เรื่อง เส้นทางอสุรา
บที่ 36 เหนือคาดหมาย
แม้หนทางในเมืองจะไม่กว้างมาก แต่ฝีเท้าม้าี่โถมทะยานกลับไม่ติดขัดหรือเสียกระบวนแต่อย่างใด คนบนหลังม้าถูกฝึกการรบมาอย่างเชี่ยวชาญ ทุกสถานการณ์และทุกสมรภูมิล้วนถูกเคี่ยวกรำมาเป็นอย่างดี มิเสียแรงี่เป็นเหล่าทหารม้าเกราะเงิน เช่นนั้นขบวนม้าี่โถมเข้าหาสองบุรุษกลางคนจึงดูไร้ช่องโหว่และจุดอ่อน กดข่มศัตรูจนรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว
หวังเถาได้เห็นก็ทอดถอนใจออกมา
“ไม่คิดว่าเส้นทางชีวิตของเจ้าและข้าต้องมาจบลงเช่นนี้ คิดว่าจะได้จิบชาหน้ากระดานหมากเมื่อตอนชราเสียอีก"
ซุนหลงกล่าวอย่างรู้สึกผิด
“เป็นข้าี่นำพาเจ้าให้ต้องมาพบจุดจบเช่นนี้"
หวังเถาส่ายศีรษะ
“ข้าเลือกของข้าเอง ข้าแค่บ่นไปเท่านั้น ชีวิตข้าไม่มีห่วงอีกแล้ว"
กล่าวคำนี้ออกมามันก็นึกไปถึงเฉินซือหยาง บุรุษหนุ่มี่มันได้ฝากฝังให้เป็นผู้สืบทอดกิจการเกี่ยวกับการค้าของมันในอนาคต
ด้านซุนหลงก็มองผ่านขบวนทหารม้าเข้าสู่ห้วงความนึกคิด มันนึกถึงสิ่งี่ตนเพียรสร้างมา แม้จะเสียดายอยู่บ้าง แต่สิ่งี่เสียใจี่สุดคือมันจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าครอบครัวของตนอีกต่อไปแล้ว ไม่มีโอกาสแม้แต่จะร่ำลาต่อหน้า ทำได้แค่เพียงร่ำลาภายในใจ
ทั้งสองตกอยู่ในห้วงคำนึงถึง พอเสียงฝีเท้าม้าโถมทะยานมาในระยะสามวา สติค่อยคืนกลับพร้อมอาวุธในมือของพวกมันี่ถูกยกขวางขึ้นระหว่างอก ประกายตาฉายแววความเด็ดเดี่ยวพร้อมจะสู้แลกชีวิตเป็นตาย การยกอาวุธขึ้นครั้งนี้ของพวกมัน อาจเป็นการยกครั้งสุดท้ายแล้ว
บุรุษฉกรรจ์ผู้ถือทวนบนหลังม้า มันคำรามก้อง
“…กระบี่เหนือพิรุณ… จากนี้จะเป็นจุดจบและปิดฉากชื่อเสียงี่สั่งสมของเจ้า ข้าขอเอาหัวเจ้าไปในวันนี้!”
ยิ่งมันคำรามเสียงดัง ทหารม้าี่มุ่งออกไปชุดแรกยิ่งดูทรงอานุภาพ ดาบหัวตัดในมือของพวกมันถูกตวัดฟันในขณะี่แปรรูปขบวนการเคลื่อนี่ วิถีดาบี่ทหารบนหลังม้าฟันออกจึงดูราวกับเกลียวคลื่นกวาดม้วนเป็นระลอก ทั้งดุดัน ยืดหยุ่น และทรงพลังในคราเดียว คนี่บาดเจ็บสาหัสอย่างหวังเถาเห็นขบวนการต่อสู้ี่ยากรับมือกว่าครั้งก่อนหน้าี่ตนเคยสู้มาเช่นนี้ แข้งขาก็พลอยอ่อนลงไปพลัน มันราวกับเป็นมัจฉาตัวเล็กี่กำลังถูกเกลียวคลื่นกวาดม้วนกลืนกินอยู่ก็มิปาน!
“นี่สินะกระบวนการรบี่แท้จริงของพวกมัน ี่แท้ก่อนหน้ามิใช่แค่ข้าี่ต้องการรั้งเวลา พวกมันเองก็รั้งรอเวลาเช่นกัน รอเวลาจนกว่าเจ้าจะบาดเจ็บสาหัสจากการสู้กับกลุ่มคนลอบสังหารกลุ่มแรก พอเจ้าสาหัสแล้ว มันค่อยรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์"
ซุนหลงจึงผงกศีรษะ
“ไม่มีมิตรแท้ในหมู่ผู้หวังผลประโยชน์ พวกมันนอกจากจะเดินหมากกำราบฝ่ายตรงข้าม ยังเดินหมากล่อหลอกเพื่อใช้พวกเดียวกันเป็นเบี้ย"
หวังเถาสบทออกมา
“ช่างเป็นพวกไร้ศีลธรรมสิ้นดี"
การต่อสู้อย่างดุเดือดเลือดพล่านเกิดขึ้นอีกระลอก ทหารม้าเกราะเงินชุดแรกี่ใช้อาวุธดาบหัวตัด สร้างความลำบากแก่ซุนหลงและหวังเถาอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ถูกบุรุษกลางคนทั้งสองสยบลง แต่นั่นก็ไม่มีเวลาให้พวกมันได้พักหายใจหายคอ เพราะขบวนม้าชุดใหม่คนบนหลังม้าล้วนใช้อาวุธประเภทหอก ซึ่งอาวุธชนิดนี้มีความได้เปรียบในการต่อสู้ระยะกลาง จู่โจมได้ฉับพลันในระยะี่ขบวนม้าไม่ต้องประชิดตัว จึงสร้างความลำบากแก่ซุนหลงกับหวังเถาเป็นอย่างสูง อาการบาดเจ็บยิ่งมายิ่งเพิ่มพูน ร่างกายรวมถึงพลังจิตวิญญาณมิได้พักฟื้นฟูดี กำลังและพลังจึงตกลงไปเรื่อยๆ แขนจะยกตวัดฟันกระบี่ หรือแม้แต่จะดีดลูกคิดก็ยากจะทำได้แล้ว แต่ด้วยระดับพลังจิตวิญญาณของคนทั้งสอง ขณะสู้ไปพลางถอยไปพลาง พวกมันก็จัดการขบวนทหารม้าี่สองลงได้ในี่สุด
“เก่งนักใช่ไหม ดูว่าพวกเจ้าจะถูกฆ่าตาย หรือเหนื่อยตายก่อน!”
บุรุษผู้ถือทวนบนหลังม้าคำรามลั่น ขบวนทหารม้าเกราะเงินขบวนี่สามก็โถมทะยานออกไปโดยพลัน ขบวนทหารม้าชุดนี้ล้วนใช้โล่โลหะเป็นอาวุธ พวกมันพุ่งไปมิได้หวังใช้โล่สังหารคน แต่พวกมันเคลื่อนขบวนรูปปีกนกตีโอบไล่ต้อนคนทั้งสองให้ตกอยู่ในสภาพจนมุมไร้ทางถอย ทั้งซุนหลงและหวังเถาหลังจากี่สู้ไปพลางถอยไปพลาง ตอนนี้พวกมันถอยร่นจนมาถึงร้านค้าอาวุธเก่าโทรมของซุนหลงแล้ว แม้ทหารม้าเกราะเงินขบวนี่สามไม่ปิดล้อมพวกมัน ตรอกซอยแห่งนี้ก็เป็นทางตัน ไร้หนทางถอยแก่พวกมันอยู่ดี คนทั้งสองมีแต่ต้องสู้หลังพิงฝา
ซุนหลงและหวังเถาถูกปิดล้อมด้วยโล่โลหะและขบวนทหารม้าี่ตั้งแถวประสานส่งเสริม โล่เหล่านี้ยังมิได้ถึงขั้นผสานจิตวิญญาณกับผู้ใช้ คนี่ถือโล่อยู่จึงมิอาจส่งพลังจู่โจมผ่านอากาศออกไป แต่โล่โลหะี่พวกมันถือครองอยู่ นับว่ามีพลังจิตวิญญาณสรรพสิ่งจำเพาะี่แฝงอยู่ในตัว พลังจำเพาะี่อยู่บนโล่โลหะชั้นดีเหล่านี้ก็คือพลังป้องกันี่แข็งแกร่งเกินกว่าคนบาดเจ็บสาหัสอย่างซุนหลงและหวังเถาจะทำลายลงได้ บุรุษกลางคนทั้งสองี่ทุ่มพลังจู่โจมออกมาจึงทำได้เพียงให้เกิดแรงดีดสะท้อนสั่นสะเทือนแก่ขบวนโล่ี่ปิดล้อมเท่านั้น
เมื่อสถานการณ์ได้เปรียบถึงขีดสุด บุรุษผู้ถือทวนบนหลังม้าก็คำรามสั่งการขึ้นอีกหน
“ขบวนี่สี่!"
ขบวนทหารม้านับยี่สิบี่อยู่ด้านหลังของมันเคลื่อนม้าให้มาอยู่ี่ด้านหน้าสุดในรูปขบวนครึ่งวงกลม คนบนหลังม้าเหล่านั้นต่างถืออาวุธเป็นธนู!
“ขึ้นสาย!”
ขบวนทหารม้าชุดี่สามเป็นขบวนพลโล่โลหะี่ใช้ปิดล้อมแลจำกัดอาณาเขตของศัตรู ส่วนขบวนทหารม้าชุดี่สี่นี้ก็คือพลโจมตีระยะไกลี่มีไว้สำหรับสังหารศัตรู!
“ยิง!”
เสียงสายธนูดีดผึ่งจนสะท้านไปทั่วตรอกซอย ดีี่เบื้องหลังเป็นทางตัน ี่แห่งนั้นจึงไร้บ้านเรือนของผู้คน ซึ่งทั้งหมดซุนหลงคาดเอาไว้แล้ว มันรู้จักยุทธวิธีการรบของทหารม้าเกราะเงินเป็นอย่างดี การต่อสู้ของมันี่สู้ไปพลางและถอยไปพลางจนมาเจอทางตันจึงมิใช่เพียงความผิดพลาด แต่เพราะเป็นทางตันจึงไร้ผู้คน เมื่อไร้ผู้คนย่อมไม่มีผู้ต้องพลอยเดือดร้อน มันมิต้องการลากชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ให้ต้องมารับลูกหลงจากธนูสังหารี่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณสรรพสิ่งี่แข็งกล้าแลมืดฟ้ามัวดินเหล่านี้
เหล่าทหารี่ประจำอยู่ในขบวนี่สี่แม้พวกมันจะมีพลังจิตวิญญาณสู่สามัญระดับสิบ ซึ่งถือเป็นระดับพลังจิตวิญญาณขั้นต่ำชั้นปถุชนทั่วไป แต่ทว่าพวกมันสามารถผสานจิตวิญญาณกับอาวุธคู่กายี่เป็นธนูได้ทุกผู้ เช่นนั้นลูกธนูี่ยิงออกจึงมีพลังปาฏิหาริย์รูปลูกธนูแบ่งภาคร่าง ลูกธนูหนึ่งดอก แตกพลังออกในรูปพลังลูกธนูถึงสิบดอก เช่นนั้นแผ่นฟ้าเบื้องบนเหนือศีรษะของซุนหลงและหวังเถาจึงเต็มไปด้วยห่าธนูี่ราวกับพิรุณโหมกระหน่ำ!
หนึ่งกระบี่เงินวาวและหนึ่งลูกคิดี่คัดง้างต่อต้านโล่โลหะี่ผลักดันเข้ามา ส่งให้ไม่มีอาวุธใดหรือโอกาสใดให้บุรุษกลางคนทั้งสองปลีกตัวหาทางรับมือ-่าธนูได้อีกแล้ว หากเป็นปกติี่ร่างกายไม่บาดเจ็บสาหัสจนเกินไป เพียงพลังจิตวิญญาณระดับสู่สามัญใยจะคณามือพวกมัน ทว่าคนมีกำลังกายและพลังจิตวิญญาณี่จำกัดจริงๆ คนหนึ่งคนหากพลังไม่สูงล้ำพอก็ยากจะเอาชนะกองกำลังคนจำนวนมากี่แห่เข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าได้ นี่ก็คือความเป็นจริงี่คนทั้งสองกำลังประสบ และเป็นสิ่งี่ฝ่ายศัตรูได้คาดคำนวณเพื่อวางหมากเอาไว้แล้ว หมากขาวเหนือกว่าทั้งกำลังพลและวิธีการ ส่วนหมากดำไร้เบี้ยให้เดินต่อ ไร้ช่องทางให้พลิกแพลง รอวันถูกรุกฆาตจากการเดินหมากตาสุดท้ายเท่านั้น
ทั้งซุนหลงและหวังเถาต่างแหงนหน้ามอง-่าธนูี่ร่วงหล่นจากฟากฟ้ามายังตน หวังเถาก็ยิ้มขมขื่นพลางกล่าวว่า
“ต้องลาจากกันแล้วสหายข้า"
ขณะจะพริ้มตาลงรอรับความตายตรงหน้า เงาสีดำวูบหนึ่งก็วาบผ่านนัยน์ตาของหวังเถาไป นัยน์ตาของมันจึงไม่หลับลง นัยน์ตาของมันจ้องมองเงาดำี่วูบไหวเหนือศีรษะตนนั้น เห็นแต่เพียงชุดคลุมดำี่สะบัดพริ้วไหวตามแรงลม และเห็นเพียงกล่องอาวุธสี่เหลี่ยมี่สะพายอยู่ด้านหลัง กล่องอาวุธนี้มันจดจำได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นกล่องอาวุธี่หาได้จากร้านหวังค้าทุกสิ่งเท่านั้น และยังเป็นกล่องอาวุธชิ้นเดียวี่ออกจากร้านของมัน มันจำได้ว่ามันเคยมอบให้บุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง บุรุษหนุ่มี่ในตอนนี้เป็นหุ้นส่วนกิจการคนสำคัญของมัน
เฉินซือหยาง!
เสียงการทำงานของกลไกในกล่องอาวุธดังขึ้นอย่างแจ่มชัด กล่องอาวุธนั่นก็กางออกในรูปครึ่งวงกลมทันที เผยให้เห็นดาบห้าเล่มี่เรียงรายเป็นแนวครึ่งวงกลมอย่างเป็นระเบียบ แม้ดาบแต่ละเล่มจะมีรูปร่างี่แตกต่าง แต่ก็ไม่น่าดึงดูดสายตาเท่ากับวิถีดาบี่ถูกใช้ออกอย่างพิสดารนั่น
เคล็ดวิชาดาบทั้งห้านี้ดูออกได้ว่ามิเกิดจากพลังจิตวิญญาณ เพราะบนตัวของผู้ใช้มิอาจสัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณเลย แต่กระบวนดาบกลับฉับไว ล่อหลอก นำวิถี อีกทั้งยังดุดันเด็ดขาด ดาบห้าเล่มถูกใช้ออกสลับไปมาตามสถานการณ์ ดูไม่ออกว่าจะใช้เล่มใด แต่พอใช้ไปแล้วกลับให้ความรู้สึกเหนือปาฏิหาริย์ เป็นเพลงดาบี่ไม่ใช้พลังจิตวิญญาณ ทว่าสามารถต้านทานรับห่าธนูี่กอปรรวมไปด้วยพลังจิตวิญญาณได้อย่างหมดจด!
เฉินซือหยางร่ายรำเพลงดาบไร้อัตลักษณ์ทั้งห้า มันแม้เปลี่ยนรูปแบบการเก็บดาบโดยนำดาบใส่กล่องอาวุธแทนการพกบนส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่มันก็ได้ฝึกการใช้ดาบในตำแหน่งใหม่ได้คล่องแล้ว มันจึงใช้เพลงดาบได้ไม่ติดขัดหรือขาดตก อัตลักษณ์แห่งดาบทั้งห้าก็ล้วนใช้ออกอย่างไม่ผิดพลาด ปัดป้อง เบี่ยงวิถี บ้างก็ชักนำ-่าธนูเหล่านี้ให้พุ่งไปยังทหารี่ถือโล่โลหะบนหลังม้าทำลายขบวนปิดล้อมี่แข็งแกร่งของพวกมัน
ซุนหลงเห็นผู้มาช่วยเหลือตนกับหวังเถาอย่างชัดตา อีกทั้งยังได้ยลเพลงดาบทั้งห้าอย่างชัดเจน มันก็ยิ้มออกมา
“มาจนได้สินะ"
ด้านหวังเถากลับตวาดลั่น
“เจ้ากลับมาทำไม!”
หลังจากปัดป้อง-่าธนูได้ราวกับปาฏิหาริย์ ร่างของเฉินซือหยางก็หยุดลงี่ด้านหลังคนทั้งสอง มันนึกถึงเรื่องราวของกูตู๋ ก่อนกล่าวอย่างจริงจัง
“ข้าคงมิอาจปล่อยให้คนี่ดีกับข้าจากใจจริงตายไปอีกผู้ได้ แม้แต่สหายยังมิอาจปกป้องได้ แล้วเส้นทางี่ข้าเลือกเดินจะมีประโยชน์อันใด”
หวังเถายังตวาดด่าทอมัน
“เจ้าเด็กโง่ ลำพังพวกข้าี่มีพลังจิตวิญญาณยังสู้พวกมันแทบไม่ได้ แล้วคนี่ไร้พลังจิตวิญญาณอย่างเจ้าจะทำอะไรได้ สุดท้ายก็ต้องมาตายด้วยกัน แล้วสิ่งี่ข้าฝากฝังเจ้าเล่า”
ซุนหลงกลับไม่คิดเช่นนั้น นับตั้งแต่เห็นบุรุษหนุ่มผู้นี้ยกดาบไม้ขึ้นได้ มันก็มิได้มองชายหนุ่มเป็นคนธรรมดาี่ภายนอกไร้พลังจิตวิญญาณอีกต่อไป
“เจ้าอย่าได้ดูแคลนมันเกินไป”
หวังเถากล่าวอย่างเหลืออด
“เหตุใดข้าพอพานพบคนี่ถูกชะตาอย่างพวกเจ้า แต่พวกเจ้ากลับเป็นคนดื้อด้านเสียได้"
เฉินซือหยางเดินมาหยุดอยู่ี่เบื้องหน้าของคนทั้งสอง มันจ้องเขม็งไปี่ขบวนทหารม้าี่ก่อขบวนโล่โลหะปิดล้อมเข้ามาอีกครั้ง ส่วนปากกล่าวกับหวังเถา
“เพราะข้าเป็นเช่นนี้จึงสร้างความถูกชะตาต่อท่านมิใช่หรือ"
แล้วชายหนุ่มก็ชักดาบดำออกมาถือไว้ในมือ พลังลมปราณเร่งเร้ามาี่ท่อนแขนขวาี่ถือดาบ จนกล้ามเนื้อหดเกร็งเห็นเส้นเลือดปูดโปนเป็นลำ มันกระตุ้นพลังทางกายภาพถึงขีดสุด
“และหากข้าเป็นคนเห็นแก่ตัวจากกมลสันดาร คงไม่ได้รับน้ำมิตรี่ดีจากท่าน… น้ำมิตรนี้ข้าจะรักษามันไว้ เพราะนี่คือเส้นทางของข้า!”
คำกล่าวยังมิทันจะจางหาย ขาสองข้างของเฉินซือหยางก็พลันทะยานออก เห็นแต่ฝุ่นดินปลิวตลบ ร่างของเฉินซือหยางพร้อมดาบดำก็มุ่งออกไปี่เบื้องหน้าแล้ว หวังเถาได้เห็นก็ตะโกนเตือน
“ขบวนป้องกันและโล่นั่นมิใช่คนี่ไร้พลังจิตวิญญาณจะ….”
ยังไม่ทันจะได้กล่าวจบประโยค เสียงตูมก็ดังสนั่นไหว หวังเถาพลันปากอ้าค้าง ส่วนซุนหลงต้องขมวดคิ้วจนแทบจรดกัน ทางด้านบุรุษฉกรรจ์ี่ถือทวนบนหลังม้าก็เบิกตากว้าง บุรุษี่ไร้พลังจิตวิญญาณผู้หนึ่งกลับทำลายขบวนป้องกันของทหารม้าเกราะเงินได้เพียงดาบเดียว!
คนทั้งสามจึงหลุดเสียงออกมาแทบจะเป็นประโยคเดียว
“นี่มันพละกำลังทางกายภาพระดับใดกัน!”
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??