เรื่อง เทพมารจอมราคะ กำเนิดใหม่พร้อมกับระบบพระพุทธองค์ไร้พ่าย
บนกำแพงเมืองหนานปิงี่สูงตระหง่านเหนือพื้นดินราวหลายสิบจั้ง ผิวหินี่หยาบกร้านถูกเจาะลึกด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลา
ขณะี่สายลมแรงโหมกระหน่ำจากป่าทางเหนือ หอบเอากลิ่นสาปเลือดและเนื้อเน่าเปื่อย ลอยโชยมาปะทะกับใบหน้าของเหล่าทหารผู้บำเพ็ญเพียรี่ยืนอยู่ประจำการแน่นขนัด
เจ้าเมืองหนานปิงซึ่งอยู่ในชุดเกราะ เส้นผมยาวมัดรวบอยู่ด้านหลัง
ดวงตาคมเข้มในยามนี้กำลังจ้องเขม็ง ไปยังคลื่นแห่งความตายี่กำลังถาโถมออกมาจากแนวป่าอันมืดมิดเบื้องหน้าอย่างไม่ลดละ
ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจของชายผู้ผ่านศึกมาแล้วนับไม่ถ้วนต้องสั่นไหว
ถึงจะไม่แสดงบนสีหน้าโดยง่าย แต่ดวงตาของชายวัยกลางคนในเวลานี้กลับหม่นหมองลงเล็กน้อย
ลมหายใจี่เคยมั่นคงกลับสั่นเครือ ราวกับคนตกอยู่ในห้วงคิดี่ไร้ทางออก
ภาพของซากศพี่ยังมีชีวิตนับหมื่นตนกำลังก้าวเข้ามาทีละก้าว ทีละฝูง มันดูจะเชื่องช้า แต่กลับสื่อถึงแรงกดดันมหาศาล
เจ้าเมืองหนานปิงหลุบตามองไปี่แนวกำแพงด้านข้าง ทหารรักษาการผู้ภักดีและผู้บำเพ็ญเพียรอาสาล้วนยืนเรียงรายกันแน่นหนา
ทุกคนในมือจับอาวุธของตนแน่น ราวกับเป็นเส้นทางสุดท้ายของชีวิต
พวกเขาไม่เอ่ยสิ่งใด แต่จากสายตาและท่วงท่า มันก็สามารถเห็นได้ชัดเจนถึงความตื่นตระหนก ความกลัว และคำถามในใจี่ไร้เสียง
กลิ่นอายอันสกปรกเน่าเปื่อยปะทะขึ้นอย่างรุนแรง มิใช่เพียงกลิ่นของเนื้อเน่า
นี่คือกลิ่นของความตาย ความพินาศ กลิ่นอายเหล่านั้นแผ่กระจายไปทั่ว มองด้วยตาเปล่าก็สามารถเห็นพลังวิญญาณดำคล้ำคล้ายม่านหมอก ลอยอ้อยอิ่งเหนือพื้นป่าด้านหน้า
“นี่พวกเราจะต้านทานคลื่นแห่งความตายพวกนี้ได้จริงๆเรอะ?”
เจ้าเมืองหนานปิงครุ่นคิดในใจ
ข้อมูลี่ได้รับมาก่อนหน้า ซากศพี่เคลื่อนไหวได้เหล่านี้ มิใช่ซากศพทั่วไป
หากเป็นซากศพี่ยังมีเศษเสี้ยวของเจตจำนง หรือพลังแห่งคำสาปบางอย่างหล่อเลี้ยงอยู่ แม้แต่ปุถุชนธรรมดาี่กลายเป็นซากศพมีชีวิต กลับสามารถต้านทานผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมกายาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และนั่นยังไม่ใช่จุดสูงสุด
เพราะในกลุ่มซากศพเหล่านั้น มีบางตนี่สามารถใช้ปราณเซียนได้จริง พลังของพวกมันกลับมิได้ลดลงเหมือนซากศพทั่วไป กลับยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เหมือนถูกรีดเร้นศักยภาพในยามมีชีวิตใหุ้่สู่ขีดสุดหลังความตาย
ความเงียบงันอันน่าหวาดกลัวเริ่มกัดกินบรรยากาศ ทหารบางคนเริ่มหลุบตามองพื้น
หลายคนเริ่มกลืนน้ำลายและจับด้ามอาวุธแน่นขึ้นจนข้อขาวซีด หัวใจของพวกเขาเริ่มสั่นไหว ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
เจ้าเมืองหนานปิงย่อมรู้ดีว่า หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปอีกเพียงครู่เดียว
ความหวาดกลัวจะกลายเป็นพลังทำลายี่สั่นคลอนค่ายกลป้องกันทั้งเมือง
ตัวของเขาจึงกัดฟันแน่น
ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเต็มฝ่าเท้า ยืนบนขอบกำแพงอย่างองอาจ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วแผ่พลังเสียงของตนออกไปด้วยพลังแห่งตำหนักวิญญาณขั้นสูง เสียงของเขาดังก้องไปทั่วกำแพงเมือง
“พวกเจ้าฟังให้ดี!”
เสียงของเขาเฉียบขาด หนักแน่น และสะท้อนอยู่ในห้วงจิตของทหารทุกนาย
“เจ้าคิดว่าข้ากลัวหรือ? พวกเจ้าคิดว่าเมืองหนานปิงจะล่มสลายเพราะเหล่าซากศพี่ไร้เจตจำนงเหล่านี้หรือยังไง?”
เขากวาดตามองพวกทหารี่เริ่มเงยหน้าขึ้น รับฟังคำพูดของเขาด้วยความตั้งใจ
“แม้พวกมันจะมาเป็นหมื่น.. แต่พวกเราไม่ใช่ผู้อ่อนแอ! พวกเจ้าคือผู้กล้าี่ยืนอยู่บนแนวหน้าของผืนแผ่นดินนี้”
“พวกเจ้าคือดาบี่ปกป้องผู้อพยพ คือโล่ี่ปกป้องลูกหลานแห่งเมืองหนานปิง!”
“หากพวกเราหวาดกลัว พวกเขาจะสิ้นหวัง! หากพวกเราสั่นคลอน เมืองนี้จะกลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน!”
“ข้าคือหนานปิง และพวกเจ้าทุกคนก็เป็นเสาหลักของข้า! จงยืนให้มั่น หยัดให้แน่น! ฟ้าจะถล่ม แผ่นดินจะแตก แต่ตราบใดี่เรายังมีลมหายใจ ซากศพพวกนี้จะไม่มีวันเหยียบย่ำเมืองแห่งชีวิตของพวกเราได้แม้แต่ก้าวเดียว!!”
คำพูดของเขาทำให้บรรยากาศพลันแปรเปลี่ยนไป เสียงตะโกนดังขึ้นจากทหารต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ ประหนึ่งระลอกคลื่นกระทบฝั่ง
“สู้!”
บรรยากาศี่เคยเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสิ้นหวัง ถูกผลักไสออกไปอย่างรุนแรง
ธงประจำเมืองปลิวไสว ดวงตาของเหล่าทหารเริ่มกลับมามั่นคง อาวุธี่ถืออยู่ในมือเริ่มกลายเป็นเสมือนศาสตราแห่งความหวัง
เจ้าเมืองหนานปิงยังคงยืนอยู่จุดเดิม ใบหน้าตึงเครียดยังคงสงบนิ่ง แต่ในใจกลับเปล่งประกายแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
และในวินาทีนั้นเอง
“กรร!”
เสียงคำรามของซากศพกลุ่มหน้าเริ่มดังขึ้น เสียงโหยหวนแห่งความตายเริ่มก้องกังวานขึ้นมาจากป่าทางเหนืออีกครั้ง
ซากศพนับหมื่นตัวี่เคลื่อนไหวราวกับมีสติรับรู้ ส่งเสียงคำรามออกมาพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง กึกก้องสะเทือนไปทั่วผืนแผ่นดินเหมือนเสียงของอสูรวิญญาณใต้พิภพี่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาจากความตาย
เสียงนั้นมิใช่เพียงแค่ดังก้องเข้าสู่โสตประสาทของเหล่าผู้บำเพ็ญเพียร หากแต่กระแทกเข้ามาถึงก้นบึ้งของจิตวิญญาณ
กัดกินเสถียรภาพทางจิตใจ ราวกับพยายามลากทุกผู้คนให้จมลงสู่ขุมนรกแห่งความสับสนและความกลัวอย่างช้าๆ
ร่างกายของซากศพเหล่านั้นไม่เหมือนกับซากศพใดๆี่ผู้ฝึกตนเคยพบเจอ
ผิวหนังฉีกขาดจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเน่าเปื่อย กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่ว ร่างกายของพวกมันบางตนถูกฉีกขาดแต่ยังสามารถวิ่งได้ บางตนไม่มีหัว แต่กลับคำรามได้
และบางตนมีเศษกระดูกปักอยู่เต็มหลัง แต่ยังสามารถุ่ทะยานไปข้างหน้าได้ด้วยความเร็วเหนือกว่าผู้ฝึกตนระดับหลอมกายา
พวกมันุ่กระโจนใส่แนวกำแพงเมืองหนานปิง ด้วยพลังของเจตจำนงแปลกประหลาดี่ไม่หวาดหวั่นต่อความตาย
ไม่หวั่นต่อการบาดเจ็บ
และไม่รู้จักคำว่าหยุดยั้ง
บนยอดกำแพงี่สูงตระหง่านราวป้อมปราการ เจ้าเมืองหนานปิงผู้ยังยืนนิ่งท่ามกลางแรงกดดันอันมหาศาล
ริมฝีปากของเขาขยับออก น้ำเสียงหนักแน่นดุจเหล็กกล้าเมื่อเอ่ยคำสั่งออกมา
“ใช้คันธนูผสานใส่ปราณเซียน!”
“ยิงพวกมันก่อนี่ซากศพเหล่านี้จะเข้าประชิดกำแพงเมือง!”
สิ้นเสียงคำสั่ง คลื่นพลังปราณก็ระเบิดขึ้นพร้อมกันโดยไม่ต้องรอให้ใครชักช้า
ผู้บำเพ็ญเพียรมากมายี่ยืนประจำจุดค่ายกลบนกำแพงยกอาวุธของตนขึ้น
“เฟี้ยว!เฟี้ยว!เฟี้ยว!”
เสียงสายธนูดังลั่นดั่งฟ้าคำราม
ลูกธนูเรืองแสงสีทอง น้ำเงิน แดง และม่วง ุ่ออกไปพร้อมกันเป็นแถบๆ
ทะลวงผ่านอากาศด้วยความเร็วเกินกว่าตามนุษย์จะมองเห็น
-่าฝนลูกธนูี่ประสานด้วยปราณเซียนจำนวนมหาศาลหลั่งไหลออกไปดั่งคลื่นพายุี่ซัดซากศพเบื้องหน้าอย่างต่อเนื่อง ราวกับทะเลเพลิงี่กลืนกินทุกอย่างี่ขวางหน้า
เสียงปะทะดังขึ้นราวกับระเบิดนับร้อย ซากศพจำนวนนับพันี่อยู่แนวหน้าโดนโจมตีอย่างจัง ถูกทะลวงร่างจนระเบิดเนื้อแหลกกระจาย ล้มตายลงอย่างไม่อาจนับจำนวน
แต่พวกมันไม่เคยหยุด พวกมันไม่เคยสะดุ้ง ไม่เคยหวาดหวั่น หรือชะงักไปชั่วครู่
ราวกับพวกมันมิใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็นเพียงเครื่องจักรแห่งความตายี่ขับเคลื่อนด้วยเจตจำนงแห่งการทำลายล้างอย่างแท้จริง
“โจมตีต่อไป!”
“อย่าปล่อยให้พวกมันเข้ามาได้! ใครมีวิชาโจมตีระยะใ้ก็ปลดปล่อยออกไปซะ!”
หนานปิงยังคงออกคำสั่งเสียงดังกึกก้อง และเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงี่เข้มแข็งทรงอำนาจ
“แต่ห้ามลงไปยังเบื้องล่างโดยเด็ดขาด!”
“ด้วยจำนวนขนาดนี้ ต่อให้จะเป็นระดับตำหนักวิญญาณก็คงต้องถูกพวกมันกัดกินชิ้นเนื้ออย่างแน่นอน!”
คำเตือนนี้มิใช่เพียงเพื่อความระมัดระวัง หากแต่เป็นความจริงอันน่าหวาดกลัวี่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ใครก็ตามี่ตกลงไปในหมู่ซากศพเหล่านี้ ไม่ว่าจะมีพลังแข็งแกร่งเพียงใด จะถูกกลืนกินจนไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวของจิตวิญญาณ
“ฆ่าพวกมันให้หมด!”
ทหารและผู้บำเพ็ญเพียรนับพันนับหมื่นบนกำแพงยังคงปลดปล่อยพลังอย่างต่อเนื่อง
กลายเป็นแสงสีหลากหลายี่สาดกระจายไปทั่วทั้งพื้นี่ด้านนอกกำแพง เสียงระเบิดของปราณเซียนดังระงม ปะปนกับเสียงโหยหวนของเหล่าซากศพี่ถูกสังหารอย่างต่อเนื่อง
แต่แล้วสิ่งี่ทำให้ใจของทุกผู้คนต้องสั่นสะเทือนยิ่งกว่าครั้งใดก็ได้ปรากฏขึ้น
ภายในฝูงซากศพเหล่านั้น เริ่มมีร่างเงาี่เคลื่อนไหวต่างจากพวกอื่นๆ
บางตนกระโจนขึ้นเหนือผืนดินด้วยความเร็วี่แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับทะเลวิญญาณยังต้องตกใจ พวกมันบางตนมีรูปลักษณ์ของอดีตผู้บำเพ็ญเพียรขั้นสูงในอดีต
บางตนสวมเกราะวิญญาณี่เปรอะเปื้อนด้วยเลือดเก่าเน่าเฟะ กลิ่นปราณเซียนี่หลงเหลืออยู่ยังแผ่ซ่านออกมาชัดเจน
พวกมันคือซากศพของผู้บำเพ็ญเพียรชั้นสูง ซึ่งยังคงหลงเหลือสติและพลังไว้บางส่วนหลังความตาย
หนึ่งในนั้นกระโจนออกมาพร้อมกับปล่อยหมัดออกมาในพริบตา
ปราณเซียนในหมัดของมันควบแน่นจนกลายเป็นรูปหมัดขนาดใหญ่หลายจั้ง ุ่เข้าใส่กำแพงเมืองหนานปิงโดยตรง
“ตูมมมมม!!”
เสียงระเบิดดังกึกก้อง ผนังกำแพงเมืองสั่นไหวราวกับจะแตกพังลง ช่องโหว่ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นทันที เศษหินแตกกระเด็นไปทั่ว
ร่างของผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำี่เฝ้าอยู่บริเวณนั้นถูกพลังทำลายอย่างรุนแรงจนสลายกลายเป็นเศษเนื้อในพริบตา เสียงกรีดร้องและเสียงอาวุธหล่นกระแทกพื้นดังระงม จนแทบกลบเสียงคำสั่งของแม่ทัพและเจ้าเมือง
“มันมีซากศพี่ยังใช้ปราณเซียนได้ด้วย!”
เสียงหนึ่งในผู้ฝึกตนตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว
หนานปิงเบิกตากว้าง ร่างุ่ออกไปยังแนวป้องกันด้านข้างทันทีโดยไม่ลังเล
ใช้ฝ่ามือซัดคลื่นพลังพิภพสังหารเพื่อผลักซากศพอีกตัวี่กำลังุ่เข้ามาใ้ออกไป
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??