เรื่อง สุดยอดเจ้าสำนัก
หลินเฟิงนำทางมู่หรงเยียนหรานและสหายอีกสองคนมาึยังบริเวณนอกหมู่บ้านศิลา บริเวณี่เคยเกิดการต่อสู้กันก่อนหน้านี้ยังไ่ได้ถูกเก็บกวาด พื้นดินยังคงเกลื่อนกลาดไปด้วยร่างแห้งเหี่ยวจำนวนนับไ่ถ้วน สภาพโดยรอบดูน่าสะพรึงกลัวราวกับนรกบนดิน
ไ่ใช่เพียงแค่มู่หรงเยียนหรานเท่านั้นี่เมื่อได้เห็นภาพอันน่าสังเวชนี้แล้วึกับเกือบจะอาเจียนออกมา แม้แต่เย่เก๋อและชายหนุ่มชุดขาวเองก็ยังอดไ่ได้ี่จะขมวดคิ้วมุ่น พวกเขารู้สึกคื่ไส้ไ่ต่างกัน
ลำต้นี่ไหม้เกรียมของต้นท้อเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่ี่ทางเข้าหมู่บ้านนั้น ตัดกับภาพของดอกท้อสีชมพูอันสวยสดี่กำลังเบ่งบานอยู่บนกิ่งก้านของมัน ช่างเป็ภาพี่ดูขัดแย้งกันอย่างยิ่ง จนทำให้ผู้ี่ได้พบเห็นรู้สึกไ่สบายใจอย่างบอกไ่ถูก
ใสภาพแวดล้อมี่ดูไ่ต่างไปจากขุมนรกบนดินเช่นนี้ ยิ่งดอกท้อเหล่านั้นดูสดใสและีชีวิตชีวามากเพียงใด มันก็ยิ่งดูน่าขนหัวลุกมากขึ้นเพียงนั้น
ขณะี่หลินเฟิงกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็พลันเกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้นภายใหมู่บ้านศิลา เสียงสบถด่าของผู้ใหญ่และเสียงร้องไห้ของเด็กๆ ดังผสมปนเปไปหมด ผู้คนต่างพากันวิ่งหนีตายออกมายังนอกหมู่บ้านจากหลายทิศทาง พวกเขาพยายามี่จะวิ่งออกไปให้ห่างจากต้นท้อเก่าแก่ี่ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ปากทางเข้าหมู่บ้านให้มากี่สุด
หลินเฟิงรีบเพ่งสายตามองไป เขาก็เห็นกลีบดอกท้อสีแดงสดจำนวนมากกำลังปลิวว่อนอยู่ใอากาศ พวกมันกำลังไล่ล่าติดตามชาวบ้านี่กำลังวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง
ไ่่าใครก็ตามี่ถูกกลีบดอกไม้เหล่านั้นเกาะติด พลังชีวิตของพวกเขาก็จะถูกดูดกลืนไปจนหมดสิ้น ร่างกายจะกลับกลายเป็ร่างแห้งเหี่ยวไปใทันที
เมื่อได้เห็นเสี่ยวปู้เตี่ยนซึ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชนกำลังพยายามปกป้องผู้อื่นและวิ่งหนีออกมาพร้อมกับทุกคน หลินเฟิงก็พลันถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก เขาลอบรู้สึกดีใจอยู่ใใจ
'โชคดีี่เจอพวกมู่หรงเยียนหรานก่อน ไ่งั้นถ้าปีศาจต้นท้อลงมือเร็วขนาดนี้ ข้าคงไ่ีทางรับมือได้แน่'
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลีบดอกท้อจำนวนมากี่กำลังไล่ล่าออกมายังนอกหมู่บ้าน หลินเฟิงก็แสร้งทำเป็ร้องเสียงหลง เขากุมหัววิ่งหนีหายไปใทันที ดูราวกับ่ากำลังตื่นตระหนกกลัวอย่างสุดขีด
มู่หรงเยียนหรานและชายหนุ่มชุดขาวมองตามแผ่นหลังของหลินเฟิงี่วิ่งหนีหายลับไปไกลลิบ พวกเขาแค่นเสียงเย็นชาออกมาพร้อมๆ กัน "'เจ้าคนขี้ขลาด'"
หลินเฟิงไ่รู้ตัวเลย่าตนกำลังถูกดูแคลนอยู่ และึแม้จะรู้ เขาก็คงจะไ่ใส่ใจมันอยู่ดี
แน่นอน่าเขาจะต้องรีบหนีไปก่อน หากปล่อยให้เสี่ยวปู้เตี่ยนและผู้ใหญ่บ้านมาเห็นตนเองเข้าใตอนนี้ แล้วเขาจะยังสามารถวางมาดเป็าา์ผู้ลึกล้ำต่อไปได้อย่างไรกันเล่า?
และใอีกทางหนึ่ง หลินเฟิงก็ต้องรีบหลบหลีกออกจากสายตาของคนทั้งสามจากนิกายกระบี่เชิ่งกวงด้วยเช่นกัน เพื่อี่จะได้เตรียมตัวลงมือด้วยตนเองใภายหลัง
ไ่่าฝ่ายใดจะเป็ฝ่ายแพ้ืฝ่ายชนะ หลินเฟิงก็จะลงมือเข้าแทรกแซงอยู่ดี
หากปีศาจต้นท้อเป็ฝ่ายชนะ หลินเฟิงย่อมไ่ยินดีเป็แน่ เพราะใตอนนี้มันไ่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัยของเสี่ยวปู้เตี่ยนเท่านั้น แต่เขายังต้องแน่ใจด้วย่า หากพวกของมู่หรงเยียนหรานเป็ฝ่ายพ่ายแพ้ พวกเขาจะต้องไ่ตายและสามารถหลบหนีรอดไปได้ อย่างน้อยี่สุด แม่นางมู่หรงเยียนหรานผู้นี้จะต้องตายไ่ได้เป็อันขาด
มิเช่นนั้นแล้ว ใครจะไปี่ตระกูลเซียวเพื่อถอนหมั้นเล่า?
แต่ใทางกลับกัน หากพวกของเย่เก๋อเป็ฝ่ายชนะไปได้อย่างง่ายดายเกินไป สำหรับหลินเฟิงแล้ว นั่นก็ไ่ใช่เรื่องี่ดีเช่นกัน ใครจะไปรู้ได้่าพวกเขาอาจจะมองเห็นึศักยภาพอันยอดเยี่ยมของเสี่ยวปู้เตี่ยน แล้วตัดสินใจรับเขาเข้าเป็ศิษย์ใสังกัดของนิกายกระบี่เชิ่งกวงไปเลยืไ่?
หากเป็เช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ หลินเฟิงก็คงจะสูญเสียโอกาสไปโดยเปล่าประโยชน์
ดังนั้น สถานการณ์ี่ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงเป็ผลลัพธ์ี่หลินเฟิงปรารถนาี่จะเห็นมากี่สุด
ดังนั้น หลังจากี่หาี่ซ่อนตัวได้อย่างระมัดระวังแล้ว หลินเฟิงก็หยิบกระบี่แสงเหนือของตนออกมา เตรียมพร้อมจับตามองการต่อสู้เบื้องหน้าอย่างใกล้ชิด
ชายหนุ่มชุดขาวได้ชักกระบี่ของตนออกจากฝักแล้ว เขาเป็คนแรกี่พุ่งเข้าปะทะกับปีศาจต้นท้อ
เพียงแต่่า แม้ระดับผู้ฝึกหัดลมปราณขั้นี่ 10 จะนับ่าน่าทึ่งอยู่ไ่น้อย และเขาก็สามารถใช้กระบี่ฟันทำลายกลีบดอกท้อไปได้บ้างก็ตาม แต่มันก็ยังคงห่างไกลจากการี่จะเป็คู่ต่อสู้ของปีศาจต้นท้อเฒ่าตนนั้นอยู่ดี
เมื่อรัศีกระบี่อันคมกริบของชายหนุ่มชุดขาวกำลังจะฟันเข้าใส่ลำต้นของมัน พลันเกิดการเปลี่ยนแปงขึ้นกับปีศาจต้นท้อ ดอกท้อี่อยู่บนกิ่งก้านทั้งหมดของมันพร้อมใจกันปลดปล่อยหมอกสีชมพูจางๆ ออกมา สายหมอกเหล่านั้นเชื่อมต่อเข้าด้วยกันจนกลายเป็ม่านหมอกี่ห่อหุ้มอยู่รอบต้นท้อเอาไว้
เมื่อกระบี่ของชายหนุ่มชุดขาวฟันฝ่าเข้าไปใม่านหมอกสีชมพูนั้น มันก็พลันติดขัดขึ้นมาใทันที ราวกับ่ากำลังจมลงไปใหล่มทรายอันหนืดเหนียว จนไ่อาจี่จะเคลื่อนไหวต่อไปได้อีก
"เจ้าปีศาจชั้นต่ำ กล้านักรึ?!" สีหน้าของชายหนุ่มชุดขาวพลันเปลี่ยนไปใทันที เขาต้องการี่จะเรียกกระบี่บินของตนกลับมา แต่กลับพบ่ามันถูกม่านหมอกสีชมพูนั้นยึดเอาไว้แน่น ไ่่าเขาจะพยายามเพียงใดก็มิอาจี่จะดึงมันกลับมาได้
ไ่เพียงเท่านั้น หมอกสีชมพูยังสามารถกัดกร่อนไปตามพลังปราณี่เชื่อมต่ออยู่ ก่อนจะย้อนกลับเข้ามาโจมตีตัวเขาเองอีกด้วย ใบหน้าของชายหนุ่มชุดขาวพลันแดงก่ำขึ้นมาใทันที ราวกับคนเมาสุรา เขาทำได้เพียงแค่ต้านทานมันเอาไว้อย่างยากลำบากเท่านั้น
สถานการณ์พลันย่ำแย่ลงใทันที เย่เก๋อและมู่หรงเยียนหรานต่างก็ตกใจเป็อย่างมาก มู่หรงเยียนหรานต้องการี่จะเข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็ถูกเย่เก๋อห้ามเอาไว้เสียก่อน "'ปีศาจต้นไม้ตนนี้ดูีบางอย่างี่แปกประหลาดนัก อย่าเพิ่งผลีผลามเข้าไป'"
เย่เก๋อยื่นแขนข้างหนึ่งออกไป เขาปลดปล่อยปราณกระบี่ไร้สภาพสายหนึ่งออกมาด้วยการสะบัดแขนเพียงครั้งเดียว มันตัดขาดการเชื่อมต่อระห่างชายหนุ่มชุดขาวกับปีศาจต้นท้อได้ใทันที เขาช่วยชายหนุ่มชุดขาวออกมาได้สำเร็จ แล้วจึงส่งตัวอีกฝ่ายให้กับมู่หรงเยียนหราน "'พวกเจ้ายืนดูอยู่ห่างๆ ก่อน ข้าจะลงมือรับมือกับปีศาจตนนี้ด้วยตนเอง'"
กล่าวจบ เขาก็ชักกระบี่เล่มงามของตนออกจากฝัก ก่อนจะแทงกระบี่ออกไปตรงๆ ปลดปล่อยรัศีกระบี่สีทองอันเจิดจ้าสายหนึ่งออกมา
รัศีกระบี่ของเย่เก๋อนั้นรุนแรงก่าของชายหนุ่มชุดขาวก่อนหน้านี้อยู่มากนัก มันดูคล้ายกับสายรุ้งี่ตัดผ่านม่านหมอกแล้วพาดผ่านไปบนท้องฟ้า รัศีกระบี่อันเจิดจ้านี้ฟันตรงไปยังต้นท้อเก่าแก่ด้วยความเร็วสูง
ปีศาจต้นท้อใช้กลอุบายเดิมอีกครั้ง หมอกสีชมพูพลันหนาแน่นขึ้นก่าเดิม มันเข้าสกัดกั้นรัศีกระบี่ของเย่เก๋อเอาไว้ เกิดเป็ระลอกคื่คล้ายกับผิวน้ำปรากฏขึ้นบนม่านหมอก พลังโจมตีอันรุนแรงของเย่เก๋อกลับถูกนางใช้ม่านหมอกนั้นเบี่ยงเบนออกไปด้านข้างได้อีกครั้ง
หลินเฟิงลอบกล่าวอยู่ใใจ 'ขอบคุณสวรรค์จริงๆ' สามารถรับการโจมตีของผู้ฝึกตนใระดับสร้างฐานอย่างเย่เก๋อได้โดยตรงเช่นนี้ ปีศาจต้นท้อเฒ่าตนนี้จะต้องีพลังอยู่ใระดับสร้างฐานอย่างแน่นอน
'นับ่าโชคดีี่ไ่ผลีผลามเข้าไปก่อน ไ่งั้นแม้ีกระบี่แสงเหนือ การวิ่งไปสู้เดี่ยวกับปีศาจต้นท้อก็คงเป็การรนหาี่ตาย'
เย่เก๋อแค่นเสียงเย็นชาออกมา รัศีกระบี่อันเจิดจ้าพลันแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็ม่านหมอกอีกครั้ง มันขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ปราณกระบี่อันแหลมคมแผ่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อตัวขึ้นเป็เสาเมฆาขนาดมหึมาสูงเสียดฟ้า
เมื่อเสาเมฆาขยายตัวจนึขีดสุด ม่านหมอกนั้นก็พลันระเบิดกระจายออก กลายเป็-่าฝนแห่งปราณกระบี่ี่ดูคล้ายกับฝูงตั๊กแตนอพยพ ปราณกระบี่นับแสนนับล้านสายพุ่งเข้าโจมตีจากทุกทิศทุกทางพร้อมๆ กัน
แต่ปีศาจต้นท้อกลับดูไ่รีบร้อนแต่อย่างใด ดอกท้อี่อยู่บนกิ่งก้านทั้งหมดของมันพลันร่วงหล่นลงมาพร้อมกัน ก่อนจะก่อเกิดกลายเป็-่าฝนบุปผาอยู่กลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าใส่เย่เก๋อทันที
แตกต่างไปจากกลีบดอกไม้ี่ดูอ่อนแอและล่องลอยไปมาเหมือนก่อนหน้านี้ กลีบดอกไม้ใครานี้กลับดูแหลมคมราวกับคมลูกศร พวกมันสามารถทะยานแหวกเมฆและผ่าหินผาให้แตกสลายได้!
-่าฝนบุปผาี่ปลิวว่อนอยู่ทั่วท้องฟ้าเข้าปะทะกับปราณกระบี่อันไร้ขอบเขตอยู่กลางอากาศ เกิดเป็การปะทะกันอย่างรุนแรงสนั่นหวั่นไหว
กลีบดอกไม้จำนวนนับไ่ถ้วนแตกสลายไป ปราณกระบี่อันแหลมคมก็เลือนหายไปเช่นกัน พลังทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะพัวพันกันอย่างดุเดือด จนโลกทั้งใบใสายตาของผู้คนกลายเป็ภาพี่พร่าเลือนไปชั่วขณะ
หลินเฟิงี่ซ่อนตัวอยู่เผลอมองดูการต่อสู้นั้นอย่างลืมตัว 'นี่สินะคือพลังของผู้ฝึกตนใระดับสร้างฐาน ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ'
หลินเฟิงมองดูการต่อสู้พลางขบคิดอยู่ใใจ หากตนเองต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนใระดับสร้างฐานเช่นนี้ ควรจะรับมือกับมันอย่างไรดี?
โดยธรรมชาติแล้ว วิธีี่ดีี่สุดก็คือการหลีกเลี่ยงี่จะต้องต่อสู้ แต่หากจำเป็ต้องลงมือจริงๆ ก็คงจะต้องวางค่ายกลอัญเชิญอัสนีเก้าสวรรค์เพื่อลอบโจมตีก่อน จากนั้นจึงรีบใช้กระบี่แสงเหนือเข้าโจมตีซ้ำใทันทีขณะี่อีกฝ่ายกำลังวุ่นวายอยู่กับการรับมือสายฟ้า
ความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับการโจมตีทั้งสองกระบวนท่านี้เป็หลัก หากยังคงไ่สามารถเอาชนะได้ เขาก็จะตัดสินใจหลบหนีไปใทันที หนีไปให้เร็วี่สุดเท่าี่จะทำได้
โดยรวมแล้ว ภายใต้เงื่อนไขี่สามารถวางแผนเพื่อลอบโจมตีได้ก่อน ก็ใช่่าจะไ่ีโอกาสได้รับชัยชนะเลย แต่ึกระนั้นโอกาสก็ยังนับ่าค่อนข้างต่ำอยู่ดี
ขณะี่หลินเฟิงกำลังขบคิดอยู่นั้น การต่อสู้ ณ จุดนั้นก็ได้ดำเนินมาึจุดี่ดุเดือดเข้มข้นึขีดสุดแล้ว
ใระห่างการปะทะกันของปราณกระบี่และพายุบุปผานั้น ดูเหมือน่าเย่เก๋อจะเป็ฝ่ายี่เริ่มได้เปรียบอยู่เล็กน้อย หลังจากี่ปราณกระบี่ของเขาได้บดขยี้ดอกท้อไปมากก่าร้อยดอกแล้ว พลังส่วนี่เหลือก็ยังคงไ่หยุดยั้ง มันยังคงถาโถมกระหน่ำเข้าใส่ต้นท้อเก่าแก่ต่อไปอย่างต่อเนื่อง
-่าฝนแห่งปราณกระบี่อันเข้มข้นถาโถมเข้าใส่ต้นท้อเก่าแก่อย่างบ้าคลั่ง
ทั่วทั้งร่างของต้นท้อเก่าแก่พลันสั่นไหวอย่างรุนแรง พร้อมกับปรากฏชั้นรัศีปีศาจสีแดงเลือดหมูขึ้นมาปกคลุม มันดูงดงามและเจิดจ้า แต่ท่ากลับสามารถต้านทาน-่าฝนกระบี่นั้นเอาไว้ได้อย่างน่าประหลาด
มันดูคล้ายกับพายุฝนี่กระหน่ำลงบนผิวน้ำ เกิดเป็ระลอกคื่ซ้อนทับกันครั้งแล้วครั้งเล่าปรากฏขึ้นบนรัศีปีศาจสีแดงนั้น บางทีปราณกระบี่เพียงเส้นเดียวอาจจะไ่สามารถทำลายการป้องกันของปีศาจต้นท้อลงได้ แต่การโจมตีใครั้งนี้คือห่าฝนปราณกระบี่nับพันนับหมื่นสาย เมื่อต้องถูกโจมตีซ้ำๆ อย่างต่อเนื่องไ่หยุดยั้ง ปีศาจต้นท้อก็เริ่มี่จะแสดงอาการสั่นคลอนออกมาให้เห็น
มู่หรงเยียนหรานและชายหนุ่มชุดขาวต่างก็ส่งเสียงเชียร์ออกมาด้วยความดีใจ
ชาวบ้านหมู่บ้านศิลาี่หลบหนีออกไปอยู่ไกลๆ ก็พากันหยุดฝีเท้าลง พวกเขาจับตามองการต่อสู้อย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็น่าเย่เก๋อกำลังเป็ฝ่ายได้เปรียบ พวกเขาก็พากันส่งเสียงเชียร์ตามไปด้วย
ีเพียงดวงตาของหลินเฟิงเท่านั้นี่หรี่ลงเล็กน้อย หัวใจของเขาพลันบีบรัดขึ้นมา 'ีบางอย่างี่ผิดปกติไป'
เขาไ่ได้กำลังกังวลใเรื่องของปีศาจต้นท้อ แต่เขากลับสัมผัสได้่าปีศาจต้นท้อต้นนั้นดูเหมือนจะยังคงยั้งมือเอาไว้อยู่
เมื่อเห็น่าปีศาจต้นท้อทำได้เพียงแค่ตั้งรับ และไ่ีแรงี่จะตอบโต้กลับมาเลย เย่เก๋อซึ่งเดิมทีเป็ผู้ี่ีนิสัยรอบคอบก็เริ่มี่จะฮึกเหิมขึ้นมา สัญลักษณ์มือของเขาพลันเปลี่ยนไป ร่างของเขาหลอมรวมเข้ากับกระบี่คู่กาย ก่อนจะทะยานพุ่งขึ้นสู่เบื้องบนไปพร้อมๆ กัน
ปราณกระบี่ี่เคยดูคล้ายกับม่านหมอกนั้นพลันเปลี่ยนกลับไปเป็รัศีกระบี่อันเจิดจ้าอีกครั้ง กายและกระบี่ได้หลอมรวมเป็หนึ่งเดียว ก่อนจะฟาดฟันลงมายังต้นท้อเก่าแก่เบื้องล่างโดยตรง!
การโจมตีใครั้งนี้ได้ละทิ้งคุณสมบัติอันไร้รูปร่างและผันผวนของม่านหมอกไปจนหมดสิ้น มันมุ่งเน้นพลังงานทั้งหมดไปี่อำนาจใการสังหารและทำลายล้างเพียงอย่างเดียว พลังปราณของเย่เก๋อพลุ่งพล่านึขีดสุด ก่อเกิดเป็รัศีกระบี่อันทรงพลังี่ยาวหลายสิบเมตรและกว้างเท่ากับบานประตู มันแผ่อำนาจอันไร้เทียมทานออกมาจนน่าสะพรึงกลัว
แต่ใจังหวะนั้นเอง เสียงหัวเราะอันแผ่วเบาก็พลันดังแว่วขึ้นี่ข้างหูของหลินเฟิงอีกครั้ง
มันเป็เสียงของสตรีผู้ีน้ำเสียงแหบห้าวทุ้มต่ำเสียงนั้นนั่นเอง และเสียงหัวเราะของนางใครั้งนี้ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความดูถูกดูแคลนอย่างชัดเจน
ดวงตาของหลินเฟิงพลันเบิกกว้างขึ้นใทันที เขาเห็นรัศีปีศาจสีแดงสดี่อยู่รอบกายของต้นท้อเก่าแก่พลันควบแน่นเข้าด้วยกัน กลายเป็ลูกบอลแห่งแสงสีแดงสดขนาดเท่ากำปั้นลูกหนึ่ง!
แม้ลูกบอลแสงนั้นจะดูธรรมดาๆ แต่เมื่อหลินเฟิงจ้องมองไปยังลูกบอลแสงลูกนั้น เขากลับรู้สึกได้่าแม้แต่จิตวิญญาณของตนเองก็ยังคงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง
นั่นคือพลังงานี่ถูกบีบอัดจนเข้มข้นึขีดสุด พลังทำลายล้างของมันย่อมต้องสูงส่งึขีดสุดด้วยเช่นกัน! หลินเฟิงึกับมองเห็นได้อย่างชัดเจน่า แม้แต่อากาศี่อยู่รอบๆ ลูกบอลแสงนั้นก็ยังเกิดการบิดเบี้ยว อวกาศโดยรอบีแนวโน้มี่จะยุบตัวเข้าสู่ภายใของลูกบอลแสงลูกนั้น!
สีหน้าของเย่เก๋อพลันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง "'เจ้าปีศาจร้ายอันเจ้าเล่ห์!'"
แต่เขาได้ใช้กระบวนท่าของตนออกไปจนสุดกำลังแล้ว จึงไ่ีเวลาี่จะเปลี่ยนแปงมันได้อีกต่อไป ทำได้เพียงแค่กัดฟันเข้าปะทะกับมันโดยตรงเท่านั้น
รัศีกระบี่อันทรงพลังของเย่เก๋อเข้าปะทะกับลูกบอลแสงสีแดงสดของปีศาจต้นท้ออย่างจัง แสงส่างอันเจิดจ้าพลันระเบิดสาดส่องออกมา ทำให้ทุกคนี่อยู่ใบริเวณนั้นไ่อาจี่จะลืมตาขึ้นมองได้
ใชั่วขณะแรกี่พลังทั้งสองสัมผัสกันนั้นยังไ่ีความเคลื่อนไหวี่รุนแรงมากนัก แต่วินาทีต่อมา เสียงคำรามกึกก้องสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มดินทลายก็พลันดังกระหึ่มขึ้น!
คื่กระแทกอันมหาศาลแผ่กระจายออกไปใทุกทิศทุกทาง ชาวบ้านหมู่บ้านศิลาี่หลบหนีออกไปอยู่ไกลลิบนั้นดูเปราะบางราวกับฟางเส้นเล็กๆ พวกเขาถูกแรงระเบิดี่เหมือนกับลมพายุอันรุนแรงพัดปลิวกระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคื่กระแทกอันรุนแรงนี้ แม้แต่หลินเฟิงซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปมากพอสมควรก็ยังรู้สึกราวกับหน้าอกถูกทุบตีจนตีบตัน ลมหายใจี่กำลังจะผ่อนออกมากลับถูกกดทับเอาไว้จนแทบจะหายใจไ่ออก
ณ ใจกลางของการระเบิด ร่างของคนผู้หนึ่งได้กระเด็นออกมา ก่อนจะร่วงลงกระแทกกับพื้นดินอย่างหนักหน่วง ผู้ี่ประสบเคราะห์นั้นก็คือเย่เก๋อนั่นเอง!
เย่เก๋อใตอนนี้ไ่เหลือเค้าโครงลักษณะของผู้าุโผู้ทรงภูมิเหมือนเมื่อครั้งแรกี่พบกันเลยแม้แต่น้อย อาภรณ์สีขาวสะอาดบนร่างของเขาถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสดจนน่าตกใจ
มู่หรงเยียนหรานและชายหนุ่มชุดขาวต่างก็ตกใจอย่างยิ่ง พวกเขารีบพุ่งเข้าไปเพื่อช่วยพยุงร่างของเย่เก๋อขึ้นมา แต่ก่อนี่จะทันได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา ก็ถูกเย่เก๋อขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน ชายชราผู้นั้นร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงอันเร่งร้อน "'ไป! รีบหนีไปเร็วเข้า!'"
ยังไ่ทันี่จะสิ้นเสียงของเขาดี ดอกท้อี่อยู่บนต้นไม้เก่าแก่ต้นนั้นก็เริ่มสั่นไหวไปตามสายลมอีกครั้ง ดูเหมือน่ามันกำลังเตรียมพร้อมี่จะโจมตีใรอบใหม่แล้ว
คนทั้งสามจากนิกายกระบี่เชิ่งกวงไ่กล้าี่จะลังเลอีกต่อไป พวกเขาต่างช่วยพยุงซึ่งกันและกันแล้ววิ่งหนีไปอย่างทุลักทุเล ใตอนนี้ ภายใใจของพวกเขาไ่ีความคิดี่จะสังหารปีศาจหลงเหลืออยู่อีกแล้ว ีเพียงแค่คำๆ เดียวเท่านั้นี่ดังก้องอยู่ใหัว: หนี!
แต่ใขณะนั้นเอง หลินเฟิงกลับอัญเชิญกระบี่แสงเหนือของตนออกมา ปลายกระบี่ใมือชี้ตรงไปยังต้นท้อเก่าแก่ต้นนั้นอย่างมั่นคง
"ึเวลาแล้ว!"
เชิงอรรถ: [1] ศิษย์น้องหญิง (Shimei / 师妹): คำเรียกศิษย์ร่วมสำนัก/าา์ี่เป็สตรีและเข้าร่วม/ีลำดับาุโน้อยก่า ไ่จำเป็ต้องเป็ศิษย์าา์เดียวกันเไป อาจาึรุ่นน้องใสำนักืใสายาฝึฝเดียวกัน [2] นิกายกระบี่เชิ่งกวง (Celeritas Sword Sect / 流光劍宗 - Liú Guāng Jiàn Zōng): ชื่อ 'เชิ่งกวง' แปประมาณ่า แสงูา ื แสงี่ไหลื่ สื่อึความเร็ว
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT

4 ปีที่แล้ว

4 ปีที่แล้ว
เริ่มต้นจากศูนย์อยู่แล้วแนวๆนี้แหละค่ะจะค่อยๆเก่งขึ้นตามลำดับไง
4 ปีที่แล้ว
เห็นหมีแล้วระริกระรี้ ตั้งแต่อ่านนิยายจีนมาพระเอกคนนี้ง่าวสุดละ หวังว่ามันจะฉลาดขึ้นนะ

4 ปีที่แล้ว
เอาจริงๆคนโง่จะฝึกฝนยอดวิชาได้อย่างไร เหตุผลไม่พอ แค่ติดตัวเมีย ยกสมบัติพ่อให้อุบาทจริงๆ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
ธนดล สีตุธะ
2 ปีที่แล้ว
ยัดเยียดพลังให้ตรงๆเลยรึ 5555