เรื่อง Thunder God Emperor จักรพรรดิอัสนีเทพเจ้า
ตอนที่49 เืหูู่่
หลังจากที่ใ้ฝ่ามือัีเทวะเพื่อสังหารหัวหน้าสาขาหางมังกรมู่ฉางหลิงไปเฟิงอี้ก็มีสีหน้าเหนื่อยล้าแต่ทว่าก็มิได้หยุดพักแต่อย่างใดสั่งให้เสี่ยวฉุนมุ่งหน้าไปยังเมื่องหูู่่ในทันที
ทีแรกเฟิงอี้คาดว่าในการเดินทางครั้งนี้จักต้องใ้เวลาถึง7วันทว่าตอนนี้มันผิดคาดเป็นอย่างยิ่งเพราะตัวของเฟิงอี้ในเวลานี้ใ้เวลาไปเพียงมินานเท่านั้น
สวบ! สวบ!
ความเร็วของเสี่ยวฉุนรวดเร็วยิ่งนักมินานก็ปรากฏกำแพงสูงใหญ่เบื้องหน้าขึ้นภายในครรลองดวงเนตรนั้นมันดูโอฬารมิน้อย
ตั้งแต่นอกประตูเืก็มีผู้คนกระจายกันอยู่เต็มไปหมดบ้างก็ต่อแถวกันมันดูครึกครื้นมากเลยทีเดียวอาจจักเทียบกับเืหลวงได้เลยในเรื่องความรุ่งเรืองทางด้านการค้า
ผู้คนในเืต่างมีสัตว์อสูรส่วนตัวกันหลายคนบางคนมีถึงสัตว์อสูรที่โบยบินบนท้องนภาได้อย่างนกกระเรียนสามหัวตัวขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกคนไปได้สองถึงสามคน
และคนเล่านั้นก็เป็นผู้ฝึกตนที่มีระดับพลังกำเนิดปฐพีขั้นที่หนึ่งขึ้นไปกันทั้งนั้น
“มีผู้ฝึกตนมากหน้าหลายตาเลยทีเดียว”เฟิงอี้ได้เปิดหูเปิดตาอยู่บ้างตั้งหลายพันหลายหมื่นปีมาแล้วเฟิงอี้มิได้เจอกับผู้คนมากมายเช่นนี้เลยได้เพียงแค่อาศัยเครื่องรางเพื่อเป็นที่สิงสถิตเท่านั้นมิสามารถออกไปที่ใดได้
“กว่างานบวงสรวงสวรรค์จักเริ่มก็อีกราวหนึ่งเดือน…เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนเสียก็แล้วกัน”ว่าแล้วเฟิงอี้ก็มุ่งหน้าไปยังประตูเืเมื่อผู้คนที่ต่อแถวกันอยู่เบื้องหน้าของเฟิงอี้ผ่านการตรวจสอบจากทหารเฝ้าประตูเืแล้ว
“หยุดก่อน"เฟิงอี้ถูกรั้งให้หยุดอยู่หน้าประตูเืทหารเฝ้าหน้าประตูหยิบเอาม้วนตำราออกมาก่อนที่จะเอ่ยปากถามขึ้น
“นามของเจ้าคืออันใด”
“อี้เฟิง”เฟิงอี้มิได้บอกนามที่ถูกต้องของตนออกมาไปตัวเฟิงอี้สลับแซ่ตัวเองอย่างเรียบง่าย
“อืม…อี้เฟิง…มิพบรายชื่ออาชญากร…ชั้นแรกผ่านไปได้”ทหารยามปล่อยให้เฟิงอี้ผ่านเข้าประตูเข้าไปโดยง่ายถึงแม้ว่าเฟิงอี้จักควบสัตว์อสูรตัวใหญ่ยิ่งกว่าช้างธรรมดาตัวเต็มวัยก็ตามที
นี่ก็อาจจักเป็นเพราะว่าระดับพลังบ่มเพราะของเฟิงอี้และเสี่ยวฉุนด้วยถึงทำให้ทหารเฝ้าหน้าประตูมิได้เกิดความกังวลใดๆ
เพราะหัวหน้าทหารเฝ้าประตูเืเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับกำเนิดปฐพีขั้นที่สอง
หลังจากที่ผ่านการตรวจชั้นแรกแล้วเฟิงอี้ก็เดินเข้าไปผ่านประตูเือันกว้างขวางเข้าไปอย่างช้าๆมิได้รีบร้อนพลางกวาดครรลองสอดส่องไปทั่วบริเวณอย่างเรียบเฉย
“หยุด"เมื่อเดินต่อมาได้สักพักก็ต้องถูกบอกให้หยุดอีกครานี่คือการตรวจอาชญากรชั้นที่สอง
ว่าแล้วทหารที่ทำหน้าที่ตรวจอาชญากรชั้นที่สองก็เปิดม้วนตำราเพื่อดูบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จักเอ่ยปากขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า
“ผ่าน”ในม้วนตำราอาญชากรมิได้มีใบหน้าของเฟิงอี้อยู่เลยนี่ก็เป็นเหตุที่ทหารผู้ตรวจอาชญากรมิมีเหตุจำเป็นอันใดที่ต้องรั้งเฟิงอี้ต่อไป
หลังจากที่ผ่านการตรวจอาชญากรแล้วเฟิงอี้ก็ให้เสี่ยวฉุนเดินไปตามเส้นทางหินที่ปูเอาไว้อย่างสวยงามเส้นทางหินนี้กว้างขวางเป็นอย่างมากแม้เสี่ยวฉุนจักตัวใหญ่โตแต่ทว่ากลับมิได้กินพื้นที่เลย
ผู้คนมากมายเดินจับจ่ายใ้สอยสิ่งของบางอย่างที่บางทีเฟิงอี้เองก็มิรู้จัก
“สิ่งนี้คืออันใดหรือ?”เฟิงอี้กวาดครรลองดวงเนตรไปพบพานกับบางสิ่งที่มิเคยเห็นและเป็นที่แน่นอนว่าในหลายพันหลายหมื่นปีก่อนไม่เคยมีสิ่งนี้อยู่
“เรียนคุณชายมันคือน้ำตาลก้อนขอรับ”ผู้ที่ขายสิ่งที่เรียกว่าน้ำตาลก้อนนี้คือเด็กชายวัยน่าจักราวๆสิบปีเห็นจักได้พลังฝึกตนของเด็กชายนั้นมิมีเลย
เป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง
“มันกินได้หรือไม่?"เฟิงอี้เอ่ยขึ้นมาอย่างสงสัยแต่ทว่ามันก็ทำให้เด็กน้อยถึงกับชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจักตอบคำถามของเฟิงอี้
“ขอรับมันคือของกินมันรสชาติหวานราวกับน้ำผึ้งเลยทีเดียว”เด็กน้อยอยากจักเอ่ยถามเหลือเกินว่าเฟิงอี้ไปอยู่ในถ้ำที่ไหนมามิรู้จักกระทั่งน้ำตาลก้อนแต่ทว่ามองดูอาภรณ์ของเฟิงอี้ก็ดูเหมือนคุณชายของตระกูลที่ร่ำรวยตระกูลหนึ่ง
อาภรณ์นี้เฟิงอี้ได้มากจากห้าตำหนักใหญ่มันดูค่อนข้างสวยงามดังนั้นเฟิงอี้จึงจัดแจงใส่มันอย่างมิลังเลและก็เนื่องด้วยอาภรณ์ผืนเก่าฉีกขาดไปหมดแล้วอีกด้วย
“นี่ขอรับคุณชายน้ำตาลก้อนของท่านลองชิมดูมันรสชาติดีมากเลยนะขอรับ”เด็กชายเอาน้ำตาลก้อนยื่นให้กับเฟิงอี้อย่างราบรื่น
พรึบ!
เฟิงอี้กระโดดลงมาจากหลังของเสี่ยวฉุนด้วยความพลิ้วไหวก่อนจักมายืนอยู่บนพื้นเบื้อหน้าเด็กชายปุถุชนคนธรรมดานี้
‘มันจักกินได้จริงๆเช่นนั้นหรือ?’เฟิงอี้รับน้ำตาลก้อนเสียบไม้จากเด็กชายมาก่อนจักจ้องมองแล้วครุ่นคิดอย่างสงบ
“ลองชิมดูเลยขอรับท่านยังจักลังเลอันใดอยู่อีก?”เด็กชายมองดูเฟิงอี้แล้วรู้สึกขบขัน
“อืม…รสชาติของมันมิเลวเลย…เอานี่ไป"เฟิงอี้ลิ้มรสของน้ำตาลก้อนแล้วเอ่ยขึ้นมันรสชาติดีจริงๆหวานหอมเหมือนกับน้ำผึ้งจริงๆ
ที่เฟิงอี้ยื่นให้เด็กชายนั้นคือเหรียญทองหนึ่งเหรียญ
“มิต้องทอน”ว่าแล้วเฟิงอี้ก็ทะยานขึ้นบนหลังของเสี่ยวฉุนอย่างพลิ้วไหวดังเดิมและมีน้ำตาลก้อนติดมือไปด้วย
“ขอบคุณนายน้อย”เด็กชายมิได้สนใจเฟิงอี้อีกต่อไปทำการขายน้ำตาลก้อนต่ออย่างสบายอารมณ์...
ส่วนเฟิงอี้ที่จากมาแล้วก็กวาดครรลองสายตาสอดส่องไปทั่วอีกครั้งเพื่อมองหาสิ่งที่มิเคยพบเจอมาก่อน
"หยุดเสียเจ้าคนขี่พยัคฆ์ขาว!"เฟิงอี้ที่กำลังมองดูสิ่งต่างๆอย่างเพลิดเพลินก็พลันได้ยินเสียงทรงพลังกระทบเข้าสู่โสตประสาทของตนมันฟังดูมิน่าอภิรมย์แม้แต่น้อย
จบ...โปรดติดตามตอนต่อไป...
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??