เรื่อง เส้นทางอสุรา
บที่ 38 พลังิวิญญาณสรรพสิ่งคู่กาย
ทวนเล่มใหญ่ในมือของเซี่ยงเซี่ยถูกตวัดขึ้นหนึ่งคราโดยี่ม้ายังมิได้ทะยานมาถึง และทวนเล่มนั้นก็ยังห่างไกลจากตำแหน่งของเฉินซือหยาง แต่เสียงใน้มโนิของจินเยว่ก็กระตุ้นเตือน
“หลบ"
แม้เห็นอยู่กับตาว่าตัวตนี่ดูร้ายกาจผู้นั้น รวมถึงทวนเล่มใหญ่ยังอยู่ในรัศมีี่ห่างไกลจากตนพอสมควร แต่สัญชาตญาณของเฉินซือหยางกระตุ้นเตือนถึงอันตรายบางอย่าง โดยี่มิรอให้จินเยว่ต้องกล่าวเตือน ร่างของชายหนุ่มจึงถลาหลบฉากคืนกลับหลังไปก่อนแล้ว และเพียงชั่วพริบตาี่มันถอยฉากจากตำแหน่งเดิม เสียงสนั่นก้องพร้อมด้วยกระแสพลังี่ปั่นป่วนก็บังเกิดอย่างรุนแรง ฝุ่นขลิบฝุ่นดินปลิวว่อน ก่อนปรากฏร่องแยกี่คล้ายถูกของมีคมตัดผ่าเป็นร่องใหญ่ นี่ก็คือร่องรอยของคมทวน เป็นพลังิวิญญาณซึ่งผสานไปด้วยพลังิวิญญาณสรรพสิ่งจากอาวุธคู่กายี่ถูกใช้ออกโดยบุรุษฉกรรจ์บนหลังม้าผู้นั้น!
เฉินซือหยางต้องลอบตื่นตระหนกในใจ เป็นครั้งแรกี่มันได้เผชิญหน้าต่อสู้อย่างจริงจังกับผู้มีพลังิวิญญาณี่ย่างใกล้ระดับเหนือสามัญ
หนึ่งการตวัดฟันทวนในมือส่งพลังโจมตีอันคมกริบเหนือปาฏิหาริย์ เฉินซือหยางี่ตอนนี้ยังไม่สามารถใช้พลังปาฏิหาริย์ได้ มันจึงต้องอาศัยเพียงพลังกายภาพและเคล็ดวิชาดาบ การต่อสู้ระยะประชิดจึงเป็นทางี่ดีี่สุดสำหรับมัน อาศัยความแข็งแกร่งทางกล้ามเนื้อ มันจึงเคลื่อนี่หลบหลีกพลังการโจมตีจากบุรุษผู้นั้นได้รวดเร็ว อาศัยการเคลื่อนกายไม่กี่จังหวะ มันก็ประชิดยังตัวม้าี่บุรุษผู้นั้นควบมาได้ ด้วยระยะี่กระชั้นชิด กระบวนท่าเพลงทวนจึงนับว่ามีช่องโหว่ จะหมุนทวนตวัดลงต้านรับยังนับว่าช้าอยู่ครึ่งก้าว เฉินซือหยางจึงสามารถฟันหนึ่งดาบตอบโต้คืนกลับไป
เซี่ยงเซี่ยรู้ว่าตวัดฟันทวนในระยะเท่านี้ย่อมเสียเปรียบ มันจึงเลือกหมุนควงทวนแปรเปลี่ยนสภาวะ ใช้ส่วนด้ามทวนตวัดขึ้นรับหนึ่งดาบจากเฉินซือหยางได้อย่างทันท่วงที เสียงจากการปะทะของดาบและทวนดังเปรี้ยงราวกับอัสนีบาตรผ่าฟาด แรงปะทะก่อเกิดมวลพลังิวิญญาณสาดสะท้อน เฉินซือหยางี่ยังใช้พลังิวิญญาณไม่ได้จึงรับพลังี่สะท้อนกลับเต็มลัก ร่างถลาคืนกลับหลังถึงเจ็ดก้าวค่อยหยุดลง หากกายาของมันมิใช่กำเนิดจากโครงสร้างแก่นฐานมังกรบรรพกาล ป่านนี้แขนของมันคงมีกระดูกแตกหักไปหลายท่อนแล้ว
ด้านเซี่ยงเซี่ยจากการปะทะเมื่อครู่ถึงกับทำให้ร่างกายมันสะท้านชาด้าน ท่อนแขนี่ประคองทวนปวดแปลบราวกับกระดูกจะแตกหัก หนึ่งการฟาดฟันดาบโดยอาศัยพลังทางกายภาพแต่อย่างเดียวถึงขนาดสามารถสร้างผลกระทบต่อผู้มีพลังิวิญญาณสามัญระดับสิบี่สามารถผสานิวิญญาณกับอาวุธคู่กายได้ ทั้งยังดูเหมือนบุรุษี่ไร้พลังิวิญญาณผู้นั้นก็มิได้รับบาดเจ็บเท่าี่ควรจะเป็น
“ไม่จริงน๊า”
เป็นอีกครั้งี่เซี่ยงเซี่ยไม่อยากเชื่อต่อสิ่งี่ได้พบเห็น ทว่าครั้งนี้มันมิใช่เพียงเห็น แต่มันยังได้สัมผัสกับตัว สัมผัสด้วยมือสองคู่นี้ บุรุษหนุ่มี่ไร้พลังิวิญญาณนั่นเริ่มสร้างความตระหนกแก่ิใจของมันแล้ว
“เจ้าอย่างพึ่งได้ใจ!”
เพื่อสร้างแรงฮึกเหิมแก่ตน เซี่ยงเซี่ยมันจึงคำรามก้องพร้อมหมุนควงเพลงทวนควบม้าทะยานเข้าหาเฉินซือหยางอีกหน ครานี้มันไม่ตวัดฟาดฟันส่งพลังปาฏิหาริย์ออกไป แต่มันผนึกพลังไว้ี่ปลายทวน มันจะลองวัดพลังการปะทะซึ่งหน้าอีกครั้ง เมื่อครู่เป็นมันตวัดด้ามทวนต้านรับอย่างจวนตัว จึงตกอยู่ในสภาพนี้ ครานี้มันจะใช้พลังปะทะซึ่งหน้าอย่างเต็มกำลัง ดูซิว่าจะยังทำอะไรขยะี่ไร้พลังิวิญญาณไม่ได้หรือไม่
จินเยว่รับรู้ถึงพลังิวิญญาณี่ผสานซึ่งกันรวบรั้งอยู่ี่ปลายทวน นางจึงถ่ายทอดกระแสเสียงไปยัง้มโนิของเฉินซือหยาง
“ครั้งก่อนข้าเคยอธิบายเกี่ยวกับเรื่องระดับพลังิวิญญาณไป และเคยติดเรื่องเกี่ยวกับอาวุธคู่กายรวมถึงพลังิวิญญาณสรรพสิ่งี่เจ้าอยากรู้ไว้…”
เฉินซือหยางมองปลายทวนในมือของเซี่ยงเซี่ย มันเห็นประกายพลังี่กำลังถูกอัดแน่นรวมรั้งในี่แห่งนั้น แต่ไม่สามารถเข้าใจหรือประเมินระดับจากสิ่งี่เห็นได้ เมื่อได้ยินประโยคี่ถ่ายทอดจากจินเยว่ มันจึงขานรับทันที
“กำลังสงสัยพอดี"
จินเยว่ถ่ายทอดกระแสเสียงต่อ
“ระหว่างี่ข้าอธิบาย เจ้าก็หลบการโจมตีนี้ไปก่อน อย่าได้คิดปะทะซึ่งหน้า”
เฉินซือหยางผงกศีรษะเล็กน้อย
“ข้าก็ไม่คิดจะรับพลังี่ยากประเมินซึ่งหน้าอยู่แล้ว"
“มัวเหม่ออะไร!”
เซี่ยงเซี่ยเห็นเฉินซือหยางพึมพำอยู่คนเดียว มันจึงคำรามเรียกหวังให้ชายหนุ่มมีสมาธิและฟาดฟันดาบอย่างเต็มกำลังเพื่อมาตัดสินกันอีกครั้ง แต่เฉินซือหยางไม่ใช่คนโง่ เมื่อยังไม่รู้ความลึกตื้นหนาบางของสิ่งี่เรียกว่าพลังิวิญญาณสรรพสิ่งจากอาวุธคู่กาย มันจึงไม่คิดี่จะเสี่ยงสู้ซึ่งหน้ากับผู้มีพลังิวิญญาณี่ย่างใกล้ระดับเหนือสามัญอยู่แล้ว มันมีดีี่พละกำลัง เพลงดาบของมันก็พลิกแพลงได้ การต่อสู้ของมันจึงจำเป็นต้องใช้วิธีการฉาบฉวย หลบพลังหลักของศัตรูให้ได้มากี่สุด และอาศัยช่องโหว่ี่เปิดออกตีโต้ตอบกลับ มันต้องใช้เล่ห์ชิงเหลี่ยมเพื่อหาทางเอาชัยต่อผู้ี่มีพลังและอาวุธี่เพียบพร้อมกว่า
ทวนเล่มใหญ่ี่ตวัดฟันมาอย่างซึ่งหน้าหมายปะทะพลังกันอย่างทื่อด้านในครั้งนี้ เฉินซือหยางแสร้งทำทีจะฟาดฟันดาบออกปะทะซึ่งหน้าด้วย ทว่าเพียงคมดาบห่างจากคมทวนหนึ่งคืบ วิธีดาบก็เบี่ยงออก ร่างของเฉินซือหยางพลิกหมุนหนึ่งรอบสวนทิศทางของคมทวน ดาบี่สั้นี่สุดถูกชักออกจากกล่องอาวุธด้านหลังเพื่อใช้โจมตีในระยะประชิด เพลงดาบไร้อัตลักษณ์ทั้งห้าถูกใช้ออกอย่างล่อหลอก แยบคาย และจวนตัว เป็นเหตุให้เซี่ยงเซี่ยี่ฟาดฟันทวนใส่ธาตุอากาศต้องเบิกตาโพลง มันเป็นชายชาติทหาร เมื่อตัดสินใจสู้ซึ่งหน้าก็จะไม่มีทางหลีกเลี่ยง แต่เมื่อครู่กลับถูกความกลิ้งกลอกของศัตรู มันล่อหลอกตนเหมือนว่าจะสู้ซึ่งหน้า ทว่ามันกลับพลิกแพลงวิธีเพื่อฉวยโอกาสลงมือเข้าใส่ตนอย่างหน้าไม่อาย
“เจ้าตัวบัดซบไร้ซึ่งเกียรติ!”
เฉินซือหยางยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน
“เกียรติสำหรับข้ามันไม่ช่วยให้รอดตาย”
ฉับ!
หนึ่งดาบตวัดฟันในท่าหมุนตัวราวจักรผัน เฉือนหน้าท้องซ้ายของเซี่ยงเซี่ยจนบังเกิดแผลทางยาว ดีี่มันแผ่พลังิวิญญาณจากร่างกระแทกออกมาได้ทัน มิเช่นนั้นคมดาบี่กอปรรวมไปด้วยพลังทางกายภาพอันแกร่งกร้าวของเฉินซือหยางคงผ่าครึ่งร่างซีกซ้ายของมันไปแล้ว
เห็นแต่โลหิตกระเซ็นซ่านเป็นสายของรองแม่ทัพตน เหล่าทหารม้าี่เหลืออยู่ต่างขวัญกระเจิง ยังดีี่มีเสียงดุดันทั้งแฝงด้วยโทสะของเซี่ยงเซี่ยสั่งการ พวกมันจึงยังพอมีสติรวบรวมความกล้า
“พวกเจ้าจะมัวชักช้าทำไม รีบจัดการพวกมัน!”
คำสั่งของเซี่ยงเซี่ยส่งให้เหล่าทหารเบนเป้าหมายหวังกรูกันเข้าไปจัดการซุนหลง แต่อาศัยี่เซี่ยงเซี่ยพลาดพลั้งบาดเจ็บ เฉินซือหยางจึงฉวยจังหวะผงะจากการต่อสู้พัวพันกับรองแม่ทัพผู้นี้ทะยานเข้าไปสกัดทำลายเหล่าทหารี่คิดตั้งลำก่อรูปขบวนอีกครั้ง ด้วยเพลงดาบี่พิสดารกอปรกับพละกำลังี่เกินคนเป็นผลให้เหล่าทหารต้องเสียขบวนและแพ้พ่ายอย่างย่อยยับ พวกมันกลับมิอาจต่อต้านเพลงดาบห้าเล่มจากบุรุษหนุ่มแปลกหน้าเพียงผู้เดียว!
เซี่ยงเซี่ยได้เห็นก็ทั้งยิ่งอับอายและมีโทสะ ทหารม้าเกราะเงินี่เลื่องชื่อในการรบ แม้วันนี้จะเพียงนำกองกำลังมาไม่ถึงร้อย ทว่ามันก็ไม่น่าจะพ่ายแพ้อย่างย่อยยับแก่บุรุษี่ไร้พลังิวิญญาณผู้หนึ่งได้ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงไหน มันก็คงอับอายขายขี้หน้าไปถึงนั่น ตำแหน่งรองแม่ทัพของมันเองก็อาจจะสั่นคลอน
“กองกำลังข้าไปคัดพวกอ่อนแอไร้ประโยชน์อย่างพวกเจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แค่ขยะตนเดียวกลับหยุดมันไว้ไม่ได้!”
เมื่อจัดการกองกำลังทหารม้านับหลายสิบนายลงได้แล้ว บุรุษฉกรรจ์ี่ถือทวนบนหลังม้านับเป็นคนเดียวี่มันจะต้องรั้งตัวไว้ เฉินซือหยางประเมินเวลา ขอเพียงสู้ประคองจนบุรุษชุดคลุมเขียวฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและพลังเสร็จสรรพ สถานการณ์คงพลิกกลับมาอยู่ในมือของฝ่ายตนแล้ว
ดีี่ตนฉวยโอกาสล่อหลอกจนสร้างบาดแผลและอาการบาดเจ็บแก่ฝ่ายตรงข้ามได้ก่อน มิเช่นนั้นคงยากี่จะสู้ตัวต่อตัวเพื่อรั้งเวลากับผู้ี่มีระดับพลังิวิญญาณเช่นนั้น
ตอนนี้เซี่ยงเซี่ยไม่คิดวัดพลังอย่างซึ่งหน้ากับเฉินซือหยางแล้ว มันใช้พลังทุกรูปแบบี่มีฟาดฟันทวนหมายปลิดชีพบุรุษหนุ่มตรงหน้าให้ตกตายโดยพลัน ก่อเกิดคลื่นพลังแหลมคมตัดวาบไปทั่วบริเวณ เฉินซือหยางต้องสู้ไปพลาง หลบหลีกไปพลาง ทั้งยังหาช่องโหว่จากการโจมตีของศัตรูเพื่อตอบโต้คืนกลับเป็นระยะๆ
ด้านจินเยว่ก็อาศัยจังหวะี่ไม่รบกวนสมาธิของชายหนุ่มมากเกินไปเพื่ออธิบายในสิ่งี่ชายหนุ่มกำลังอยากรู้
“ก็อย่างี่เจ้ารู้ไปแล้ว พลังิวิญญาณของคนแบ่งเป็นเจ็ดระดับหลัก สิบระดับย่อย แต่ในส่วนอาวุธหรือสิ่งของจะมีสิ่งี่เรียกว่าพลังิวิญญาณแห่งสรรพสิ่ง โดยพลังิวิญญาณสรรพสิ่งของอาวุธหรือสิ่งของเหล่านั้นจะไม่มีการแบ่งระดับขั้นพลัง ความแข็งแกร่งของอาวุธขึ้นกับความจำเพาะของพลังิวิญญาณสรรพสิ่งี่แฝงอยู่ มีมากเป็นอาวุธชั้นเลิศ มีพอดีเป็นอาวุธชั้นกลาง มีน้อยหรือไม่มีเป็นอาวุธชั้นต่ำ แต่จะดึงพลังจำเพาะของอาวุธแต่ละชั้นออกมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ี่เป็นเจ้าของว่าจะเชื่อมโยงกับอาวุธเหล่านั้นไปถึงขั้นใด…”
รอจังหวะี่เฉินซือหยางหลบฉากจากการปะทะพัวพันได้ จินเยว่ค่อยอธิบายต่อ
“คนเลือกอาวุธคู่กาย อาวุธคู่กายก็เลือกคน คนี่มีพลังิวิญญาณและอาวุธี่มีพลังิวิญญาณสรรพสิ่งจะเกิดการตอบสนองต่อกันหากถูกชะตาหรือมีความคล้ายคลึงในรูปแบบวิถีพลังิวิญญาณ ทำให้คนผู้นั้นสามารถค้นพบอาวุธคู่กายของตนได้ ซึ่งผู้ี่จะสามารถรับรู้ถึงการเรียกหาหรือตอบสนองจากอาวุธอย่างน้อยต้องมีพลังิวิญญาณสู่สามัญระดับห้าขึ้นไป เพราะเช่นนี้ ก่อนหน้านั้นข้าจึงบอกต่อเจ้าว่าเจ้ายังไม่จำเป็นต้องถามถึงเรื่องอาวุธคู่กาย…”
เฉินซือหยางร่ายรำเพลงดาบสลัดหลุดจากการทิ่มแทงของเพลงทวนี่ราวกับ-่าพิรุณ ก่อนกล่าวเสียงเหนื่อยหอบ
“อย่างไรต่อ"
จินเยว่อธิบายไปว่า
“ตามตำรารวมถึงความเป็นจริงบนจักรวาลล้านดารา คนผู้หนึ่งสามารถมีอาวุธคู่กายได้เพียงหนึ่งชิ้น เพราะพลังิวิญญาณของคนมีดวงเดียว ชีวิตคนมีชีวิตเดียว พลังิวิญญาณของคนจึงเชื่อมโยงกับพลังิวิญญาณสรรพสิ่งได้เพียงสิ่งเดียว เมื่อมีอาวุธคู่กายแล้ว อาวุธคู่กายก็จะส่งเสริมผู้ใช้ จากี่เคยแข็งแกร่งอยู่ในระดับหนึ่ง พอเพิ่มอาวุธคู่กายเข้ามา อาวุธคู่กายนั้นก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งแก่คนผู้นั้นขึ้นอีกขั้นหรืออาจเป็นอีกระดับได้"
“เพิ่มไปถึงอีกระดับ?”
“ก็อย่างี่บอก อาวุธคู่กายมีพลังจำเพาะ จะชั้นเลิศ ชั้นกลาง หรือชั้นต่ำ เหล่านี้ล้วนส่งเสริมเพิ่มพูนความแข็งแกร่งแก่ผู้ใช้ทั้งสิ้น หากเจ้าอาศัยพลังิวิญญาณของตนเพียงอย่างเดียวปกคลุมไปกับหมัดี่ชกใส่ก้อนหินอย่างเต็มกำลัง หินอาจแค่บิ่นแตก แต่สมมุติเจ้ามีดาบเป็นอาวุธคู่กาย หากเป็นดาบชั้นต่ำี่ไม่มีพลังิวิญญาณสรรพสิ่งหรือมีน้อยนิด เมื่อใช้อย่างเต็มกำลังฟันใส่หิน หินอาจแตกระแหงเป็นทาง ส่วนหากเป็นดาบชั้นกลางี่มีพลังิวิญญาณสรรพสิ่งฟันใส่หินโดยใช้พละกำลังเท่ากัน หินนั้นจะไม่เพียงปริแตกแต่มันจะพังทลาย ทั้งหมดนั้นเพราะพลังจำเพาะี่แฝงบนตัวดาบมาส่งเสริมพลังให้มากขึ้น นี่ก็คืออำนาจพลังจำเพาะี่อยู่บนตัวอาวุธ ซึ่งนับเป็นพลังพื้นฐานของผู้ี่สามารถค้นพบอาวุธคู่กายี่เหมาะสมกับตนเอง แต่ทว่าคนกับอาวุธคู่กายมิใช่มีเพียงแต่การตอบสนองหรือถูกชะตากันในขั้นพื้นฐานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มันยังมีขั้นการเชื่อมโยงตอบสนองกันระหว่างพลังิวิญญาณและพลังิวิญญาณสรรพสิ่งคู่กายถึงสี่ขั้น!”
เฉินซือหยางกระโดดตีลังกาม้วนตัวหลบจากปลายทวนี่ตวัดฟันได้อย่างหวุดหวิด ปากก็พึมพำออกมา
“สี่ขั้น?”
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??