เรื่อง Bustling Officialdom กลรักเกมอำนาจ [นิยายแปล]
ตอนที่ 1 ากเทศมนตรีกู้ชิง (2)
เื่เข้าไปในรถ เซินฝานจีก็หยิบการ์ดเชิญงานแต่งออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เขาหนึ่งฉบับ “งานแต่งฉันวันมะรืน หวังว่าาจะมาได้นะ”
กู้ชิงไม่รับ ทั้งยังไม่ตอบ ไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำ
เธอวางการ์ดเชิญไว้ที่คอนโซลกลาง เอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ถ้าเกิดฉันไม่ใช่คนตระกูลเซิน ความสัมพันธ์ของพวกเราจะยังเหมือนสมัยมหา’ลัยหรือเปล่า”
สายตาของกู้ชิงกำลังมองสายฝนที่ไหลไปกับกระจกบังลมหน้ารถ
ขณะที่เซินฝานจีมองใบหน้าด้านข้างของเขา ก็เผยความเจ็บปวดออกมาวูบหนึ่ง แต่กลับแสร้งเอ่ยอย่างผ่อนคลายเหมือนเช่นเคย “ตระกูลเซินกับตระกูลเซวียจะแต่งงานดองกัน สองตระกูลใหญ่ร่วมมือกันหลายโปรเจกต์ เพราะงั้นจะต้องยิ่งใหญ่มากกว่าเดิมแน่ ถ้าามาร่วมงานแต่งของฉัน ในสามปีข้างหน้าคงสร้างผลงานราชการได้เยอะแยะ แถมเข้าไปทำงานราชการส่วนภูมิภาคได้สบายๆ”
เื่เห็นว่าเขาไม่หือไม่อือ เซินฝานจีก็พูดต่อ “ฉันจะไม่ปากโป้งเรื่องความสามารถของากับใครทั้งนั้น คราวนี้ฉันแค่อยากช่วยาเท่านั้นเอง”
เนื่องจากการจับกลุ่มการทดลองครั้งหนึ่งในสมัยมหาวิทยาลัย เธอถึงได้ประจักษ์ในความสามารถคิดวิเคราะห์และคาดการณ์ของกู้ชิงมากับตาตนเอง จากนั้นก็ทำความรู้จักเขาไปตามปรกติ จนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันไปโดยปริยาย
เธอไม่ได้จงใจจะปิดบังว่าตนเกิดมามีฐานะเป็นคนของตระกูลเซินแห่งเจียง เพียงแต่ไม่อยากเที่ยวอวดใครต่อใคร ถึงไม่เคยบอกเลยสักครั้ง
กระทั่งถึงเวลาแยกย้ายหลังจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย คนหนึ่งก้าวเข้าสู่อาชีพราชการอย่างซื่อสัตย์สุจริต ส่วนอีกคนกลับไปยังบ้านตระกูลเซินในเจียง
เื่สามเื่ ขณะที่่วางูป่าของากเทศมนตรีผู้เข้ารับตำแหน่งใหม่ลงบนโต๊ะ เธอถึงกับตะลึง ส่วน่ที่สืบปูมหลังของกู้ชิงมาตั้งแต่แรกย่อมรู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย ดังนั้นถึงได้ถามประวัติความเป็นมา เธอเล่าไปตามความจริง แค่เก็บงำไว้เพียงเรื่องเดียวว่า เนื่องจากเขาติดนิสัยรอบคอบเกินเหตุ จึงทำให้เกิดความสามารถบางอย่าง
่ของเธอเคยบอกว่า ถ้าหากไม่ได้รับการตอบรับภายใึ่งปี ก็ไม่ต้องยื่นข้อเสนอให้เขาอีก ฉะนั้นต่อไปนี้จะไม่อนุญาตให้เขาเข้าพวกกับตระกูลใดเป็นอันขาด
เวลานี้ตระกูลเซินกับตระกูลเซวียจะแต่งงานผูกพันธมิตร การต่อสู้ระหว่างเจ้าสัวจะค่อยๆ ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น แน่นอนว่าต้องทำให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวกภายในส่วนของการปกครองเช่นกัน
เื่กลายเป็นสองต่อหนึ่ง สิ่งที่อีกสองตระกูลจะต้องเผชิญหน้าก็คือความกดดันจากเจ้าสัวที่ยิ่งใหญ่มากกว่า
แม้ไม่ต้องคาดการณ์ กู้ชิงก็เข้าใจประเด็นนี้ได้ทะลุปรุโปร่งอยู่ดี ขอเพียงเขาเข้าร่วมงานแต่งงาน สองเจ้าสัวใหญ่ก็จะกรุยทางให้เขามีอนาคตที่สดใส
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจะยังวางตัวเป็นกลาง ลอยตัวเหนือการต่อสู้ได้อีกเหรอ
เซินฝานจีพูดไปหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องสมัยมหาวิทยาลัยไปถึงเรื่องการใช้ชีวิตในเจียง ทว่าจนแล้วจนรอดกู้ชิงก็ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักประโยค
“ฉันรู้ตัวแล้วว่า ช่วงชีวิตที่ดีที่สุด ก็คือช่วงเวลาดีๆ ที่มีร่วมกับาสมัยมหา’ลัย”
เอ่ยประโยคนี้จบ เซินฝานจีก็ลงจากรถ ชายสูทดำเข้ามากางร่มให้ แล้วพาเธอไปส่งที่รถยนต์คันขาว
หลังจากรอรถที่จอดขวางออกตัวไป กู้ชิงก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านพักข้าราชการ ขณะขับไปได้ครึ่งทาง เขาก็หักพวงมาลัยรถ แล้วขับตรงไปยังบ้านที่เช่าไว้ข้างนอกเป็นการส่วนตัว
...
บ้านพักข้าราชการเป็นที่พักอาศัยสำหรับข้าราชการตำแหน่งบริหารในระดับผู้บริหารองค์กรและระดับผู้บริหารหน่วยงาน ที่เดินทางจากต่างถิ่นเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่จะมีบ้านพักอยู่ภายในเมืองกันเป็นส่วนใหญ่ ตึกบ้านพักเจ้าหน้าที่รัฐแห่งนี้เปิดให้ครอบครัวของข้าราชการระดับบริหารเข้าพักอาศัย ประตูทางเข้ามีตำรวจในเครื่องแบบคอยรักษาการณ์ จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องระดับความปลอดภัยแม้แต่น้อย
กู้ชิงมีตำแหน่งเป็นากเทศมนตรีระดับผู้บริหารองค์กรที่ถูกสั่งย้ายมาจากต่างถิ่น จึงได้รับการจัดแจงให้เข้าพักที่นี่เป็นธรรมดา ยิ่งกว่านั้นยังเป็นบ้านที่อดีตากเทศมนตรีจบชีวิตเสียด้วย ทว่าบ้านที่เขาเช่าข้างนอกเป็นบ้านหลังเล็กๆ นาั้งถึงจะไปใช้ชีวิตส่วนตัวที่นั่นโดยปกปิดฐานะ
ในมุมมองของเขา การเมืองก็คือการเมือง ไม่ว่าอย่างไรบรรยากาศและผู้อาศัยในบ้านพักข้าราชการก็ยังหลงเหลือกลิ่นอายการเมืองอยู่ดี ส่วนอะพาร์ตเมนต์เล็กๆ ที่เขาเช่าอยู่ ชั้นหนึ่งจะเป็นสาวใหญ่ร้านค้าผลไม้ ชั้นสามเป็นเด็กสาวสองคน พวกเธอไม่รู้แม้แต่น้อยว่าากเทศมนตรีของเมืองแห่งนี้อาศัยอยู่ที่ชั้นสอง
รถยนต์ออกตัวมากว่าสิบนาที ก็มาถึงซอยเสี่ยวโหลวที่ปลูกดอกไม้นานาชนิดไปทั่วบริเวณ นับเป็นหนึ่งในย่านที่พักอาศัยรูปแบบอะพาร์ตเมนต์ไม่กี่ชั้นของเจียง หลังขับลึกเข้าไปในซอยนี้สักพัก เขาก็จอดรถไว้ริมถนน ใช้นิ้วมือขยี้ผมแสกซ้ายที่เซ็ตมาเป็นทรงเรียบกริบลงมาเป็นหน้าม้ายุ่งๆ ต่อมาก็หยิบกล่องแว่นออกมาจากกระเป๋าเอกสาร แล้วสวมแว่นตากรอบเงินทั่วๆ ไปมาอำพรางลุค จากนั้นก็เดินตากฝนเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต
เื่เข้าซูเปอร์มาร์เก็ต ขณะเข็นรถไปเรื่อยๆ เขาก็เลือกซื้อวัตถุดิบในปริมาณของสองวันหยุดสุดสัปดาห์ที่โซนผักสดและโซนเนื้อสัตว์ กะว่าจะเพลิดเพลินกับช่วงเวลาพักผ่อนดีๆ ที่บ้านเช่าในซอยเสี่ยวโหลวตามลำพัง
เื่เลือกวัตถุดิบมาเป็นตั้งเรียบร้อย ระหว่างที่เขาไปทางเคาน์เตอร์ชำระเงินก็หยุดเดิน ก่อนจะเข้าคว้าร่มกันฝนคันหนึ่งมาจ่ายเงินพร้อมกัน
หลังจากจ่ายเงินและเดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ต เขาก็คอยกางร่มกันฝน ขณะเดินไปยังรถยนต์ที่จอดไว้ริมถนน ใครบางคนก็ย่ำน้ำฝนดัง ‘จ๋อมๆๆ’ จนกระเซ็นมาโดนกายเขา ก่อนจะล้มคะมำลงกับพื้น
เขาหันกลับหลัง ก้มหน้ามองเด็กชายราวเจ็ดแปดขวบคนหนึ่ง ที่หกล้มจนเนื้อตัวสกปรกไปทั้งตัว
เด็กชายหน้าตาฟกช้ำดำเขียว ศีรษะเลือดไหล เสื้อสีขาวภายใต้แสงไฟริมทางนั้นขาดวิ่นอย่างเห็นได้ชัด เด็กชายเงยหน้าปะทะน้ำฝนมองเขาขณะหอบหายใจ ราวกับขยับไม่ไหว ซ้ำยังลุกไม่ขึ้นแล้ว
เด็กหนุ่มราวสิบสี่สิบห้าปีข้างหลังสามคนเอ่ยปากด่าทอพลางวิ่งตามมาท่ามกลาง-่าฝน เด็กชายพลันสะดุ้ง พร้อมกอดต้นขาเบื้องหน้าไปตามจิตใต้สำนึก พร้อมแสดงอาการขอความช่วยเหลือ
ผู้เยาว์ทะเลาะวิวาทกันงั้นเหรอ น่าหงุดหงิดชะมัด ต่อให้จับตัวไปส่งป้อมตำรวจ ก็แค่ว่ากล่าวตักเตือนแล้วป่ักลับบ้านัี
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??