เรื่อง แรกแย้มวังบุปผา (NC)
ฉีซีตื่นตระหนก
นางได้รับการเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมอยู่ในวังลึก เหล่าข้าหลวงต่างดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีจึงไม่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อน ก่อนี่าต้าิ้จะุโจมตีะาัต้องห้ามแะเกิดเุา์สังหารู่ นางไม่เคยเห็นศีรษะขาดเลือดไหลนองหรือแขนขาขาดวิ่นมาก่อน ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยี่จะจินตนาการถึงการเย็บแผลอันน่าสยดสยอง
ภายในใจนางรู้สึกต่อต้านการเย็บแผล จึงพยายามเอื้อมมือไปเปิดมุ้ง ชักแขนี่บาดเจ็บกลับมาไม่ให้หมอหลวงโจวทำการรักษาต่อ
ทว่าโม่ซีกลับเคลื่อนไหวเร็วกว่า
เขาคว้าข้อมือแะแขนข้างี่บาดเจ็บของนางไว้ ป้องกันไม่ให้นางเปิดมุ้งขึ้น
“ไม่เย็บไม่ได้หรือ? แค่ทายาก็พอแล้ว?” ฉีซีรู้สึกเจ็บปวดจึงหันไปขอร้องโม่ซี
“เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า หากบาดแผลเน่าลามไปถึงกระดูก เจ้าจะสูญเสียมือข้างนี้ เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เจ้าเลือกเอาเอง” พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความเด็ดขาดี่ไม่อาจปฏิเสธได้
สีหน้าของฉีซีเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาจัดลำดับความสำคัญแะพูดอย่างชัดเจน
เช่นเดียวกับตอนี่นางอยู่บนถนนดอกไม้ โม่ซีก็ปล่อยให้นางเลือกด้วยตัวเอง ทว่าความจริงแล้วนางไม่มีทางเลือก
นางทำได้เพียงกัดริมฝีปาก พูดด้วยความรู้สึกไร้ทางเลือก "...เย็บ..."
“อืม” โม่ซีตอบเบาๆ เสียงสูงขึ้นเล็กน้อยราวกับพอใจกับคำตอบของนาง แะหันไปสั่งให้หมอหลวงโจวไปเอาผงหม่าเฟ่ยมา
หมอหลวงโจวซึ่งนั่งอยู่ด้านหนึ่งของมุ้ง ลอบถอนหายใจ นี่คือกลิีของซี๋
หมอหลวงโจวแต่เดิมเป็นหมอประจำพระองค์ของฮ่องเต้แห่งต้าิ้ ตามระเบียบแล้วควรเป็นหมอทั่วไปี่มารักษาท่าน๋ ไ่ใ่เขา อย่างไรก็ตามฮ่องเต้แห่งต้าิ้กลับสั่งให้เขาแะเหล่าแพทย์หลวงอยู่ี่หลานตู ซึ่งเทียบเท่ากับการถูกปลดจากเมืองหลวงไปอยู่ห่างไกลจากครอบครัวหลายพันลี้ หมอหลวงโจวไม่เต็มใจี่จะทำเช่นนั้น ทว่าราชโองการนั้นยากจะฝ่าฝืนแะเขาไม่ก็กล้าแสดงออกมา
สิ่งี่ไม่คาดคิดเล็คือซี๋ขอพระราชทานตำแหน่งขุนนางชั้นสูงผู้ดูแลตำหนักกลางต่อหน้าฮ่องเต้แห่งต้าิ้
ว่ากันว่าอดีตอาณาจักรหยวนฉีจำเป็นต้องมีขุนนางแห่งต้าิ้ปกครองจึงจะสงบสุขได้ แะสมุนไพรในอาณาจักรหยวนฉีนั้นมีความพิเศษ จึงขอพระราชทานแต่งตั้งหมอหลวงโจวเป็นหัวหน้าสำนักยาหลวงในอดีตะาัหยวนฉี เขียนตำรายาเพื่อเติมเติมความรู้ทางการแพทย์ให้อาณาจักรต้าิ้
ฮ่องเต้แห่งต้าิ้มองซี๋อย่างลึกซึ้งแะเห็นด้วย
หมอหลวงโจวี่ฟังอยู่ด้านหนึ่ง เสื้อผ้าข้างในเกือบจะเปีโชก
การอยู่ใกล้ชิดกับฮ่องเต้เปรียบเสมือนอยู่ใกล้เสือ การกระทำของซี๋ในครั้งนี้ทำให้เขาสูญเสียความไว้วางใจจากฮ่องเต้แห่งต้าิ้ ในอนาคตฮ่องเต้ต้าิ้จะไม่มีทางมอบหมายงานให้เขาอีกเป็นแน่แท้ หากพูดถึงอนาคตแะความก้าวหน้า ซี๋เป็นคนตัดเส้นทางของเขาด้วยตัวเอง ทว่าการเป็นเตี้ยนจงเฉิง1ในอาณาจักรี่ไม่มีฮ่องเต้ปกครอง อาจไ่ใ่เรื่องร้ายสำหรับเขา
หลังจากนั้นไม่นาน ซี๋ได้ถามเกี่ยวกับสถานการณ์ทางครอบครัวของหมอหลวงโจว แะช่วยพาครอบครัวของเขามาี่หลานตู ตอนนี้แม้ว่าฮ่องเต้แห่งต้าิ้จะสั่งให้เขาลงมือกับซี๋ ย่อมเป็นไปไม่ได้
ซี๋เปรียบเสมือนสระน้ำลึก แม้ว่าโยนก้อนหินใส่เพื่อดูว่าจะเกิดคลื่นสะท้อนหรือไม่แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาใจจริงของเขาได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ใดๆ
ทางเลือกี่ซี๋มอบให้ไ่ใ่การัั ทว่าเป็าััให้เลือกเส้นทางี่เขาต้องการให้ไป
หากจะบอกว่าเส้นทางี่เขามอบให้ไม่ดี หลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีแะข้อเสีย จะทำให้คนผู้นั้นเข้าใจด้วยตัวเองว่าเส้นทางี่ซี๋มอบให้นั้นเป็นทางี่อันตรายน้อยี่สุด ปลอดภัยี่สุด บีบััให้ผู้คนยอมจำนนด้วยความสมัครใจ
ทว่าจะพูดว่าปฏิบัติตามด้วยความสมัครใจหรือรู้สึกขอบคุณ ก็พูดได้ไม่เต็มปาก
ฉีซีไม่ทราบเรื่องราวในอดีตเหล่านี้ รู้เพียงว่าซี๋ไม่มีเจตนาร้าย จึงกัดริมฝีปากอดทนอย่างเงียบๆ
หลังจากฉีซีขมวดคิ้วแะดื่มยารสขมลงไปแล้ว หมอหลวงโจวก็รายงานต่อโม่ซีว่า "ท่าน๋ขอรับ ผงหม่าเฟ่ยจะมีฤทธิ์ประมาณครึ่งก้านธูป หลังจากนั้นอาการปวดของแม่นางจะบรรเทาลงอย่างมาก แต่แม่นางห้ามขยับแขนข้างี่บาดเจ็บโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเข็มจะเคลื่อนแะอาจเกิดรอยแผลเป็นได้”
ฉีซีตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวแะไม่สบายใจ
ทันใดนั้นโม่ซีก็ขยับไปนั่งชิดกับฉีซีแล้วพูดอย่างใจเย็น "ข้าจะรักษาแผลี่แขนของเจ้า หากกลัวก็กอดข้าไว้"
ทันทีี่พูดคำเหล่านี้ออกมา ไม่เพียงแต่ฉีซีเท่านั้นี่ตกตะลึง ทว่าจูมามาผู้ยืนก้มศีรษะอยู่ด้านข้างก็ตกตะลึงเล็กน้อย หมอหลวงโจวสังเกตสังเกตสีหน้าแะท่าทางได้ แม้ว่าจะมีมุ้งกั้นแะไม่รู้ว่าสตรีี่อยู่หลังม่านคือผู้ใด ทว่าเขาก็จดจำความเมตตาของซี๋ี่มีต่อสตรีผู้นี้ได้
ใบหน้าของฉีซีร้อนผ่าว ทั้งคู่เพิ่งรู้จักกันยังไม่ถึงวัน ทั้งเขายังรังแกแะข่มขู่นาง ตอนนี้เขากลับพูดจาสนิทสนมกับนางจนสร้างความเข้าใจผิดต่อหน้าผู้อื่น นี่ไ่ใ่การทำลายชื่อเสียงของนางหรอกหรือ? ภายในใจนางรู้สึกโกรธแค้นทว่าไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงกัดฟันอดทนกับการกระทำของเขา
โม่ซีเห็นว่าพวงแก้มของนางแดงก่ำลามไปจนถึงใบหู ใบหูี่บอบบางระบายด้วยสีชมพูอ่อน ภายในใจรู้ดีว่านางโกรธตน จึงอดรู้สึกขบขันไม่ได้ ขบขันกับความไม่รู้ของนาง แะยิ่งขบขันี่นางไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้
เขาเคยปฏิบัติต่อใครเช่นนี้มาก่อนตั้งแต่เมื่อใด? หากไ่ใ่เพราะนิสัยี่แปลกประหลาดของนาง ดึงดูดความสนใจของเขาจนอยากลองท้าทายเพื่อดูว่านางจะตอบสนองอย่างไร เขาคงไม่เข้าหาอย่างกะทันหันเช่นนี้
เนื่องจากมุ้งคลุมตัวทั้งสองไว้ โม่ซีจึงรู้สึกอยากหยอกล้อ โน้มตัวไปกัดติ่งหูของนาง แล้วดึงนางเข้าสู่อ้อมแขน
“อ๊า!” ฉีซีร้องเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวด ตวัดสายตามองเขา
นางไม่มีแม้แต่โอกาสขัดขืน จึงทำได้เพียงพิงอ้อมแขนของเขาแล้วจ้องเขาด้วยความโกรธ
เขามีท่าทางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแะมองย้อนกลับไป เมื่อฉีซีเห็นสายตาี่มองมาอย่างพิจารณา จึงกัดริมฝีปากแะก้มหน้าลง
โม่ซียิ้ม ภายในใจคิดว่านางกล้าแสดงอารมณ์กับท่าน๋ชัดเจนถึงเพียงนี้ เขาจะเชื่อได้อย่างไรว่านางเป็นเพียงนางกำนัล?
นางไม่รู้เลยว่าเขากำลังทดสอบพฤติกรรมของนางอยู่ นางไม่มีเล่ห์เหลี่ยมมากนัก ไม่เหมือนสตรีในวังหลังี่ชิงดีชิงเด่นกัน เช่นนั้นแล้วตัวตนของนางคืออะไร แท้จริงแล้วนางเป็นผู้ใดกันแน่?
นางมีลักษณะคล้าับองค์หญิงหลิวเฟิง ทว่าหลังจากไฟไหม้ตำหนักหานซิ่ว เหลือเพียงศพไหม้เกรียมแะปิ่นปักผมขององค์หญิงอยู่ในี่เกิดเหตุ หลิวเฟิงตายไปแล้วจริงหรือ? หรือเป็นเพียงการจัดฉาก? โม่ซีไม่ทราบแน่ชัด สายตาี่มองฉีซีเต็มไปด้วยความสงสัย
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป หมอหลวงโจวก็หยิบกาอ้ายฉาวจิ่ว2มาเทลงบนผ้าสะอาด เช็ดบริเวณรอบแผล จากนั้นใช้เข็มปลายแหลมี่ผ่านการรมควันอ้ายฉาวเอาหนามี่ฝังอยู่ในมือของฉีซีออก
มุ้งปิดกั้นการมองเห็นของนาง ทำให้ไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของหมอหลวงโจวได้อย่างชัดเจน ทันใดนั้นบาดแผลก็เจ็บปวดอย่างรุนแรง นางสูดหายใจเข้าอย่างแรง พยายามชักมือกลับ
โม่ซีกดแขนนางแน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า "อย่าขยับ"
นางมองเขาแะร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว "ไ่ใ่ว่าใช้ผงหม่าเฟ่ยแล้วจะไม่เจ็บหรอกหรือ?"
หมอหลวงโจวหยุดการเคลื่อนไหว ไตร่ตรองคำพูดแล้วพูดกับโม่ซี "ผงหม่าเฟ่ยสามารถบรรเทาอาการปวดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ไ่ใ่ยาวิเศษ แม่นางโปรดอดทนสักครู่"
“เจ้าได้ยินชัดเจนแล้วหรือไม่? อดทนไว้” หลังจากพูดจบ โม่ซีก็กระชับมือนางให้แน่นขึ้น
อดทน? ให้เขามาลองเองดูสิ!
ฉีซีจ้องไปี่โม่ซีแะกำลังจะกรีดร้อง โม่ซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยราวกับรับรู้ถึงความสงสัยของนาง พูดกับหมอหลวงโจวว่า "ทำต่อไป"
การเขี่ยหนามออกยังคงเป็นเรื่องเล็ก ทว่าเมื่อหมอหลวงโจวแทงปลายเข็มเข้าไปในผิวหนังของนาง ฉีซีก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหวแะคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
ทุกครั้งี่เดินเข็ม ทุกครั้งี่ด้ายเสียดสีกับผิวเนื้อ ล้วนเป็าหลิงฉือ3 เจ็บยิ่งกว่าถูกแส้ฟาดเสียอีก!
ฉีซีขมวดคิ้ว อดทนต่อความเจ็บปวด น้ำตาไหลอาบใบหน้า ใบหน้าของนางซีดเซียวแะบิดเบี้ยว หลังจากเข็มี่สาม ในี่สุดนางก็ทนไม่ไหวแะเริ่มร้องไห้
“มันเจ็บ... ผงหม่าเฟ่ยได้ผลจริงหรือ? มันเจ็บจริงๆ ! หยุดได้ไหม? ได้โปรดหยุดเสียที!”
นางหันกลับไปมองโม่ซีทั้งน้ำตา
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[1] เตี้ยนจงเฉิง ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้ทำหน้าี่ดูแลงานราชการภายในะาั
[2] อ้ายฉาวจิ่ว แอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งี่ผลิตจากสมุนไพร
[3] หลิงฉือ ิีาประหารชีวิตโบราณของจีนโบราณ ื่าเป็นิีาี่โหดร้ายาุี่สุดิีหนึ่ง
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??