข้าได้สนิทสนมกับท่านป้า” เฟยฮวารู้สึกซาบซึ้งใจมาก
“แต่อย่าเพิ่งคิดไปไกล ข้าเพียงเตือนเจ้าไว้ สามีเจ้าอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น แคว้นชิงหลงนั้นผู้ปกครองแคว้นอย่างฮ่องเต้ยังมีฮองเฮาเพียงผู้เดียว ความคิดคนในตอนนี้เลยเปลี่ยนไปนัก คนใหญ่โตที่สุดยังมีภรรยาเดียว อย่างหมู่บ้านเราท่านหนานเต๋อก็มีฮูหยินเพียงผู้เดียวเหมือนกัน” นางถางเอ่ยให้กำลังใจ หวังว่าจ้าวซีฮันจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
“เจ้าค่ะท่านป้า”
เฟยฮวาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าสามีนางมีนิสัยเช่นไร ในความทรงจำรู้แค่เขานิ่งเงียบ ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร แต่คนเราเมื่อมีตำลึงทองก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ มันจึงมีคำพูดที่ว่าตัวเราในวันนี้ กับตัวเราเมื่อสิบปีก่อนเมือนไม่ใช่คนเดียวกัน
หากเกิดอะไรขึ้น นางพร้อมตั้งรับ มีระบบช่วยเหลือย่อมไม่กลัวลำบาก ไหนจะท่านป้าที่พร้อมช่วยเหลืออีก อยากมีภรรยาเพิ่มก็เอาเลย หย่าร้างให้จบกันไป แต่จะพรากบุตรชายไปจากนางไม่ได้ เพราะรักและผูกพันไปแล้ว เห็นทีต้องเร่งหาหนังสือกฎหมายของแคว้นมาอ่าน เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือ
พูดคุยกับท่านป้าถางในเรื่องอื่นอีก จนปลีกตัวไปหาท่านป้าตงที่ร้านผ้า พอใกล้กลางวันป้าถางก็ตามมาที่ร้านผ้า ขนกันไปรับอาหารกลางวันที่เหลาเป่าอี้ เมื่อก่อนท่านป้าตงกับท่านป้าถาง รู้จักกันเพียงผิวเผินเท่านั้น ตอนนี้ก็สนิทสนมกันเช่นกัน เพราะมีเฟยฮวาเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์
อาหารกลางวันมื้อนี้สองท่านป้าแย่งกันจ่าย ท่านป้าถางชนะเพราะส่งตำลึงให้เสี่ยวเอ้อก่อน เป็นภาพที่ขบขันยิ่งนัก พอเฟยฮวาจะสั่งอาหารกลับบ้าน ไปเลี้ยงฉลองกับบุตรชาย ท่านป้าตงก็ถือโอกาสแย่งจ่าย บอกขอเลี้ยงเฟยหลง สรุปวันนี้เฟยฮวาและเฟยหลงอิ่มจังตำลึงอยู่ครบ
ยามเว่ย ทั้งสามก็มานั่งพูดคุยกันที่ห้องรับรองร้านผ้า เหมือนสหายต่างวัย
“เฟยหลงใกล้เลิกเรียนแล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าต้องขอตัวก่อน นัดท่านลุงเจี้ยนไว้”
“เจ้ารีบไปเถิด หากเลิกเรียนแล้ว เห็นเจ้าไปรอรับคงจะดีใจ” นางถางตอบกลับด้วยความยินดี
“วันหยุดพาเฟยหลงมาด้วยเล่า” ท่านป้าตงไม่พบเฟยหลงหลายวันแล้วก็คิดถึง
“ได้เจ้าค่ะ ข้าพามาแน่นอน”
“เจ้าด้วย บุตรไปสถานศึกษาแล้ว มาตลาดให้บ่อยหน่อยเล่า คนแก่อยากพูดคุยด้วย” นางถางพูดเสริม
“ไม่เห็นจะมีคนแก่เลยเจ้าค่ะ ที่ข้าสนิทด้วยมีแต่สาว ๆ ทั้งนั้น” เฟยฮวาแซว
“กล่าวได้ดี”
ทั้งสามประสานเสียงหัวเราะกัน
“ขอบคุณท่านป้าทั้งสอง สำหรับอาหารนะเจ้าคะ ข้าจะมาตลาดบ่อย ๆ ครั้งหน้าจะเอาขนมชนิดอื่นมาให้ชิม”
“พวกข้ารอกิน”
“เดินทางดี ๆ เล่า”
กล่าวลากันเรียบร้อย เฟยฮวาเดินไปหาลุงเจี้ยนที่ข้างตลาด ตรงเวลานัดหมายเป็นอย่างดี ใช้เวลาไม่นานก็ถึงหน้าสถานศึกษา มีรถม้าหลายคันมาจอดเหมือนกัน คงมารอรับบุตร รออยู่ไม่ถึงก้านธูป ก็เริ่มมีบัณฑิตน้อยออกมาจากห้องเรียน เท่าที่ดูเหมือนจะปล่อยเด็กชั้นเริ่มต้นก่อน เด็กโตอาจเรียนหนักกว่าจึงปล่อยช้ากว่า
กลุ่มเด็กชายเดินมา หนึ่งในนั้นมีบุตรชายนาง เป็นภาพที่เฟยฮวาเห็นแล้วน้ำตารื้นขึ้นมาเพราะความยินดี หน้าของเฟยหลงประดับด้วยรอยยิ้มเปล่งประกาย รอยยิ้มส่งไปถึงดวงตา ดูเต็มไปด้วยความสุข เขาหัวเราะพูดคุย เทียวตอบคำถามสหาย ไม่ทันสังเกตมารดาเพราะมัวคุย จนมีสหายคนนึงสะกิดเฟยหลง แล้วชี้ให้สหายมองไปทางนั้น
“นั่นท่านน้าใจดี มารดาของเจ้า”
“ท่านแม่!” เด็กชายร้องเรียกขึ้น เร่งฝีเท้าเดินมาหา เด็กน้อยอีกหลายคนตามมาด้วย เหมือนมีรถม้าและคนมารับเด็กกลุ่มนั้น ต่างสงสัยว่าบุตรและคุณชายน้อยของพวกเขาวิ่งไปหาใครกัน หญิงอ้วนผู้นั้นเป็นใคร
“เฟยหลงลูกไม่ต้องวิ่ง เดี๋ยวจะหกล้ม” เขาผ่อนฝีเท้าตามท่านแม่ว่า สหายน้อยที่ตามหลังก็ผ่อนตาม เป็นภาพที่ช่างน่าเอ็นดู จนเดินมาถึงตรงรถม้านางจอดอยู่
“ข้าคิดถึงท่านแม่ขอรับ!” เกาะขามารดาแล้วออดอ้อนทันที
“แม่ก็คิดถึงเจ้ามาก เรียนสนุกไหม”
“สนุกขอรับ วันแรก ท่านอาจารย์พาออกกำลังกาย ทำความรู้จักกัน ข้ามีสหายเต็มเลย” เฟยหลงกำลังจะเล่าต่อ
“ข้าเป็นสหายกับเฟยหลงขอรับท่านน้า”
“ข้าด้วยขอรับ”
“ข้านั่งข้างเฟยหลงขอรับ”
“ข้านั่งกับเฟยหลงตอนมื้อกลางวันขอรับ”
สหายน้อยที่ตามเฟยหลงมาแนะนำตัวพอเฟยหลงพูดถึงสหาย
“น่าเอ็นดูกันทุกคนเลย เดี๋ยวเฟยหลงเล่าให้แม่ฟังอย่างละเอียดที่บ้านเรานะ” เด็กจะน้อยใจได้หากมารดาสนใจผู้อื่นมากกว่าตน
“ขอรับท่านแม่” เขากล่าวด้วยความยินดี วันนี้มีเรื่องเล่าเยอะมาก
“ขนมท่านน้าอร่อยมากขอรับ ท่านน้าใจดีให้มาหลายชิ้นมาก ข้าเก็บไว้กินที่เรือนด้วย” สหายน้อยผู้หนึ่งรายงาน
“อร่อยจริงขอรับ ข้าเคยกินมาหลายร้าน แต่ข้าชอบของท่านน้ามากที่สุด”
“ปิ่งกันมะพร้าวอร่อยมาก ข้าไม่เคยกินรสชาตินี้เลยขอรับ”
“ข้าไม่เคยกินปิ่งกันมาก่อนเลยขอรับ เพิ่งรู้ว่าอร่อย”
หลายเสียงพูดถึงขนมที่นางเอาไปแจก เฟยฮวาก็ตั้งใจฟังทุกคน
“ดีใจที่ถูกปากพวกเจ้า ไว้น้าทำให้กินอีกนะ”
“ขอรับ! พวกเราล้วนเป็นเด็กดี ไม่แกล้งกัน”
เฟยฮวาหัวเราะ ยังจำคำพูดนางได้อีก
“พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นเด็กดี” เฟยฮวากล่าวชมทุกคน รู้สึกดีมากเมื่อรายล้อมด้วยฝูงเด็กน้อย
“แน่นอนขอรับ!” ประสานเสียง
“พวกเจ้ากลับกันอย่างไร”
“ข้ารถม้าที่เรือนมารับขอรับ อยู่ทางนู้น” เด็กชายชี้ไปอีกทาง มีคนมองกลับมาด้วย
“ข้าเดินกลับขอรับ กับสหายผู้นี้ เรือนไม่ไกลมากอยู่ทางไปตลาด” เขาชี้ไปที่คนข้าง ๆ
“ข้ารอกลับพร้อมพี่สาวขอรับ”
“ส่วนข้ารอมารดามารับ”
“พวกเจ้าเก่งมาก เดี๋ยวไปนั่งรอในร่มเล่า แดดกำลังแรงจะป่วยได้ ใครเดินกลับก็ระมัดระวังด้วย คอยมองทางดี ๆ ระวังสะดุดก้อนหิน”
“ขอรับท่านน้าเฟยฮวา!”
คุยกันอยู่นานจนได้แยกย้าย เพราะคนรถม้าแต่ละเรือนมาตาม ไหนจะบิดามารดาที่มารับอีก เฟยฮวาหารู้ไม่ว่ากลายเป็นขวัญใจสหายน้อยของบุตรชาย พวกเขาเอาเรื่องนางไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง ‘ท่านน้าใจดีชื่อเฟยฮวา มารดาของเฟยหลงเอาขนมมาให้กิน ขนมอร่อยมาก ไม่เคยกินขนมที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน’ สหายบางคนเหลือขนม เอามาให้บิดามารดาชิม พบว่ารสชาติดีมากตามที่บุตรชายเล่า เดี๋ยวจะไปถามซื้อจากนาง
มีสหายน้อยผู้หนึ่ง เมื่อเล่าให้บิดามารดาฟัง โดนถามกลับว่าใช่เฟยฮวาหญิงอ้วนหรือเปล่า เด็กชายเถียงกลับว่า ท่านน้าใจดี สวยนะขอรับ ดูอบอุ่นไม่อ้วนเลยสักนิด
ถ้าเฟยฮวารู้ก็คงหัวเราะลั่น ในชีวิตก่อนก็ไม่ต่างกันในสายตาเด็กอนุบาล คุณครูใจดี = นางฟ้า สวยที่สุด
#มารดาอ้วนตัวร้าย
〰️ 〰️ 〰️ ·̩͙ ₊ ᨦ ♡ ᨩ ₊ ·̩͙ 〰️ 〰️ 〰️
2 ลี้ = 1 กิโลเมตร
ปิ่งกัน = คุกกี้
ยามเฉิน = 07.00-9.00
ครึ่งชั่วยาม = 1 ชั่วยาม
จู = ไข่มุก
ยามเว่ย = 13.00-15.00
1 ก้านธูป = 30 นาที
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??