เรื่อง จอมมารอหังการ์ (Great Demon King)
หลังจากาจากุาแห่งาา หานซั่วก็เดินทางกลับโดยใช้เส้นทางเดิม แต่เมื่อไปได้เพียงครึ่งทาง ท้องฟ้าก็สว่างจ้า และเมื่อถึงจุดตั้งเต็นท์ตามที่เขาจำได้ ก็พบว่าพวกนักเรียนศาสตร์แห่งาาออกเดินทางไปจากตรงนั้นนานแล้ว
ขณะที่หานซั่วกำลังจะสบถเสียงดังลั่น เขาก็รีบมองไปยังสภาพแวดล้อมรอบข้างทันที ขี้เถ้าในกองไฟราวกับว่าไม่ใช่สภาพที่เพิ่งจุดขึ้นเมื่อคืน แต่ดูเหมือนเป็นกองไฟที่เคยจุดไว้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
บริเวณเต็นท์ของหานซั่วเคยมีวัตถุดิบต่าง ๆ กองไว้มากมาย แต่บัดนี้กลับว่างเปล่า เหลือเพียงก้อนหินไม่กี่ก้อนที่วางกองไว้เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม
สิ่งนั้นดึงดูดความสนใจของหานซั่วทันที เขารีบเดินเข้าไป ใช้มีดสั้นค่อย ๆ แซะกองหินเข้าไปถึงใจกลาง จนพบกระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่ง
‘ไบรอัน หลังจากที่เจ้าหายตัวไปสองวัน พวกเราก็พบร่องรอยของอสูรกินคนสองตนอยู่แถวนี้ กลัวว่าพวกอสูรกินคนจะกลับมาแก้แค้น จึงตัดสินใจออกเดินทางโดยไม่รอเจ้า ถ้าเจ้าพบกระดาษแผ่นนี้ กลับวิทยาลัยตามเส้นทางเดิมนะ เราอาจจะได้พบกันระหว่างทาง หวังว่าเจ้าจะปลอดภัยดี จาก แฟนนี่’
แฟนนี่ทิ้งข้อความไว้ให้ เขาตบหน้าผากเต็มแรงหลังอ่านจบ อุทานด้วยเสียงแผ่วเบา “โอ ไม่นะ!” เวลานานขนาดนั้นต้องผ่านไปโดยที่เขาไม่รู้ตัวระหว่างการบ่มเพาะแน่ ๆ และไม่ใช่แค่วันเดียวเสียด้วย
ดูเหมือนว่าอสูรกินคนสองตนนั้นจะทำให้แฟนนี่และคนอื่น ๆ ตกใจกลัว และเธอเองก็ผ่านเข้ามาในเขตตอนใต้ของป่าทมิฬลึกมากโดยปราศจากการคุ้มกันของคลาร์ก พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอนตัวและกลับไปยังเส้นทางเดิม
เวลานี้ สถานะทาสของหานซั่วยังไม่เปลี่ยนแปลงไป และผู้หญิงที่เขาต้องการก็อยู่ในวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลน พร้อมกับตำราศาสตร์แห่งาาอีกมากมายที่เขายังอยากเรียนรู้ เขายังออกจากวิทยาลัยไม่ได้...
ด้วยแท่งเงินวิเศษที่ได้มา หานซั่วสามารถเดินทางไปมาระหว่างุาแห่งาาได้ตามต้องการ แม้กลับไปถึงวิทยาลัยแล้ว ก็ยังใชุ้าแห่งาาเป็นปราการส่วนตัวของตนเองได้อีก และทางตอนใต้ของป่าทมิฬทั้งหมดก็จะเป็นสนามฝึกสำหรับเขาในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการบ่มเพาะแก่นมนตรา หรือการฝึกเวทมนตร์ ด้วยความพยายามเพียงครึ่งเดียวเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา จะส่งผลเป็นเท่าตัวในสถานที่แห่งนี้
หลังจากตรึกตรองครู่หนึ่ง หานซั่วก็ทำตามข้อความที่แฟนนี่ทิ้งไว้ให้ และรีบกลับไปยังเส้นทางเดิมเพื่อมุ่งหน้าสู่พื้นที่ชายขอบของป่าทมิฬทันที
แม้จะเดินทางโดยไม่หยุดพักถึงหนึ่งวันเต็ม ๆ หานซั่วกลับไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย เขาเคลื่อนตัวไปตามเส้นทางคดเคี้ยวขรุขระของป่าทมิฬด้วยความเร็วราวสายฟ้า ประหนึ่งสัตว์วิเศษที่กำลังไล่ล่าเหยื่อของมัน
เมื่อพลบค่ำ เขาก็กำลังเข้าใกล้พื้นที่ที่มีก้อนหินและพุ่มไม้กระจัดกระจาย ที่ซึ่งเคยเป็นจุดตั้งเต็นท์ของพวกเขามาก่อน ทันใดนั้นเอง เสียงกระทบกันของโลหะดังมาแต่ไกล
หานซั่วสะดุ้งทันที พลางคิดว่านั่นจะเป็นเสียงของแฟนนี่กับคนอื่น ๆ กำลังถูกอสูรกินคนจู่โจมอยู่หรือไม่ เขารีบเร่งความเร็ว พุ่งตัวไปยังจุดนั้นทันที
ระหว่างทาง ฝูงโทรลล์ป่าหลายตนก็ปรากฏตัวขึ้น พวกมันมีผิวสีเขียวเป็นมันเลื่อม ร่างสูงตระหง่าน หน้าตาบิดเบี้ยว พวกมันใช้มีดและกระบองกระหน่ำโจมตีหานซั่วเป็นพัลวัน แต่หานซั่วก็สามารถหนีพ้นจากพวกมันมาได้อย่างง่ายดาย
โทรลล์ป่าเป็นเผ่าพันธุ์หนึ่งในป่าทมิฬที่เป็นศัตรูตลอดกาลของเผ่าเอลฟ์ สำหรับพวกเอลฟ์แล้ว โทรลล์ป่าคือกองโจรปล้นสะดมที่โหดเหี้ยม จึงต้องคอยจัดการกับพวกมันอยู่เสมอ
ในป่าทมิฬแห่งนี้ โทรลล์ป่าถือเป็นโจรที่น่าสะพรึงกลัวว่าอสูรกินคน นอกจากพวกมันมีกฎที่ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแล้ว พวกมันยังแบ่งบทบาทหน้าที่กันเฉกเช่นมนุษย์ ได้แก่ นักรบ นักล่า และแม้แต่นักบวชที่สามารถใช้เวทมนตร์ง่าย ๆ ได้อีกด้วย
กล่าวกันว่าโทรลล์ป่าวิวัฒนาการมาจากพืช ต้นไม้ และพฤกษานานาพรรณ พวกมันมีสติปัญญาสูงเช่นเดียวกับมนุษย์ และมีความสุขกับผลประโยชน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของป่าทมิฬ รวมทั้งชื่นชอบการปล้นเอาวัตถุดิบและทรัพยากรต่าง ๆ จากเผ่าพันธุ์อื่น ไม่เว้นแม้แต่ขบวนสินค้าของเหล่าพ่อค้าที่กำลังเดินทาง พวกมันจึงเป็นหัวขโมยผู้เลวทรามต่ำช้าเช่นเดียวกันกับอสูรกินคน
หานซั่วพยายามฟังเสียงการต่อสู้นั้นอย่างตั้งใจและรีบพุ่งตัวไปตามทิศทางของเสียง ระหว่างทาง โทรลล์ป่านักล่าจำนวนหนึ่งเขวี้ยงหอกยาวใส่เขา เกิดเป็นเสียงวัตถุแทรกผ่านอากาศ หอกนั้นพุ่งตรงมายังบริเวณกลางหลังของหานซั่วพอดี แต่ด้วยประสาทสัมผัสที่ไวอย่างเหลือเชื่อแม้ในขณะวิ่ง ทันทีที่หูของเขาสัมผัสได้ เขาก็เปลี่ยนทิศทางการวิ่งไปมาอย่างรวดเร็ว และหลบหอกยาวที่ถูกเขวี้ยงมาราว-่าฝนได้อย่างง่ายดาย
โทรลล์นักรบอีกกลุ่มหนึ่งโผล่าเบื้องหน้า พวกมันร้องคำรามดังลั่นก่อนจะวิ่งเข้าใส่หานซั่วอย่างรวดเร็วพร้อมขวานใหญ่คมกริบในมือ แต่ก่อนจะถึงตัวเขา หานซั่วก็สามารถหลบหลีกและผ่านพวกมันไปได้อย่างว่องไว
หลังจากเร่งความเร็วสุดฝีเท้าในเวลาเพียงสิบวินาที หานซั่วก็พบการต่อสู้ครั้งใหญ่ เขาเห็นคนราว ๆ สิบคนพร้อมกับดาบยาวกำลังพยายามต่อสู้เพื่อป้องกันการโจมตีของฝูงโทรลล์ป่า ดูจากเสื้อผ้าที่ใส่ พวกเขาต้องเป็นกลุ่มทหารรับจ้างอย่างแน่นอน และกำลังบาดเจ็บ
โทรลล์ป่าราวสิบตนยืนรายล้อมพวกเขาอยู่ เหล่าโทรลล์นักรบกำลังต่อสู้ระยะประชิดที่ด้านหน้า ในขณะที่โทรลล์นักล่าคอยเขวี้ยงหอกยาวใส่กลุ่มมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ส่วนโทรลล์นักบวชก็ร่ายเวทรักษาและเวทวิญญาณอัคคี เพื่อเพิ่มความทนทานแก่ร่างกายให้กับโทรลล์นักรบและโทรลล์นักล่าที่บาดเจ็บ และเสริมพลังให้กับพวกนั้น
พิจารณาจากฉากที่เห็น ดูเหมือนการต่อสู้จะดำเนินมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ความแข็งแกร่งด้านการสู้รบของกลุ่มมนุษย์เพียงสิบคนนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว แต่กลับน่าสมเพชสำหรับพวกโทรลล์ป่า ทั้งนักรบที่สู้ในระยะประชิด นักล่าที่คอยโจมตีสนับสนุนจากระยะไกล ยังมีนักบวชคอยร่ายเวทรักษาให้พร้อมสรรพ เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มทหารรับจ้างที่มีนักรบเพียงอย่างเดียว แม้แต่ด้านพละกำลังก็เหนือกว่า ฝูงโทรลล์ป่าจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ชายอ้วนเตี้ยคนหนึ่งกำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่ข้างหลังเหล่าทหารรับจ้าง ดวงตาสีเหลืองที่เล็กราวเมล็ดถั่วกำลังสอดส่ายไปมาอย่างรวดเร็วพลางครวญครางฟังไม่ได้ศัพท์
‘ไม่ใช่พวกแฟนนี่นี่นา... งั้นเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเราแฮะ’ หานซั่วคิดขณะลบภาพเหตุการณ์ที่เห็นออกจากหัวทันที เพราะไม่คิดอยากยุ่งวุ่นวายในการต่อสู้หรือช่วยเหลือใครทั้งสิ้น ตั้งใจว่าจะปล่อยผ่านคนกลุ่มนี้และมุ่งหน้าต่อไปในเส้นทางเดิมเพื่อออกจากป่าทมิฬ
อย่างไรก็ตาม แม้หานซั่วไม่ได้ตั้งใจจะยื่นมือช่วยเหลือ แต่โทรลล์ป่าเหล่านี้กลับไม่ต้องการปล่อยเขาไป โทรลล์นักรบดุร้ายคู่หนึ่งที่ยืนอยู่ในแนวหลังยกขวานใหญ่ในมือขึ้นสูงขณะวิ่งตรงเข้าใส่หานซั่ว พร้อมด้วยหอกยาวคมกริบจำนวนหนึ่งลอยพุ่งมาในอากาศ
“ขอโทษนะ ข้าแค่ผ่านมาเฉย ๆ จะไปเดี๋ยวนี้แล้ว กลับไปปล้นต่อเถอะ พวกนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับข้าสักหน่อย!”
หานซั่วไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับความวุ่นวาย เมื่อเห็นว่าโทรลล์นักรบสองตนกำลังวิ่งมา เขาก็ร้องบอกด้วยเสียงอันดัง และพยายามหนีให้พ้นจากพวกมัน
“มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่หลอกลวงและชั่วร้ายมากที่สุด ฆ่ามันให้หมด!”
ผู้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลุ่มโทรลล์นักบวช คือหัวหน้าโทรลล์ป่าที่คอยสั่งการสู้รบ มันคำรามอย่างเกรี้ยวกราดด้วยภาษาหลักของอาณาจักร ซึ่งก็คือภาษาของมนุษย์
โทรลล์นักรบชะงักไปชั่วขณะเมื่อได้ยินหานซั่วพูด แต่ก็เลิกลังเลเมื่อได้ยินคำสั่งของหัวหน้า พุ่งเข้าใส่หานซั่วพร้อมขวานที่ชูขึ้นสูง
‘บัดซบ! พวกแกรนหาที่ตายเองนะ!’ หานซั่วตกที่นั่งลำบาก เขากำลังหลบหอกที่ถูกเขวี้ยงมา ในขณะที่โทรลล์นักรบร่างยักษ์ถือขวานพุ่งเข้าใส่ เห็นได้ชัดว่าพวกมันตั้งใจจะจัดการเขาไปพร้อมกับมนุษย์คนอื่นๆ
หานซั่วคว้าหอกยาวเล่มหนึ่งที่พุ่งมาข้างตัว หันกลับด้านมาถือไว้แน่นในมือ เขาไม่ต้องการรอให้โทรลล์ป่านักรบเข้ามาใกล้มากไปกว่านี้ ก่อนจะกระโดดสูงขึ้นไปในอากาศ เขวี้ยงหอกยาวออกไป มันพุ่งแหวกอากาศด้วยความเร็วราวสายฟ้า หอกเล่มนั้นเสียบร่างโทรลล์นักรบตัวแรกเข้ากลางอก ทะลุไปถึงนักรบอีกตนที่ตามหลังมาติดๆ
โทรลล์นักรบทั้งสองตนร้องโหยหวนก่อนจะตายลงทันทีเมื่อถูกหอกยาวเสียบทะลุร่าง หานซั่วสุ่มหยิบเอาขวานศึกของพวกมันขึ้นมาเล่มหนึ่ง ตวาดเสียงดังลั่น
“อย่าโทษข้าก็แล้วกัน ในเมื่อพวกแกมารนหาที่ตายเอง!”
หลังจากเผชิญหน้ากับอสูรกินคนครั้งนั้น หานซั่วก็ไม่เกรงกลัวและไม่เสียเวลาลังเลในการฆ่าอีกต่อไป กลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
หานซั่วรู้ดีว่าความเมตตาหรือการอธิบายใด ๆ ล้วนไร้ประโยชน์สำหรับกองโจรเหล่านี้ มีเพียงความอำมหิตเท่านั้นที่จะทำให้พวกมันตกใจกลัวได้บ้าง ยิ่งขลาดกลัวมากเท่าไร พวกมันจะยิ่งเหิมเกริม เช่นนั้นแล้ว การที่หานซั่วเผยท่าทีชั่วร้ายเมื่อครู่ เพราะหวังจะเผชิญหน้ากับพวกมันด้วยการฆ่าฟันอันโหดร้ายทารุณเช่นเดียวกับที่พวกมันคิดจะทำกับเขา
และก็เป็นจริงตามนั้น หลังจากหานซั่วแสดงท่าทีแบบนั้นออกไป ความตื่นตระหนกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสีเขียวเป็นมันเลื่อมของโทรลล์ป่าอีกสี่ตนที่ตามหลังมาทันที พวกมันผงะถอยหลังไปสองสามก้าว แม้แต่โทรลล์ป่าผู้เป็นหัวหน้าก็ยังมองเขาด้วยสีหน้าพรั่นพรึงและหวาดเกรง
“ท่านนักรบผู้กล้า โปรดช่วยข้าด้วยเถอะ!”
ตอนนั้นเอง ชายอ้วนเตี้ยที่เหล่าทหารรับจ้างพยายามคุ้มกันอยู่ก็ร้องตะโกนาด้วยความตื่นเต้น เขามองหานซั่วอย่างปลาบปลื้มราวกับหานซั่วคือเทวดามาโปรด
“ไม่เอาด้วยหรอก!”
หานซั่วตอบกลับไปอย่างเด็ดขาด เขาแค่นเสียงเย็นชาและเตรียมจากไปพร้อมกับขวานศึกในมือ
ชายอ้วนเตี้ยผงะและร้องไห้อย่างบ้าคลั่งทันทีเมื่อเห็นหานซั่วกำลังจากไป
“ท่านนักรบผู้กล้า ข้ายินดีจ่ายท่านอย่างงามทีเดียวถ้าท่านช่วยข้า ข้าสัญญาว่าท่านต้องพอใจมากแน่ๆ!”
หานซั่วเดินออกไปเพียงไม่กี่ก้าวเมื่อได้ยินประโยคนั้น เขาชะงักฝีเท้าทันที หันมายิ้มเจื่อน ๆ ขณะมองไปยังชายร่างอ้วนคนนั้น
“ท่านครับ รางวัลอย่างงามที่ว่าน่ะ เท่าไรหรือ?”
ชายร่างอ้วนตกตะลึงทันที เขาลังเลครู่หนึ่ง กัดฟันพลางกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ ก่อนจะตะโกนกลับไปด้วยเสียงอันดัง
“ห้าสิบเหรียญทอง!”
“โทษที งั้นก็หาคนอื่นแทนแล้วกัน!”
หานซั่วคิดว่าหากเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงถูกเงินจำนวนห้าสิบเหรียญทองล่อตาล่อใจและตอบตกลงโดยไม่ยั้งคิด แต่เมื่อเข้าสู่ป่าทมิฬและพบว่าทักษะของเขาเพียงพอให้ล่าหมาป่าคมวายุด้วยตัวเอง จึงรู้สึกว่าเงินห้าสิบเหรียญทองไม่ใช่สิ่งที่คุ้มค่าพอให้เสี่ยงอีกต่อไป
ชายร่างอ้วนเริ่มลนลานเมื่อหานซั่วเดินจากไปจริง ๆ เขาตะโกนขึ้นอีกครั้ง
“เต็มที่เจ็ดสิบเหรียญทองเลยก็ได้!”
หานซั่วยังคงเดินต่อไปโดยไม่หันกลับมามอง
“แปดสิบ! หนึ่งร้อย! หนึ่งร้อยยี่สิบ! หนึ่งร้อยห้าสิบ! สองร้อย! …สองร้อยเหรียญทอง!!”
ร่างที่กำลังเคลื่อนที่พลันชะงักกึก หานซั่วหันกลับมามองพร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาด้วยความรวดเร็ว
“ตกลง สองร้อยก็สองร้อย! ข้าจะรับไว้ คิดเสียว่าผูกมิตรไว้สักคนก็แล้วกัน”
“โอ ตายละ ปากหนอปาก สองร้อยเหรียญทอง! เจ้าปล้นข้าไม่ต่างจากพวกมันเลย สองร้อยเหรียญทองซื้อทาสได้มากกว่าสิบคนเสียอีก บ้าจริง แต่ช่วยข้าออกไปจากที่นี่ทีเถอะ!”
**************************
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??