เรื่อง Dark Whispers เสียงกระซิบจากเงามืด
………………………
หลังจากรำลึกความหลังเสร็จ ผมก็ยกขวดบรรจุเหล้ารัมขึ้นกระดก รสชาติมันดุจัด ทว่าข้อดีคือทำให้มึนเมา และหลับลงในคืนนี้ อย่าเข้าใจผิด ผมไม่ได้กลัดกลุ้มในเรื่องที่ไอ้บ็อบตาย แต่เซ็งที่งานใหญ่ต้องวอดวายต่างหาก
“ -่าเอย ทำไมกูต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เป็นเพราะไอ้บ็อบโดยแท้ แล้วจะแก้ไขยังไงวะ คนที่จ้องจะย่ำเรายิ่งมีเยอะซะด้วย เพราะกูไปทำแสบกับผู้คนไว้มาก และถ้าแกล้งร้องไห้ออกสื่อ จะได้ผลมั้ย บางทีเทคติกนี้อาจดึงให้แฟนคลับหน้าโง่ หรือพวกโลกสวยหันมาเห็นใจกูบ้าง”ผมถอนหายใจแรง และในระหว่างที่ดวงตาใกล้ปิดลง เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น
“ ก๊อก ก๊อก ก๊อก…..”
เสียงนั้นทำให้ผมสะดุ้ง ในใจนึกระทึก เพราะรู้ชัดว่าขณะนี้ ผมอยู่ลำพังบนชั้นสองในบ้านส่วนตัว และจะมีใครอื่นเข้ามาได้อีก
“ หรือจะเป็นพวกนักข่าวจอมเสือกที่แอบย่องเข้ามาสัมภาษณ์” ผมพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ลึกๆก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ นักข่าวทั่วไปไม่กล้าเข้าบ้านใครโดยพลการแน่ เพราะพวกนั้นกลัวข้อหาบุกรุกที่หน่วยงานรัฐตราขึ้นมา ดังนั้น ความเป็นไปได้ต่อมาก็คือ…….
“ มันต้องเป็น……โจทก์เก่าของเราแน่”
เมื่อรูปการณ์เป็นเช่นนี้ ผมจึงรีบรุดเข้าไปหยิบปืนพก9 มม.คู่ใจในลิ้นชัก ดวงตาจับจ้องประตู ราวกับมันคือศัตรูคู่อาฆาต
“ เฮือก…….”
ผมย่องไปยืนชิดกำแพงข้างประตู เพราะถ้ายืนจังก้าแบบตรงๆ มีหวังถูกอริรัวปืนใส่ เพราะสิ่งที่กำบังเป็นเพียงทวารไม้เนื้อบาง
“ ใครกันวะ ” ผมพยายามสงบจิต สองหูเงี่ยฟังอย่างตั้งใจ หวังจะได้ยินเสียงจากบุคคลที่ยืนอยู่หลังประตูฝั่งตรงข้าม ทว่ามันก็มีแต่ความเงียบตอบกลับมา ทำให้ผมคิดว่าตัวเราอาจหลอนไปเอง แต่สิ่งที่เสพก็มีแค่เหล้ารัมนี่หว่า
แต่แล้วในวินาทีต่อมา โสตประสาทก็แว่วเสียงหวานใสของหญิงสาวนางหนึ่ง ซึ่งมันดังมาจากหลังประตูเวรบานนั้น
“ สวัสดีค่ะ มีคนอยู่มั้ยคะ ดิชั้นมาขอพบคุณบราวน์ โคตรจะยุ่ง”
ผมยอมรับว่าใจชื้นลงกว่าครึ่ง เพราะในบรรดาอริร้ายน่าจะไม่มีหญิงสาวเจือปน กระนั้นก็ยังประมาทไม่ได้ ผมจึงแกล้งกล่าวกลับไป เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายใช้แผนนางนกต่อ
“ โอเค ผมได้ยินแล้ว รอแผล็บนะครับ ขอแต่งตัวก่อน”
พอซื้อเวลาให้บุคคลหลังประตูตายใจ ผมก็ชะโงกหน้าไปแนบบานประตู โดยไม่ยอมให้กายส่วนใหญ่ล่วงล้ำเข้าไป เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็นเงาที่ลอดผ่านช่องประตู
“ ขอดูผ่านตาแมวก่อนเถอะ จะได้รู้ว่าแกเป็นใคร” ผมกำหนดแผนการในใจ ถ้าเห็นเป็นผู้ชาย ก็ยิงขู่ซักสองสามนัด เพื่อไล่มันไป ถ้าเห็นเป็นกลุ่มคน จะหาทางหลบหนี โดยเล็งไปที่หน้าต่าง แต่พอจักษุประกบตาแมว ความคิดทั้งหลายแหล่ที่แพลนเอาไว้ก็พังพินาศ
“ เฮ้ย! นั่นใครกัน ทำไมสวยขนาดนั้น”
บุคคลที่ผมเห็นคือสุภาพสตรีร่างสูงโปร่ง ผู้ไว้ผมยาวสีม่วง อันรับกับใบหน้ารูปไข่ที่ขาวเนียน ส่วนดวงตาก็กลมโต ชวนให้ดูซุกซนและลึกลับในเวลาเดียวกัน
โอเค ถึงสาวสวยจะทำให้คึกคักจนอยากปลดปล่อย แต่ผมก็ไม่โง่งมจนหลงกลนางงาม เลยส่องต่อไป เพื่อเช็กให้ชัวร์อีกที และพอมั่นใจว่าเธออยู่คนเดียว ผมก็เอื้อมมือไปจับลูกบิด
“ แอ๊ด……..”
ทันทีที่ประตูเปิดกว้าง ผมก็เริ่มฉีกยิ้มกว้าง และพอได้เห็นเจ้าหล่อนแบบเต็มสองตา ก็พบว่าเธอกำลังสวมเสื้อกระโปรงยาวที่เป็นสีดำล้วน อันดูราวกับจะไปงานศพของใครคนหนึ่ง
“ ดิชั้นชอบสีดำน่ะค่ะ” สาวสวยกล่าวยิ้มๆ
“ อ่อ….ครับ….ฮะ ฮะ ฮะ” ผมหัวเราะเบาๆ ทว่าในใจไม่ขันเลยซักนิด แถมยังแอบขนลุกเสียด้วยซ้ำ เพราะแม้เสียงของเธอจะหวานใส แต่กลับแฝงความเยือกเย็นที่ชวนผวา ระหว่างที่ตกอยู่ในเดดแอร์ ผมก็นึกถึงเรื่องสำคัญเลยถามให้ตรงประเด็น
“ เอ่อ…ว่าแต่คุณผู้หญิงเข้ามาได้ไงครับ และมีธุระอะไรกับผม”
สาวผมม่วงไม่ได้ตอบทันที เธอเพียงยิ้มเล็กน้อย แต่นั่นก็ก่อให้เกิดดาเมจในหัวใจอย่างรุนแรงจนผมเริ่มหลงใหลในรูปโฉมที่งดงาม
“ โอ้ว……ยิ้มน่ารักเหลือเกิน ใจจะละลายอยู่แล้ว หรือว่ากูจะไม่สนอะไร แล้วลากเธอมาย่ำยี ไม่สิ จะเสี่ยงสร้างเรื่องเพิ่มไม่ได้ เพราะตอนนี้ก็หนักอกกับการตายของไอ้บ็อบจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” ถึงผมจะเป็นคนห่ามๆ แต่ก็มีสติมากพอที่จะไม่ทำร้ายตัวเองทันทีที่สาวผมม่วงทิ้งเวลาได้ช่วงหนึ่ง เธอก็แย้มพรายถึงต้นเหตุของการมาเยือน
“ สวัสดีค่ะ คุณบราวน์ โคตรจะยุ่ง ดิชั้นชื่อ…..ลูน่า เป็นเอเย่นต์จากบริษัทแสงสุดท้าย อยากยื่นข้อเสนอเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับคุณ”
ผมยอมรับว่างงสุดๆ คิ้วดกดำขมวดนิ่ว เพราะเวลานี้ ผมตกอับ โดนผู้คนรุมประณามจนแทบไม่มีที่ยืนในสังคม แต่ทำไมยัยผู้หญิงคนนี้และบริษัทบ้าๆบอๆถึงอยากทำงานกับคนอย่างผม เหมือนเจ้าหล่อนจะล่วงรู้ความในใจ หรือไม่ก็คาดเดาจากสีหน้าที่ยุ่งเหยิง เลยแถลงไขให้หายสงสัย
“ ไม่ต้องตกใจไป ดิชั้นไม่ใช่มิจฉาชีพหรือแชร์ลูกโซ่อย่างที่คุณเข้าใจ แต่เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานสร้างสรรค์แบบจริงจัง และรับรู้ถึงศักยภาพของคุณเป็นอย่างดี เลยอยากร่วมงานด้วย”
“ ร่วมงานยังไง” คำตอบของผมทั้งห้วนทั้งสั้น อันเข้ากับอารมณ์ในตอนนี้ที่โคตรจะเหวี่ยง ทว่าสาวผมม่วงดูไม่ใส่ใจกับท่าทีไร้มารยาท พร้อมตอบกลับอย่างนิ่มนวล
“ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณก็แค่สร้างความสนุกสนานแก่ผู้คนในแบบที่เคยทำ ส่วนในเรื่องทุนรอนหรือสิ่งอำนวยความสะดวก ทางบริษัทจะเป็นผู้จัดหามาให้”
ผมยอมรับว่าไม่กระจ่างเลยซักนิด เพราะตอนนี้ผมตกเป็นจำเลยสังคม แล้วถ้าอุตริไปทำคอนเทนส์แบบเดิมๆ จะมีใครมานั่งดูสร้างยอดวิว จึงลองแหย่กลับในประเด็นดังกล่าว ประมาณว่าหยั่งเชิง
“ เข้าใจว่าทางคุณได้ดูข่าวเกี่ยวกับผมแล้ว จึงน่าจะรู้ว่าคอนเทนส์ของผมไม่อาจสร้างความบันเทิงให้กับผู้ใดในเวลานี้ มิหนำซ้ำอาจทำให้ช่องของคุณพลอยโดนด่าไปด้วย แล้วคุณยังจะให้ผม……”
“ บริษัทไม่สนว่าคุณจะทำอะไรมา ขอเพียงมีความสามารถ และสร้างความสุขให้กับผู้คนได้ เราก็ยินดีจะร่วมงาน” สาวผมม่วงชิงตอบ ก่อนที่ผมจะพูดจบ ทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลายก่อตัวในหัวสมอง มือขวาเลยล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เพื่อกุมด้ามปืนที่ซุกซ่อนตามสัญชาตญาณระวังภัย
“ ถ้าเป็นแบบนี้ ก็ดีสุดๆไปเลยนี่หว่า แต่รู้สึกว่าดูเกินจริงอยู่เหมือนกัน หรือว่าพวกมันคิดจะเล่นตลกกับเรา บางทียัยผู้หญิงคนนี้และบริษัทบ้าๆนั่นอาจเป็นหนึ่งในคู่อริที่แฝงตัวมาวางกับดักเราก็เป็นได้”
“ หึ หึ หึ ไม่ต้องระแวงไปหรอกค่ะ ดิชั้นและบริษัทไม่ใช่คู่แค้นของคุณแน่ พวกเราแค่อำนวยความสะดวกให้กับธรรมชาติ และสร้างรอยยิ้มให้กับผู้คนเท่านั้น ส่วนเรื่องยอดวิวไม่ต้องเป็นห่วง มีแฟนคลับที่สนใจผลงานของคุณอีกเป็นกอง พวกเขาแทบจะทนรอไม่ไหวกับการแสดงครั้งต่อไป อ้อ…..อีกประการ คุณช่วยปล่อยมือจากปืนที่ซ่อนในกระเป๋ากางเกงก่อนเถอะ ดิชั้นกลัวจะแย่อยู่แล้ว” สาวผมม่วงล้วงความในใจ แต่ใบหน้ากลับยิ้มละไม อันไม่ใกล้เคียงความหวาดกลัวที่เธอกล่าวอ้างเลยซักนิด
ผมยอมรับว่าตกใจ ยัยบ้านี่รู้ได้ไงว่าเราแอบซ่อนปืนในกระเป๋ากางเกง แถมยังคาดเดาความคิดออกทั้งหมด หรือมันจะไม่ใช่คน แต่ก่อนที่ผมจะขวัญหนีดีฝ่อจนเยี่ยวแตก สาวผมม่วงก็เฉลย
“ สาเหตุที่ดิชั้นรู้ว่าคุณคิดอะไร เพราะความรู้สึกนั้นปรากฏบนสีหน้าของคุณ และด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกตของดิชั้น จึงรู้ชัดว่าไอ้สิ่งที่ดันกระเป๋ากางเกงจนโป่งพอง น่าจะเป็นอาวุธปืนอย่างแน่นอน ดังนั้นอย่าตกใจไปเลย มันเป็นแค่ความสามารถพิเศษเล็กๆน้อยๆของดิชั้นเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ของคุณ ก็เปรียบเสมือนกองไฟกับดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง”
ผมยอมรับว่าพึงพอใจในคำเยินยอ แต่ก็ไม่อาจทำให้ความระแวงหดหายไป เลยใช้ไม้แข็งด้วยการกระชากบาเร็ตต้าคู่ใจออกจากกระเป๋ากางเกง พร้อมจ่อปากกระบอกไปที่ขมับของสาวหน้าสวย ขณะเดียวกัน ก็ดันกายบางติดกำแพง แล้วตะคอกใส่อย่างดุดัน
“ ตกลง มึงเป็นใครกันแน่วะ เป็นคนที่ไอ้พวกเฮงซวยส่งมาเล่นตลกกับกูหรือเปล่า”
แม้ถูกปืนจ่อ แต่สีหน้าของสาวสวยกลับไม่สะท้อนความหวาดกลัวเลยซักนิด แถมดวงตาที่จ้องกลับมาก็แลเยือกเย็นจนชวนขนลุก ระหว่างที่ผมใกล้จะเป็นฝ่ายขี้หดตดหายซะเอง เจ้าหล่อนก็ยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆมาให้
“ นี่คืออะไร” ผมรีบเพ่งมอง ไม่ถึงอึดใจ ก็รู้ว่ามันคือเช็คเงินสด จึงรีบฉวยมันจากมือของสาวสวย และนั่นก็ส่งเสริมให้ผมเริ่มโวยวาย เพราะข้อความในนั้นสั่งจ่ายให้ผมเป็นจำนวน100,000 เหรียญ
“ เฮ้ย! อะไรกันวะ”
“ หึ หึ หึ นั่นเป็นเงินเพียงเล็กน้อยที่ทางบริษัทจะจ่ายให้ฟรีๆเป็นสินน้ำใจ และถ้าร่วมงานกับเรา คุณจะได้มากกว่านี้อีกนับสิบเท่า” สาวผมม่วงกล่าวเสริม แต่รอยยิ้มของเจ้าหล่อนกลับดูประหลาด เพราะมันทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่างที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์งูที่จ้องจับหนู
ผมลังเล ความโลภเริ่มย่างกรายมาครอบงำ เลยนิ่งตรึกตรองอยู่อึดใจ ก่อนจะตะคอกกลับไป ปืนในมือยังจ่อใบหน้าของสาวสวย
“ แล้วชั้นจะรู้ได้ไงว่ามันไม่ใช่เช็คปลอม”
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/jalando.darksidewriter.version2
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??