เรื่อง เรียกข้าว่าเจ้าตระกูลน้อยสกุลหง
“นายน้อยหยางฉาวนิกายเซินหลงเตี้ยนเ่นั้นรึ เฮอะ เป็นคนยากจนแท้ๆ แต่กลับแสร้งเป็นคนรวย น่าอับอายแทนนิกายนั้นเสียจริง” สุดท้าย็ไม่วาย ที่หงต้าจะทิ้งท้ายด้วยคำดูถูก
ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกลับเหงื่อตก นิกายเซินหลงเตี้ยนเป็นถึงหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรฉินแห่งนี้ และเป็นถึงกองกำลังอันดับหนึ่งในราชสำนัก คาดมิถึงว่าเจ้าของห้องหมายเลขหนึ่ง จะมีความกล้าหาญถึงเพียงนั้น
แต่ตอนนี้หยางฉาวกับหงจู็มิกล้าโต้แย้งใดๆ เพราะตอนนี้พวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะพวกเขาพึ่งจะเอาเงินของนิกายไปโยนเล่น หากพวกเขากลับไป แม้ว่าหงจูจะเป็นศิษย์ชั้นยอด หรือแม้แต่หยางฉาวที่เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสหยางฮุ่ยง พวกเขา็ต้องถูกขับไล่ออกจากนิกายอย่างแน่นอน
“ศิษย์พี่จง เราจะทำอย่างไรี เรามีเพียง 4 ล้านเหรียนเท่านั้น” หยางฉาวที่ตอนนี้ซีดไปทั้งตัว เขา็ถามออกมาด้วยความตื่นตระหนก ตัวสั่นเทาไม่หยุด และ็ไม่รู้ว่าที่ตัวสั่นแบบนี้ เป็นเพราะสูญเสียเลือดหรือกลัวกันแน่?
“ฮิ เพราะเจ้า เราถึงเดือดร้อน” จงหู่็ถลนตาใส่ จนอีกฝ่ายต้องคอหดกลับเ้าไปดั่งเดิม
หลังจากที่จงหู่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขา็หยิบบางอย่างออกมาอย่างลังเล แต่สุดท้ายเขา็ต้องตัดสินใจเอาสิ่งนี้ออกมาต่อรอง
"ท่านสุโค้ย ข้ามีนามว่าจงหู และนี้คือหินวิญญาณ ซึ่งสามารถเพิ่มพลังวิญญาณการต่อสู้ได้ มันมูลค่ามัน็มีถึง 5 ล้านเหรียญทอง เราจะจ่ายมันด้วยสิ่งนี้ แล้วขอให้เื่ราวนี้จบไป!”
“หินวิญญาณ?”
ทุกคนต่าง็ประหลาดใจเมื่อได้ยินถึงสิ่งนี้ และทุกคน็ทราบี ว่าหินวิญญาณมันหายากเป็นอย่างมากในอาณาจักรฉินแห่งนี้ ตามข่าวลือหินวิญญาณนอกจากจะสามารถเพิ่มพลังวิญญาณแล้ว มันยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ดวงจิตวิญญาณต่อสู้ด้วย นอกจากจะมีเงินแล้ว ต้องมีเบื้องหลัง โชคและวาสนา ถึงจะได้มาครอบครอง ดังนั้นหินวิญญาณจึงล้ำค่าและหายากอย่างยิ่ง
“จะจ่ายเพียงหินก้อนเล็กๆ นั้นนะรึ? เอาเถอะ แม้ว่ามันจะไม่ได้มีค่ามากในสายตาข้า แต่เนื่องจากเจ้ากำลังขอร้อง ข้าคนนี้ยอมรับให้็ได้ คนหนุ่มสาวควรจำไว้ ว่าครั้งหน้าอย่าหยิ่งเกินไป ไม่ใช่ทุกคนี่ะจิตใจีแล้วป่ไปง่ายๆ เ่นายท่านผู้นี้” เสียงของหงต้าดังออกมาจากห้องหมายเลขหนึ่ง
“นี่…!!!”
หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำพูดของหงต้า พวกเขา็แทบจะหน้ามืด หินก้อนเล็กๆ เ่นั้นรึ? นี่อีกฝ่ายต้องเป็นคนไร้ยางอายเ่ใดกัน ถึงกล้าพูดออกมาเ่นี้
คำพูดของหงต้ามันทำให้โม่หลงต้องกลอกตา เขาช่างเป็นคนหยิ่งยโสอยู่อย่างเสมอต้นเสมอปลายเสียจริงและไม่สนใจแม้แต่เบื้องหลังของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ในไม่ช้า สิ่งที่หงต้าประมูลได้็ถูกส่งมอบมาภายในห้อง
“นี่คือหินวิญญาณจริงๆ นะหรือ? มันช่างเล็กเสียจริง ราวกับลูกแก้วสีเหลืองอำพัน” หงต้า็บ่นพึมพำออกมา เมื่อเห็นหินสีเหลืองขนาดประมาณนิ้วหัวแม่มืออยู่เบื้องหน้า
“หินวิญญาณนั้นหายากมาก คาดมิถึงว่าวัยเยาว์ทั้งสองจะมีมัน ข้าเกรงว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนตัวเล็กในนิกายนั้นเป็นแน่” โม่หลงที่ขมวดคิ้วอยู่็พูดออกมา
“ลองดูดซับดูีกว่า” หงต้าพูดจบ เขา็เอามือไปแตะหินวิญญาณทันที แต่เพียงสัมผัส หินเล็กๆ ก้อนนั้น็สลายหายไปทันที
“เฮ้ย เกิดสิ่งใดขึ้น? นี่ไม่ใช่ของปลอมใช่หรือไม่ ไอ้ตัวี กล้าเอาของปลอมมาหลอกข้า!!” อยู่ๆ หินวิญญาณนั้น็หายไปในชั่วพริบตา มันจึงทำให้หงต้าโกรธเป็นอย่างมาก เพราะคิดว่าเป็นของปลอม
“เอ่อ….มันมิใช่ของปลอม ข้าได้ยินมาว่าถ้าคนที่มีดวงจิตวิญญาณต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาสัมผัสกับหินวิญญาณนี้ พวกเขา็สามารถดูดซับมันได้อย่างง่ายดาย ว่าแต่ดวงจิตวิญญาณต่อสู้ของท่านอยู่ในระดับใด?” โม่หลง็มองไปที่หงต้าด้วยสายตาแปลก ๆ
“จิตวิญญาณการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง?” หลังจากได้ยิน หงต้า็นึกได้ว่าเขามีดวงจิตวิญญาณการต่อสู้ถึงสามดวง ทั้งดวงจิตอสูรวานรภูผ่า 3 ดาว ดวงจิตดาบ 4 ดาว แถมดวงสุดท้าย็เป็นถึงดวงจิต 9 ดาว เป็นไปได้มากี่ะเกิดขึ้นเพราะดวงจิตพวกนี้อย่างที่โม่หลงว่า
อย่างไร็ตาม เพียงไม่นานหงต้า็รู้สึกได้เลยว่าในตอนนี้ พลังวิญญาณของเขา็ีขึ้นกว่าเดิม การมองดูสิ่งรอบตัว็แจ่มใส่กว่าเดิม สมองปลอดโปร่ง ดูเหมือนว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่โม่หลงกล่าว และคาดว่าพลังวิญญาณของเขา น่าจะถึง 50 จุดแล้ว
“ดวงจิตต่อสู้ของข้าเ่นั้นรึ? อืม…น่าจะเป็นระดับ 4 ดาว!” หงต้า็กลอกตาพูดโกหกออกไป มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพูดความจริง
“ดวงจิตวิญญาณต่อสู้ 4 ดาว? เป็นไปไม่ได้ โดยทั่วไปแล้ว การดูดซับหินวิญญาณในชั่วพริบตาเ่นี้ อย่างน้อยต้องมีดวงจิตวิญญาณต่อสู้ 5 ดาวขึ้นไป” โม่หลง็เต็มไปด้วยความสับสน
“อาจจะเป็นเพราะหินวิญญาณนี้ อยู่ในขั้นต่ำ” หงต้า็พูดด้วยสีหน้าที่ไม่ได้แสดงอาการแปลกๆ ใดๆ ออกมา
เมื่อโม่หลงทบทวนตามสิ่งที่หงต้าพูด นาง็พยักหน้าคล้อยตาม มันอาจจะเป็นอย่างที่หงต้ากล่าว เพราะ็อย่างที่เห็น ว่าหินวิญญาณก่อนนี้ มัน็ทั้งเล็กและสีขุ่นอย่างที่เขาพูดจริงๆ
“ติง ตรวจพบว่าหีบสมบัตินี้เป็นหีบสมบัติระดับทองแดง ใช้เวลา 40 วินาทีในการเปิด โปรดอดทนรอ!”
“ติงโฮสต์ แสดงความยินีที่รวบรวมแต้มสะสมได้ 10,000 แต้ม ขอให้โฮสต์พยายามต่อไป”
“อ้าวกล่องใส่แหวน มันเป็นเพียงหีบสมบัติระดับทองแดงเท่านั้นรึ เสียเวลาของข้าจริงๆ!” หงต้า็รู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่ไม่นานเขา็ลืมเื่นี้ไปทันที เมื่อพบว่าความพยายามของเขา มัน็ไม่ได้สูญเสียไปทั้งหมด เพราะเขาได้แต้มสะสมกลับมาถึง 10,000 แต้ม
“เปิดหีบเลย”
“ติง ขอแสดงความยินีกับโฮสต์ที่เปิดหีบสมบัติระดับทองแดงสำเร็จ และได้รับโอสถเปิดเส้นชีพจรปราณ 5 เม็ด!”
เมื่อหงต้าได้ยิน เขา็เลิกคิ้วสูงขึ้นอย่างประหลาดใจ แม้ว่าหีบจะเป็นเพียงระดับทองแดง แต่ด้วยของที่ได้ มัน็ทำให้เขาได้รับเส้นชีพจรเพิ่มมาอีก 5 เส้น ด้วยสิ่งนี้ พลังของหงต้า็เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากเดิมทันที และเขา็ไม่ต้องกังวลเื่การแข่งขันล่าสัตว์ประจำเขตอีก แม้เขาจะไม่สามารถเอาชนะขอบเขตปราณก่อเกิดได้ แต่เขา็ไม่แพ้อย่างแน่นอน
“ระบบ เข้าขี้เหนียวเกินไป ได้เพียงโอสถเพียงห้าเม็ดเท่านั้น ข้าอุตห์ส่าใช้เงินตั้งหนึ่งล้านซื้อมันมา เจ้ามิมีของทดแทนให้หน่อยหรือ” หงต้าถามออกมาอย่างหน้าไม่อาย
ีที่ระบบไม่สนใจคนบ้าผู้นี้เลยแม้แต่น้อย และระบบจึงเลือกี่ะเงียบไม่เอ่ยหรือโต้แย้งใดๆ
“เอาล่ะ ของที่นี่ได้รับการจ่ายแล้ว เราไปกันเถอะ!” หงต้า็โบกมือ เ็บของทุกอย่างเ้าไปในแหวน แล้วออกจากโรงประมูลทันที
“-่าเอ้ย ข้าลืมเื่การพนันไปเสียสนิท น่าเสียดาย อดทำให้หยางฉาวหอนต่อหน้าผู้คน มิเ่นั้นข้าคงได้แต้มสะสมเยอะกว่านี้” เพียงออกมาจากโรงประมูลได้ไม่ไกล หงต้า็จำสิ่งที่เคยพนันไปในตอนแรกไปเสียสนิท จนทำเอาเขาอารมณ์เสียไปตลอดทาง
วันนี้หงต้าเ็บหีบสมบัติมาได้ถึงสี่กล่องแล้ว และเขา็สงสัยว่าจะได้รับหีบสมบัติใบสุดท้ายได้หรือไม่ แต่เมื่อเขากำลังเดินไปตามที่แผนที่บอกจนเข้ามาสู้ตลาด หงต้า็พบว่าวันนี้เขาใช้โชคไปจนหมด เพราะตนต้องกลับมาเจอเข้ากับคนสุดแจะคุ้นเคยอีกครั้ง จนอดคิดมิได้ว่า ไฉน โลกมันถึงได้กลมดิ๊กเ่นี้ ขณะที่หงต้ากำลังจะหันหลังหลบไปอีกทาง เสียงตะโกนที่ใสแจ๋วที่มาพร้อมกับแส้คาดเอว็ดังก้องออกมาไปทั่วตลาด
"เจ้า หยุดให้ข้าเียวนี้!"
ด้วยเสียงที่สุดแจะโคตรดึงดูด สุดท้ายหงต้า็ต้องหันกลับมามองด้วยอาการเซ็งๆ
“ว่าไง แม่นางหลิวอิ้ง เจ้าตามหาข้าอยู่เ่นั้นรึ! แม้ว่าเจ้าตระกูลน้อยคนนี้จะหล่อเหลาเอาการ แต่เจ้า็ไม่สามารถไล่ตามผู้ชายกลางวันแสกๆ ได้ นี่เจ้าคิดถึงจนต้องการลักพาตัวข้าเลยหรือไร?” หงต้า็เอาแขนโอบไหล่ของตน ราวกับว่าเขากำลังถูกล่วงละเมิด
“เจ้า... เจ้ากำลังพูดถึงเื่อันใดกัน!” เมื่อหลิวอิ้งได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของนาง็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ผู้ใดจะบ้าถึงขนาดอยากจับผู้ชายข้างถนนกัน?
“ในเมื่อมิใช่เ่นั้น เจ้าจะเรียกข้าทำไม ขอตัวลา!” หงต้า็กล่าวอีกครั้งพร้อมกับทำท่าจะเดินจากไป
“เจ้า หยุดนะ” หลิวอิ้งที่เห็นแบบนี้็เต็มไปด้วยความโกรธ แล้วเหวี่ยงแส้ไปที่หงต้าอยู่
“กล้ายิ่ง!” โม่หลงที่เห็นความไร้เหตุผลจากอีกฝ่ายแบบนี้ นาง็เริ่มโต้ตอบ เหวี่ยงกระบี่ไปทางปลายแส้นั้นจนกระเด็นถอยกลับ
“เจ้ามาขวางข้าหลายครั้งแล้ว วันนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้า” หลิวอิ้งที่ไม่รู้ว่าไปกินสิ่งใดผิดสำแดงมา ็เริ่มตีโพยตีพาย จนหงต้าที่เห็นแบบนี้ ็อดสงสัยไม่ได้ว่านางเป็นวันนั้นของเดือนหรือเปล่า
“เพียงขอบเขตจิตต่อสู้ขั้น 9 เท่านั้น กลับต้องการสั้งสอนข้า มิเจียมตัว” สุดท้ายโม่หลง็กระโจนเ้าไปสู่เื่สุดแจะุ่านี้เในที่สุด
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??