เรื่อง เส้นทางอสุรา

ติดตาม
บทที่ 34 เผยหมากดำสุดท้าย
  • ปรับสีและขนาดตัวอักษร

บทที่ 34 เผยหมากดำสุดท้าย


อาวุธหลากหลายเล่มแสดงขั้นการผสานพลังจิตวิญญาณ เสียงอื้ออึงจึงสั่นสะเทือนไปทั่วบรรยากาศคืนเดือนดับ พลังจิตวิญญาณที่ผสานเชื่อมโยงกับพลังจิตวิญญาณสรรพสิ่งคู่กายส่งเสริมให้การแผ่พุ่งพลังโจมตีจากอาวุธคู่กายแต่ละชนิดของคนนับสิบนำพาความมืดฟ้ามัวดินกลืนกินเข้าใส่ร่างของซุนหลงอย่างน่าครั่นคร้าม บางผู้แม้พลังจิตวิญญาณไม่ถึงขั้นสูงส่ง แต่พอผสานพลังกับอาวุธคู่กาย กอปรกับจำนวนคนที่ร่วมกันลงมือมาจากหลายสารทิศ ก็บีบให้ซุนหลงต้องรับมืออย่างจวนตัวและตึงมือพอสมควร กระบี่ข้างกายของซุนหลงถูกชักออกจากฝัก ประกายสีเงินวาวแวววับขึ้นท่ามกลางคืนเดือนมืด สาดประกายคมกล้าตวัดฟันจนเห็นสายโลหิตสาดกระเซ็น ซุนหลงอาศัยฝ่ามือซ้ายสะบัดฟาดนำพาพลังจิตวิญญาณของตนเบิกทาง และอาศัยกระบี่แวววาวสังหารคนเพื่อตีฝ่าวงล้อม!


หนึ่งกระบี่ที่ชักออกจากฝักสังหารคนของสำนักคุ้มภัยกระทิงเหล็กได้ถึงสอง ที่เหลือเมื่อรู้ว่าการลงมือแรกไม่ได้ผลก็พลันพลิกอาวุธหมายจู่โจมอย่างต่อเนื่อง พลังจิตวิญญาณจึงถูกตวัดออกตามทิศทางการเหวี่ยงฟันอาวุธ เสียงกระหึ่มของพลังปาฏิหาริย์ที่แผ่พุ่งนำพาความอึกทึกครึกโครมและจิตสังหารที่ปกคลุม ผู้คนทั่วไปที่อยู่ภายในอาคารบ้านเรือนเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากถนนเบื้องนอกจึงต่างพากันได้แต่นอนกลั้นหายใจเนื้อตัวสั่นพร่า เกรงว่าจะหายใจดังจนตนอาจโดนลูกหลงที่เกิดขึ้นจากถนนตรอกซอยเบื้องนอกนั้น บางผู้ก็สวดภาวนาภายในใจ ขอให้คืนเดือนมืดอันอัปมงคลผ่านพ้นไปโดยไวเสียที


ซุนหลงร่ายรำเพลงกระบี่ไปพลาง ฝ่ามือที่ห่อหุ้มไปด้วยพลังจิตวิญญาณที่ราวกับคลื่นน้ำก็สะบัดฟาดไปพลาง ผู้ใดเห็นก็คาดเดาได้ว่ากระบี่สีเงินวาวนั่นเป็นอาวุธคู่กายของมัน แต่จวบจนตอนนี้มันกลับยังมิได้ผสานเชื่อมโยงระหว่างพลังจิตวิญญาณตนกับพลังจิตวิญญาณสรรพสิ่งของกระบี่ อานุภาพพลังทุกครั้งที่ตวัดฟันกระบี่จึงมิได้หนุนเสริมกดข่มฝ่ายตรงข้าม พลังจิตวิญญาณไม่สามารถแผ่พุ่งออกจากกระบี่ทอดผ่านอากาศมุ่งจู่โจมศัตรูในระยะไกล ทำได้เพียงเร่งเร้าพลังจิตวิญญาณห่อหุ้มกายและกระบี่ต่อสู้ในระยะประชิด เป็นเหตุให้การต่อสู้ของมันดูกินแรงเป็นอย่างมาก


เตียวเสียนผู้นำ๳๤๥๲สำนักคุ้มภัยกระทิงเหล็กมาในครานี้ พอเห็นเช่นนั้นก็ได้คิด

“หรือแม้กระทั่งขั้นผสานจิตวิญญาณเจ้าก็ยังทำไม่ได้ ฉายากระบี่เหนือพิรุณ ฉายาที่ผู้คนกล่าวขวัญถึงมือกระบี่ที่ฉับไวราวห่าพิรุณเห็นทีจะเป็นเพียงคำโป้ปดเกินจริงเสียแล้ว"

จากนั้นมันก็ได้หันไปสั่งการคนของตน

“พวกเจ้าอย่าไปกลัว ชื่อเสียงมันก็เป็นเพียงเกราะบังหน้าเพื่อหลอกคน มีพลังจิตวิญญาณสูงส่งแล้วอย่างไร ในเมื่อแม้แต่ผสานพลังกับอาวุธคู่กายไม่ได้ก็นับเป็นเพียงกระบี่ชั้นดีที่มิอาจถอดจากฝักเท่านั้น"


ตามข้อมูลที่พวกมันมี ซุนหลงมีพลังจิตวิญญาณเหนือสามัญ ระดับหนึ่ง สูงกว่าเตียวเสียนอยู่หนึ่งช่วง นั่นคือเตียวเสียนมีพลังจิตวิญญาณสามัญ ระดับสิบ ขาดอีกเพียงช่วงหนึ่งก็จะไปสู่ระดับพลังจิตวิญญาณเหนือสามัญระดับหนึ่งเทียบเท่าซุนหลง หากวัดกันตามพลังจิตวิญญาณส่วนตัวเพียวๆ แน่นอนว่าเตียวเสียนผู้นี้ยากจะเอาชนะซุนหลงได้ ทว่าโลกใบนี้มีสิ่งที่เรียกว่าพลังจิตวิญญาณแห่งสรรพสิ่งหนุนเสริม เป็นพลังจิตวิญญาณที่ก่อเกิดจากวัตถุ สิ่งของ หรือสรรพสิ่งต่างๆ ที่นอกเหนือจากมนุษย์ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นสามารถถูกชะตา ตอบสนอง และเชื่อมโยงกับมนุษย์ได้ จึงเกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่าอาวุธคู่กายของมนุษย์


อาวุธคู่กายเหล่านี้อานุภาพพลังจิตวิญญาณสรรพสิ่งจะแตกต่างกันออกไป มากน้อยขึ้นอยู่กับความจำเพาะของสิ่งนั้นๆ ผู้เป็นเจ้าของสามารถใช้มันเพื่อให้เกิดการส่งเสริมตนและทำลายผู้อื่นได้ แต่หากเมื่อใดผู้ที่เป็นเจ้าของสามารถใช้มันนอกเหนือจากเพียงการกวัดแกว่ง สามารถผสานเชื่อมโยงระหว่างพลังจิตวิญญาณของตนกับพลังจิตวิญญาณสรรพสิ่งของมันได้ อานุภาพพลังที่หนุนเสริมจะเพิ่มพูนขึ้นถึงเท่าตัว และหากเพิ่มระดับการเชื่อมโยงระหว่างกันสู่ขั้นที่สูงขึ้นไปอีก อานุภาพพลังก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เพราะเป็นเช่นนี้ เพราะรู้ว่าซุนหลงที่แม้มีระดับพลังจิตวิญญาณที่สูงกว่า แต่มิอาจผสานเชื่อมโยงกับพลังจิตวิญญาณสรรพสิ่งคู่กายได้ ในขณะที่เตียวเสียนมันสามารถผสานเชื่อมโยงกับอาวุธคู่กายตนได้แล้ว เช่นนั้นมันจึงมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะเอาหัวของซุนหลง


ตอนนี้เตียวเสียนใช้คนของตนต่อสู้อย่างดุเดือด ใช้คนจำนวนมากกลุ้มรุมคนผู้เดียว มันรู้ว่าต่อให้ยกคนมามากกว่านี้ คนของตนก็มิอาจเอาชนะซุนหลงได้ แต่มันก็ยังสั่งคนของตนให้สู้ถวายชีวิต จุดประสงค์ของมันก็เพื่อตัดกำลังของซุนหลง ตนค่อยเก็บเกี่ยวผลลัพธ์ที่ง่ายดายทีหลัง รอให้ซุนหลงสู้จนเหนื่อยล้าอ่อนแรง รอให้มันมีอาการบาดเจ็บสะสม ตนค่อยจะเข้าไปเด็ดหัวมันสร้างผลงาน


เตียวเสียนสั่งการด้วยความรู้สึกที่กระหยิ่มยิ้มย่อง มันนึกโชคดีที่คนผู้นั้นวางหมากเลือกพวกมันให้เป็นผู้รุกฆาตฝ่ายศัตรูเป็นอันดับแรก เมื่อมีโอกาสก่อนย่อมได้สร้างผลงานก่อน มันถึงได้หัวเราะอย่างยินดีออกมา

“ฆ่ามัน!”


ทั้งดาบ ขวาน มีดสั้น กรรไกรตัดหญ้า หรือแม้แต่กระถางต้นไม้เก่าๆ ก็ล้วนแต่เป็นอาวุธที่มีพลังจิตวิญญาณสรรพสิ่งคู่กายของฝ่ายตรงข้ามซึ่งจู่โจมเข้าใส่ซุนหลงอย่างรัวเร็ว การเคลื่อนที่ของพวกมันก็ดูเป็นจังหวะจะโคนสอดรับซึ่งกันอย่างลงตัว สมแล้วที่เป็นสำนักคุ้มภัยที่มีชื่อในเมืองหลวง แม้แต่คนในสำนักทั่วไปก็ยังมีฝีมือและมีระบบระเบียบในสถานการณ์ที่ต่อสู้เป็นตายเช่นนี้ได้


แต่ซุนหลงอย่างไรก็มีพลังจิตวิญญาณที่เหนือล้ำกว่าคนเหล่านี้มาก แม้พวกมันบางผู้ผสานเชื่อมโยงพลังจิตวิญญาณกับอาวุธคู่กายของตนได้ แต่ท้ายที่สุดคนเหล่านั้นก็เพียงสร้างแค่รอยบาดแผลเล็กๆ และความตรึงมือเท่านั้น ไม่นานพวกมันก็ต้องทอดร่างกลายเป็นศพ การส่งเสริมของอาวุธคู่กายส่งเสริมได้จริงและช่วยให้มีเปรียบในกลุ่มคนที่มีระดับพลังฝีมือและพลังจิตวิญญาณที่ไม่ต่างชั้นกันมาก หากต่างชั้นจนเกินไป ต่อให้ผสานได้ผลสุดท้ายก็จบลงเช่นเดิม


ทว่าเตียวเสียนกลับไม่สน รอยยิ้มของมันยังผุดเต็มใบหน้า คนของมันที่ตายไปล้วนแต่เป็นพวกปลายแถว เป็นเพียงเบี้ยที่ใช้ตัดกำลังศัตรูเท่านั้น ได้ฟังเสียงลมหายใจเหนื่อยหอบของซุนหลง นี่จึงราวกับเป็นเสียงสวรรค์ที่มันต้องการอย่างแท้จริง ยิ่งเห็นซุนหลงตวัดกระบี่สีเงินวาวสังหารคนของมันไปมากเท่าไหร่ มันก็เริ่มได้ยินเสียงลมหายใจที่ถี่กระชั้นขึ้นเท่านั้น ใกล้ถึงโอกาสที่มันจะลงมือแล้ว


กระบี่สีเงินวาวหมุนควงปานจักรผันบนฝ่ามือของซุนหลง บุรุษกลางคนผู้นี้มีบุคลิกที่ยอดเยี่ยม เพลงกระบี่ก็เยี่ยมยุทธ์มิธรรมดา ทุกหนึ่งย่างก้าวของมันที่นำพากระบี่ไป แม้มิอาจเข้าถึงการผสานเชื่อมโยงกับกระบี่จนเกิดอานุภาพพลังที่เพิ่มพูน แต่มันก็สามารถใช้กระบี่มันวาวนี้ปลิดชีพคนของสำนักคุ้มภัยกระทิงเหล็กจนราบคาบ!


ร่างในอาภรณ์เขียวเข้มเหินลงจากกลางนภากาศ พร้อมกับกระบี่ที่กางออกจนสุดแขน เสียงฉับเดียวดังขึ้นพร้อมกับโลหิตหยาดสุดท้ายที่ร่วงหล่น คนของสำนักคุ้มภัยกระทิงเหล็กที่ถือก้านธงเป็นอาวุธคู่กาย มันล้มพับลงพร้อมกับก้านธงที่ขาดครึ่ง ผู้ติดตามคนสุดท้ายของสำนักคุ้มภัยกระทิงเหล็กทิ้งร่างอันไร้ชีวิตทรุดลงยังผืนปฐพีที่เย็นเยียบ


ท่ามกลางคืนเดือนมืดของตรอกซอยที่แคบเล็กแห่งนี้ เสียงคึกโครมได้สงบลงไป มีเพียงกลิ่นคาวโลหิตที่คละคลุ้งแทนที่ พร้อมกับร่างที่ยืนประจันหน้ากันของคนสองคน


ซุนหลงกำชับกระบี่ที่โชกไปด้วยโลหิตมองเตียวเสียน

“ถึงคราวที่เจ้าจะเข้ามาแล้วหรือยัง"


เตียวเสียนมองร่างที่เต็มไปด้วยคราบโลหิตและลมหายใจที่เหนื่อยหอบ มันก็ยิ้มออกมาพลางเอื้อมมือไปชักดาบโค้งจากด้านหลังมาถือไว้

“นึกว่าเจ้าจะตายด้วยน้ำมือลูกกระจ๊อกเสียแล้ว… มา ข้ารออยู่นานแล้ว ข้าจะเป็นคงส่งเจ้าไปยังปรโลกเอง!”


ด้วยรู้ว่าระดับพลังจิตวิญญาณของตนยังเป็นรองซุนหลง เตียวเสียนมันจึงไม่เก็บงำพลัง เร่งเร้าพลังจิตวิญญาณของตนอย่างเต็มที่ก่อนชักนำให้เชื่อมโยงไปยังพลังจิตวิญญาณสรรพสิ่งของดาบโค้ง


“ผสานจิตวิญญาณ!”


มันคำรามก้องพร้อมกับพลังจิตวิญญาณที่ผสานเชื่อมโยงซึ่งกัน ก่อเกิดการถ่ายเทชักนำพลังจิตวิญญาณระหว่างตัวมันและดาบโค้ง เป็นผลให้พลังของมันดูเพิ่มพูนขึ้น และสามารถใช้พลังความจำเพาะของดาบโค้งได้มากขึ้น เมื่อผสานพลังจิตวิญญาณ ตัวดาบก็พลันมีแสงสีน้ำตาลอ่อนเจือจางปกคลุม บรรยากาศรอบตัวดาบไหวสั่นจนเห็นเป็นเส้นแสงผุดวาบเป็นระยะๆ


เมื่อมิอาจผสานพลังจิตวิญญาณกับอาวุธคู่กาย จะใช้พลังแห่งอาวุธจู่โจมได้ก็มีแต่ต้องฟาดฟันอาวุธเข้าหาร่างของฝ่ายตรงข้ามในระยะประชิด แต่หากผสานพลังแล้ว เพียงยืนอยู่ห่างๆ แล้วตวัดฟาดอาวุธในเวิ้งอากาศที่ว่างเปล่าเบื้องหน้า รูปแบบพลังของอาวุธจะสำแดงเป็นพลังปาฏิหาริย์ตามความจำเพาะให้พวยพุ่งออกไป เช่นนั้นเตียวเสียนจึงไม่จำเป็นต้องทะยานตัวสู้ระยะประชิดดั่งเช่นลูกสมุนของตน มันเพียงยืนฟันดาบโค้งในตำแหน่งเดิม พลังรูปคมดาบที่แกร่งกล้าน่าหวาดหวั่นก็ตัดผ่าอากาศมุ่งเข้าไปหาศัตรูอย่างรวดเร็วแล้ว


นี่ก็คือขั้นการผสานจิตวิญญาณ!


“แม้แต่อาวุธคู่กายเจ้ายังผสานไม่ได้ เช่นนั้นเจ้าจึงมิได้น่ากลัวสำหรับข้าอีกต่อไป"


เตียวเสียนฟาดฟันพลังจิตวิญญาณที่ผสานส่งเสริมกับอาวุธคู่กายออกไปอย่างบ้าคลั่ง เสียงหวีดหวิวมุ่งตัดบรรยากาศจนแสบแก้วหู ทุกครั้งที่ซุนหลงหลบคมดาบได้ อาคารเบื้องหลังของมันจะปรากฏรอยคมดาบฟาดฟันลงจนเสียหายไปทั้งแถบ เป็นเช่นนี้ย่อมเกิดผลเสียต่อประชาชนคนบริสุทธิ์ที่อาศัยบริเวณใกล้เคียง ซุนหลงจึงได้ใช้ฝ่ามือซ้ายที่ห่อหุ้มพลังจิตวิญญาณของตนต้านรับทุกหนึ่งพลังปาฏิหาริย์จากคมดาบที่พุ่งมา


อาศัยพลังจิตวิญญาณของตนรับคมดาบโค้งย่อมทำได้ แต่น่าเสียดายที่มันมิอาจผสานพลังจิตวิญญาณกับกระบี่สีเงินวาวในมือได้จริงๆ มันจึงมิอาจแผ่พุ่งพลังจิตวิญญาณสรรพสิ่งจากกระบี่ตีโต้ในระยะไกล ได้แต่ต้องใช้ร่างต้านรับและฝ่าเข้าไป มีเพียงวิธีการนี้มันจึงจะไปถึงจุดที่เตียวเสียนยืนอยู่


การฟาดฟันพลังจิตวิญญาณที่ผสานกันอยู่อย่างคลุ้มคลั่งมิใช่ว่าผู้ใช้ไม่ได้รับผลกระทบ ยิ่งฟาดฟันพลังจิตวิญญาณก็เริ่มร่อยหรอลงไปเช่นเดียวกัน หากไม่พักหายใจหายคอเพื่อฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณย่อมมีอ่อนล้าลงตามเรี่ยวแรง ทว่าเตียวเสียนมันจะผ่อนการโจมตีมิได้ ตราบใดที่ซุนหลงยังฝืนเดินหน้า มันก็ต้องฝืนฟาดฟันดาบโค้งจนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะเดินต่อไปมิได้


ขนาดผ่านการต่อสู้มาแล้ว ซุนหลงยังคงแสดงความทรหดเข้มแข็งออกมา แววตาคู่นั้นฉายแววไม่ยอมแพ้จนน่ากลัว เมื่อพลังสูงสุดที่ผสานกับอาวุธคู่กายแผ่พุ่งพลังอย่างเต็มกำลังแล้ว ผลสุดท้ายก็ยังมิอาจหยุดยั้งฝีเท้าและเพลงกระบี่ที่ตวัดฟันอย่างรวดเร็วราว-่าพิรุณได้ เตียวเสียนจึงเริ่มบังเกิดความย่นระย่อขึ้นมาทันใด สุนัขจนตรอกล้วนสู้อย่างไม่คิดชีวิต แต่มันไม่ใช่สุนัขจนตรอก มันยังมีความสำเร็จและอำนาจที่ด้านหลังรออยู่ เช่นนั้นมันจะสู้อย่างไม่คิดชีวิตไม่ได้


ขณะจะเงื้อดาบโค้งหมายฟาดฟันพลังจิตวิญญาณที่คมกริบและรวดเร็วที่สุดออกไป ร่างที่โซเซของซุนหลงก็พุ่งมาพร้อมกับกระบี่ ฝ่ามือที่ปกคลุมด้วยพลังจิตวิญญาณงองุ้มต้านรับคมดาบโค้งที่ตวัดลง อาศัยมือเปล่าต้านรับอาวุธ โลหิตสีแดงฉานจึงสาดกระเซ็น ดีที่ซุนหลงมีระดับพลังจิตวิญญาณที่สูงกว่าเตียวเสียน คมดาบโค้งจึงจมลงไปในฝ่ามือของซุนหลงไม่มาก ดาบมิอาจเคลื่อนผ่าฝ่ามือได้ต่อ และในทางเดียวกันเตียวเสียนก็มิอาจรั้งดาบออกเพื่อฟาดฟันได้อีก


เตียวเสียนเห็นเช่นนั้นก็พลันเบิกตาโพลง มันไม่คิดว่าคนที่บาดเจ็บสะสมทั้งยังมีอาการสาหัสเพิ่มพูนทุกขณะจะทรหดแลยืนหยัดได้ถึงเพียงนี้ เพลงกระบี่ที่มุ่งมาก็รวดเร็วเหนือ-่าพิรุณจริงๆ มันกลับดูแคลนผิดคนเสียแล้ว


“ข้าไม่มีทางจบสิ้นอยู่ตรงนี้!”


เตียวเสียนคำรามก้องเรียกพลังใจ เห็นกระบี่ที่พร่าพรายปานจักรผันตวัดฟันมาที่คอหอย เห็นพลังจิตวิญญาณสรรพสิ่งที่คมกริบซึ่งเจืออยู่บนตัวกระบี่ตัดวาบชั่วพริบตา มันก็พลันโขกศีรษะออกไปอย่างเหนือความคาดหมาย ด้วยมันมีพลังทางกายภาพที่แข็งแกร่ง อาจจะแข็งแกร่งกว่าซุนหลงด้วยซ้ำ เมื่อศีรษะปะทะซึ่งศีรษะจึงเป็นซุนหลงที่ผงะแลชะงักไป ฝ่ามือที่กำชับดาบโค้งถูกคมดาบที่เตียวเสียนทุ่มกำลังชักออกเฉือนจนเป็นทางยาว เตียวเสียนหลุดจากการคร่ากุม มันจึงย่อตัวลงหมุนร่างตวัดฟันดาบเข้าใส่หว่างเอวของซุนหลงอย่างต่อเนื่อง


บีบให้ซุนหลงต้องพลิกมือหมุนกระบี่ต้านรับที่เบื้องล่าง เห็นประกายสีเงินวาวแค่ครู่เดียวเสียงปะทะของอาวุธทั้งสองก็ดังกระหึ่มขึ้นพร้อมกับร่างที่ชาด้านเจ็บแปลบของพวกมันที่ถอยกรูดออกจากกัน


เตียวเสียนลอบตื่นตระหนกในใจ

“ความประมาทของเราเกือบพาไปตายเสียแล้ว คนผู้นี้อาศัยแค่เราคนเดียวยากจะเอาชนะมันแน่ ..ถึงจะไม่ค่อยสบอารมณ์ก็เถอะ แต่ต้องสู้ประคองเพื่อรอหมากตัวใหม่ที่กำลังถูกวางย่อมประเสริฐกว่า"


ซุนหลงเห็นเตียวเสียนไม่โจมตีต่อเนื่องเข้ามาเหมือนตอนแรก มันจึงมองและวิเคราะห์สถานการณ์ พลางกำชับกระบี่แล้วกล่าวว่า

“เจ้าไม่บุกเข้ามา สงสัยจะรอกำลังเสริมสินะ”


เตียวเสียนมองซุนหลงแต่มิกล่าววาจา จึงเป็นซุนหลงที่กล่าวต่อ

“หากเจ้ารอกองกำลังทหารม้าที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน เจ้าต้องรอนานหน่อยนะ"


เตียวเสียนได้ฟังก็เลิกคิ้ว สีหน้าพลันแสดงความยุ่งยากขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ฝ่ายตรงข้ามรู้ถึงกำลังเสริมเช่นนี้แสดงว่าอาจหาทางรับมือไว้แล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริง สงสัยมันต้องได้เสี่ยงตัดสินเป็นตายแบบตัวต่อตัวกับคนผู้นี้อีกครั้ง

.

.

.

ที่ปากประตูเมืองทางทิศเหนือซึ่งปิดลงนานแล้ว ม้าจำนวนมากซึ่งถูกผูกไว้หลังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง บัดนี้ม้าเหล่านั้นล้วนถูกแก้มัดเตรียมถูกใช้งานแล้ว กลุ่มชายฉกรรจ์ที่สวมใส่ชุดป่านแขนกุดจนดูเหมือนกับชาวบ้านธรรมดาทั่วไป พวกมันล้วนออกจากโรงเตี๊ยมในคืนเดือนมืดแล้วขึ้นนั่งบนหลังม้า ผู้คนไม่กล้าออกมาแต่พวกมันล้วนออกมาอย่างพร้อมเพรียง อาวุธในมือก็ดูจะครบครันมิขาดตก เมื่อนกพิราบตัวหนึ่งบินว่อนลงมา ก็ถึงเวลาที่พวกมันต้องเคลื่อน๳๤๥๲ ทิศทางย่อมเป็นตรอกซอยแคบเล็กทางตอนเหนือของเมืองที่ห่างออกไปไม่ไกลจากโรงเตี๊ยม


แต่เพียง๳๤๥๲ม้าเหล่านี้เยื้อย่างออกได้ไม่กี่ก้าว บุรุษร่างท้วมในมือถือลูกคิดที่ทำจากไม้ก็ได้จูงรถม้ามากั้นขวาง มันมอง๳๤๥๲ม้าเรียงรายด้วยหัวคิ้วที่เป็นกังวล แต่บุรุษร่างท้วมก็มิได้ถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว เพื่อช่วยสหาย มันจะต้องยืนหยัดขวาง๳๤๥๲ม้ากลุ่มนี้ให้ได้นานมากที่สุด


ลูกคิดในมือสั่นกระเพื่อม บุรุษร่างท้วมที่ผู้คนเรียกขานว่าเถ้าแก่หวังก็พลันโจนทะยานเข้าหากองกำลังคนบนหลังม้าอย่างรวดเร็ว


เสียงคนจากบนหลังม้าก็พลันดังขึ้น

“นี่น่ะหรือหมากดำสุดท้ายของมัน นับเป็นเบี้ยที่ดีแต่มิอาจจะพลิกกระดานได้"


สิ้นวาจา มันก็สั่ง๳๤๥๲ม้าเบื้องหน้าพุ่งทะยาน หวังทำลายหมากดำสุดท้ายของฝ่ายตรงข้าม๿ั๲๿ี











ตอนต่อไป
บทที่ 35 ยืนหยัดครั้งสุดท้าย

นิยายแนะนำ

นิยายแนะนำ

ความคิดเห็น

COMMENT

ปักหมุด

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited( Kawebook.com )

Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )
ที่อยู่ : 20 หมู่ที่ 6 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000
เวลาทำการ : 08 : 00 - 18 : 00 จันทร์ - เสาร์
e-mail : contact@kawebook.com

DMCA.com Protection Status

เริ่มต้นเผยแพร่ผลงาน

เริ่มต้นเป็นนักเขียนออนไลน์ เขียนเรื่องราวที่ประทับใจ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และแบ่งปันประสบการ์ดีๆ กับผู้คนทั่วโลก kawebook.com เป็นโอกาส เป็นสื่อกลาง และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสร้างรายได้ให้กับนักเขียนมืออาชีพ และนักเขียนมือสมัครเล่นจากทุกมุมโลก เพียงสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์เพื่อเขียนหนังสือ การ์ตูน หรืออัพโหลดอนิเมชั่น ที่เป็นผลงานของท่าน และเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา