เรื่อง เส้นทางอสุรา
บที่ 33 เปิดม่านคืนเดือนดับ
ี่หอไม้ชั้นเดียวกลางสระบัว บุรุษกลางคนวัยสี่สิบเศษในชุดคลุมสีขาวมีลวดลายหงส์ทองโบยบินี่กลางหลัง มันกำลังเลือกสรรหมากสีขาวในมืออย่างสบายใจ ก่อนวางลงในกระดานี่ตอนนี้มีสถานการณ์ได้เปรียบหมากสีดำเป็นอย่างมาก บุรุษกลางคนในชุดคลุมขาวผู้นี้มีใบหน้าคมคายและเต็มไปด้วยราศีี่ผุดผ่อง ด้านหลังของมันเต็มไปด้วยผู้คนี่ยืนเรียงรายอย่างนอบน้อม แต่ตรงข้ามกระดานหมากี่มันนั่งเล่นอยู่กลับไร้ซึ่งผู้คน ราวกับว่ามันกำลังเดินหมากกับคนผู้หนึ่งซึ่งอยู่กันคนละี่ก็ปาน
บุรุษกลางคนผู้นี้หยิบหมากสีขาวขึ้นมาอย่างละหนึ่งในมือซ้ายขวา ยิ้มมุมปากพลางหันไปถามบุรุษชราี่อยู่ด้านหลัง
“ท่านว่าข้าควรวางหมากใดก่อนดี"
บุรุษชราผสานมือพลางกล่าวอย่างยกยอ
“ท่านวางหมากได้อย่างดีเยี่ยมมาจนถึงบัดนี้ เช่นนั้นมิว่าท่านจะเลือกวางหมากใดก่อน กระดานหมากนี้ก็ยังตกอยู่ในมือของท่านเช่นเดิม อยู่ี่ว่าท่านจะรุกฆาตเลยหรือไม่"
บุรุษกลางคนในชุดคลุมขาวหัวเราะอย่างพึงพอใจ
“หมากกระดานนี้ข้าเล่นมาเกือบยี่สิบปี เป็นยี่สิบปีี่ข้าทนลำบากและเสียทรัพยากรรวมถึงสิ่งสำคัญมามาก กว่าจะกำจัดเบี้ยของฝ่ายตรงข้ามอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดก็เล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็น”
“แต่สุดท้ายท่านก็ทำได้แล้ว ด้วยความปราดเปรื่องของท่าน หมากกระดานนี้จึงเกิดขึ้นอย่างชอบธรรม อีกทั้งยังไร้ซึ่งข้อโต้แย้งจากในวัง ท่านกลับใช้ประโยชน์จากในวังในการกีดกันหมากดำสุดสำคัญหลายหมากให้ออกจากกระดานได้"
บุรุษชุดคลุมขาวตบมือลงยังโต๊ะเสียงทึบหนักคราหนึ่ง
“อย่าพูดพร่อยๆ สิ่งี่เกิดภายในวังล้วนเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินทั้งสิ้น มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับการเดินหมากของข้า"
บุรุษชรายกมือตบปากตัวเอง แล้วกล่าวอย่างรู้ทัน
“ข้าปากพล่อยไม่รู้ความ...นั่นล้วนเกิดจากพระประสงค์เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินทั้งสิ้น"
“รู้เช่นนั้นก็ดีแล้ว"
กล่าวจบมันก็วางหมากขาวในมือข้างซ้ายลงก่อน
“การประมูลจบลงแล้ว ยอดฝีมือจากี่ต่างๆ ล้วนคืนกลับไม่มีผู้รั้งอยู่ย่อมแสดงว่าหมากดำสุดท้ายของมันได้หมดไป ฤดูฝนก็ยังมาไม่ถึง ดูเหมือนโอกาสสุดท้ายจะเกิดแก่ข้าก่อน แต่ผู้ี่สามารถโต้กระดานหมากกับข้าได้นานถึงยี่สิบปี ข้ามิอาจประมาทได้ ขอหยั่งเชิงมันดูอีกนิด ไพ่ตายของมันจะมีอีกหรือไม่ หมากขาวในมือซ้ายนี้ไม่หวังตีมันให้แตก แค่ดูข้อมูลมันหรือล่อให้มันเปิดเผยไพ่ตายสุดท้ายมาก่อนก็นับว่าประสบผลแล้ว หากมันมีไพ่ตายสุดท้ายจริงและหากมันเผยออกมาเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็ถึงคราวี่ข้าจะรุกฆาตมันอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเสียที นี่จะเป็นการแลกหมากเทกระดานจากข้า คืนเดือนดับวันนี้จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด หากพลาดคืนนี้ไป โอกาสดีๆ เช่นนี้คงมิอาจสร้างขึ้นมาได้ง่ายๆ อีกต่อไป"
หลังวางหมากในมือซ้ายเสร็จสรรพ บุรุษกลางคนในชุดคลุมขาวก็คลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจออกมา หากวันนี้มันล้มหมากตานี้ลงได้ ความปรารถนาี่มันตั้งไว้ก็จะสัมฤทธิ์ เหนือจากชัยชนะก็คือสิ่งี่มันจะได้เก็บเกี่ยวจากชัยชนะ มันจะเอาคืนทุกสิ่งอย่างี่มันได้สูญเสียไปจากการทุ่มเดินหมากกระดานนี้มานับยี่สิบปี หากได้สมใจหวัง หากมันสามารถปิดฉากเป็นผู้ชนะในการเดินหมาก มันจะได้รับสิ่งี่มีค่ากว่าสิ่งี่สูญไปอย่างมหาศาล
“เสี้ยนหนามี่สำคัญี่สุดของข้า หากกำจัดมันไปได้ ผู้อื่นก็ล้วนเป็นเพียงตัวประกอบของกระดานหมากถัดไปเท่านั้น"
บุรุษชุดคลุมขาวหัวเราะอย่างชอบใจภายในหอไม้กลางสระบัว โอกาสและจังหวะี่ดีเช่นนี้มันแทบอดรนทนรอต่อไปมิไหวแล้ว มันอยากเห็นคืนเดือนดับี่เต็มไปด้วย-่าโลหิตและชีวิตสุดท้ายของผู้ี่เดินหมากท้าทายมันอย่างเต็มกลืน
ี่หอไม้กลางสระบัวตลอดเช้าจรดเย็น บุรุษกลางคนในชุดคลุมขาวลวยลายหงส์ทองซึ่งโบยบินี่กลางหลังพร้อมกับคนของมันยังอยู่ี่นั่นไม่ไปไหน ยังคงเฝ้ามองกระดานหมากสุดท้ายตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ หมากนี้ยี่สิบปีแล้วยังไม่ปรากฏผลแพ้ชนะ ทว่าค่ำคืนเดือนมืดนี้มีแนวโน้มี่หมากกระดานหนึ่งซึ่งแสนยาวนานจะจบลง ทิศทางของหมากล้วนอยู่ในมือพวกมัน อีกทั้งฟ้าฝนก็ดูจะเป็นใจแก่พวกมัน เช่นนั้นความมั่นใจี่จะเป็นผู้ชนะจึงมีถึงสิบส่วน!
ตะวันยามเย็นลาลับไปจากปฐพีอย่างรวดเร็ว จันทราก็ถึงคราเวียนขึ้นมาแทนี่ ทว่าวันนี้ตามตำราดาราศาตร์ ดวงอาทิตย์ แดนดาราพิภพ และดวงจันทร์จะโคจรมาอยู่ในระนาบเส้นตรงเดียวกัน แสงจากดวงอาทิตย์ี่กระทบยังแดนดาราจึงก่อให้เกิดเงาบดบังไปี่ดวงจันทร์ ค่ำคืนนี้จึงเป็นค่ำคืนเดือนมืดของแดนดาราพิภพอีกซีกหนึ่ง ค่ำคืนในแคว้นหมื่นขุนเขาวันนี้จึงเป็นคืนเดือนมืดี่ปกคลุม และเป็นคืนี่ประจวบเหมาะแก่การเดินหมากสุดท้าย
ฟ้าี่หอไม้กลางสระบัวแม้มืดมิดไร้แสงจันทรา แต่ก็พอให้คนได้มองเห็นดวงดารามากมายี่หม่นประกายบนแผ่นฟ้า แสดงให้เห็นถึงความปลอดโปร่งไร้พยัพเมฆาในค่ำคืนนี้ เป็นี่แน่ชัดแล้วว่าค่ำคืนเดือนมืดไม่มีฝนอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับี่เมืองจรดเมฆา วันนี้ท้องฟ้าเปิดไร้พยัพเมฆ มีเพียงดวงดาราี่หม่นประกายท่ามกลางคืนเดือนมืด ซุนหลงจึงทำได้เพียงนั่งกำชับกระบี่หน้ากระดานหมากของตนเพียงผู้เดียว ในมือคีบหมากดำหมากสุดท้ายซึ่งดูจะไม่มีประโยชน์เท่าใด
ี่แคว้นหมื่นขุนเขา ก่อนวสันตฤดูจะมีคืนเดือนมืดมาเยือนทุกปี คืนเดือนมืดเป็นคืนอัปมงคลของชนชาวแคว้นแห่งนี้ ตามทำเนียมี่ปฏิบัติสืบต่อกันมา เมื่อใดี่คืนเดือนมืดเวียนผ่านมาถึง ผู้คนจะปิดประตูหลบแต่ในบ้านไม่ออกมา ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น พวกมันจะเพียงแต่ทำหูทวนลมอยู่ภายในบ้านจนกว่าฟ้าจะสาง ทำเช่นนี้ชีวิตจึงจะไม่พบกับความมืดมนดั่งเช่นคืนเดือนมืด และเพราะธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้จึงเหมาะแก่การวางแผนลงมือเพื่อทำอะไรซักอย่าง ดังนั้นท่ามกลางตรอกซอยี่เปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คน จึงมีขบวนคนกลุ่มหนึ่งี่เคลื่อนี่ด้วยธงทิวสีแดงโบกสะบัด คบไฟตามรายทางล้วนดับไปแล้ว แต่ธงทิวสีแดงยังสะบัดเด่นชัดราวกับเปลวไฟี่กำลังโชติช่วงกลางความมืด ขบวนคนกลุ่มนี้มุ่งไปยังตรอกซอยี่แคบเล็กทางตอนเหนือของเมืองจรดเมฆาอย่างรวดเร็ว เป้าหมายของพวกมันก็คือร้านค้าอาวุธเก่าโทรมหลังหนึ่ง!
คืนเดือนมืดผู้คนล้วนนอนเร็ว เช่นนั้นภายในเมืองจึงค่อนข้างเงียบสนิท เสียงจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งหากเกิดขึ้นจะทำให้ได้ยินอย่างชัดเจน เสียงธงทิวี่สะบัดพัดพริ้วไหว จึงเป็นเสียงี่ราวกับอัสนีบาตรท่ามกลางคืนเดือนมืด มันมุ่งมาอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ยังไม่ทันจะเข้าไปภายในซอยดี ซุนหลงก็ได้เดินกอดอกถือกระบี่เข้าไปรอต้อนรับพวกมันี่กลางซอยแล้ว
ซุนหลงปรายตามองี่ธงทิวสีแดงท่ามกลางความมืด เห็นอักษรคำว่ากล้าแกร่งสีทองกลางธงทิว มันก็กล่าวออกไป
“สำนักคุ้มภัยกระทิงเหล็กแห่งเมืองหลวง พวกเรามิได้ทำการค้ากันนาน มาไกลถึงเพียงนี้ต้องการให้ร้านของข้าบริการสิ่งใดหรือไม่"
เสียงหยาบโลนของบุรุษร่างกำยำสูงใหญ่ ผู้ยืนหยัดหน้าธงทิวเหนือผู้คนพลันดังก้องขึ้น
“ข้าถ่อมาถึงี่นี่ย่อมต้องมีสิ่งี่ต้องการจากท่านอย่างแน่นอน เห็นแก่ี่พวกเราเคยทำการค้าต่อกันมาก่อน ข้าจะบอกสิ่งี่ข้าต้องการจากท่านก็แล้วกัน… ข้ามาี่นี่เพียงต้องการของหนึ่งสิ่งกลับไป”
ซุนหลงยิ้มอย่างราบเรียบ ก่อนถามออกไป
“สิ่งใดหรือ”
บุรุษร่างสูงใหญ่กำยำกล่าวเสียงทึบหนัก
“หัวของท่าน!”
ซุนหลงมิได้แสดงท่าทีตกใจหรือหวั่นเกรงแต่อย่างใด เพราะการี่มันอยู่บนถนนท่ามกลางคืนเดือนมืดเช่นนี้ ก็เพื่อรอหมากขาวของฝั่งตรงข้ามมาเอาศีรษะของตนอยู่แล้ว
“ในี่สุดข้าก็เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง หมากขาวในมือข้างหนึ่งของมันก็คือกระทิงเหล็กนี่เอง… พวกเจ้าในี่สุดก็เลือกข้างแล้ว”
“นายของพวกเรามิได้เลือกข้าง แต่นายของพวกเราเลือกชัยชนะและความรุ่งโรจน์ต่างหาก ดาวี่หม่นประกายท่ามกลางคืนเดือนมืดอย่างเจ้าเพียงรอวันสิ้นแสงไปเท่านั้น เจ้าไม่มีวันสู้คนผู้นั้นได้ เจ้ามิอาจเอาชนะเหนืออำนาจมืดของมัน”
ซุนหลงผงกศีรษะ
“ข้ายอมรับว่าอำนาจของมันมากมายจริงๆ ถึงขนาดชักจูงกระทิงเหล็กแห่งวังหลวงกระทำเรื่องต่ำช้าได้ ข้าเคยเฝ้าครุ่นคิดว่ากองกำลังโจรป่าจากี่ใดจะสามารถรั้งทหารแดนเหนือจนติดพันร่วมเดือน ตอนนี้พอจะเห็นภาพเลือนลางแล้ว หากให้ข้าคาดเดา โจรป่าเหล่านั้นคงเป็นกองกำลังจากสำนักคุ้มภัยกระทิงเหล็กเจ้า”
“รู้ตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ในเมื่อกองกำลังฝ่ายเหนือี่เป็นหมากดำสำคัญของเจ้าถูกพวกข้าพัวพันไว้แล้ว เจ้าในี่นี้มิต่างจากตัวคนเดียว ไร้ผู้ยืนหยัดเคียงข้าง รู้ไปก็นับว่าสายเกินแก้"
“เจ้าไม่รู้หรือ ทำเช่นนั้นมีข้อหาเทียบเท่ากับการก่อกบฏ"
บุรุษร่างสูงใหญ่กำยำหัวเราะลั่น
“ขอเพียงเจ้าตาย สำนักคุ้มภัยกระทิงเหล็กเราก็จะถอนกำลังจากทางเหนือทันที และเมื่อเจ้าตายไปแล้วเรื่องนี้จะมีใครรู้"
ซุนหลงผงกศีรษะ
“เป็นหมากี่แยบคายและเกินคาดคิดจริงๆ ไม่คิดว่ามันจะกล้าใช้สถานการณ์บ้านเมืองเพื่อปิดเบี้ยล้อมข้า"
“เพราะว่ามันฉลาดลึกล้ำ ทั้งยังมีความเบ็ดเสร็จเบ็ดขาด พวกเราจึงเลือกี่จะเดินตามหลังของมัน มันจะเป็นดาวี่เจิดจรัสนำพาสำนักคุ้มภัยกระทิงเหล็กให้ยืนหยัดเป็นหนึ่งในแคว้นแห่งนี้ได้ เมื่อเป็นหนึ่ง ก็มิต้องเอ่ยถึงความรุ่งเรืองของสำนักี่จะตามมา"
“เพราะผลประโยชน์จึงบังตาสินะ เสียดายความดีี่บรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักคุ้มภัยกระทิงเหล็กของพวกเจ้าสั่งสมมาจริงๆ"
“การสืบสานสำนักให้รุ่งเรืองเลื่องชื่อ นั่นก็คือการสืบสานปณิธานของบรรพชน เจ้าอย่าได้นำบรรพชนมากล่าวอ้าง รอให้เจ้าตายไปแล้วค่อยไปถามหาความชอบธรรมกับบรรพชนของพวกข้าเอา!”
เสียงคำรามอย่างดุดันประโยคสุดท้ายของบุรุษร่างกำยำล่ำสันดังขึ้น คนมากกว่าสิบี่อยู่ด้านหลังของมันก็โจนทะยานออกไปในทันที มันผู้นี้มีศักดิ์เป็นศิษย์คนรองของเจ้าสำนักคุ้มภัยกระทิงเหล็ก มันจึงมีอำนาจในการเคลื่อนพลมาปฏิบัติภารกิจใหญ่ในครานี้ นามของมันก็คือ เตียวเสียน
คนของสำนักคุ้มภัยกระทิงเหล็กสวมชุดของสำนักไม่ปิดบัง ทั้งหมดจึงอยู่ในชุดสีดำมีลวดลายกระทิงสีแดงและปักอักษรสีทองคำว่ากล้าแกร่งกลางแผ่นหลัง พวกมันแสดงตัวตนอย่างชัดเจน พร้อมกับเจตนาี่ชี้ชัด มาครานี้หวังสร้างชื่อและความดีความชอบให้แก่สำนักคุ้มภัย ด้วยการเอาหัวของซุนหลงกลับไป!
“ข้าขอเอาหัวของเจ้า!”
เสียงนับสิบตะเบ็งออกมาอย่างพร้อมเพรียงทั่วทุกสารทิศ ในมือของพวกมันล้วนมีอาวุธประจำสำนักชนิดเดียวกัน นั่นคือกระบองเหล็กแหลมสองแท่งี่ดูคล้ายกับเขากระทิง ทั้งหมดล้วนทิ่มแทงกระบองเหล็กคู่จากทั่วทุกมุม เน้นจุดอับสายตาี่คนผู้หนึ่งยากจะปัดป้องได้ วิธีการลงมือรวดเร็วฉับไวและเป็นขบวนไม่แตกแถว นับเป็นวิธีการต่อสู้ี่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทว่าซุนหลงี่กล้ายืนหยัดเบื้องหน้าพวกมันด้วยตัวคนเดียวเองก็ย่อมไม่ธรรมดา ในยุทธภพมันก็พอจะมีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย กระบี่ในมือยังไม่ถูกชักออกจากฝัก มันก็ตวัดต้านรับเหล็กแหลมี่แทงมาได้อย่างหมดจด และเพียงพริบตาเดียวี่ตวัดหมุนกระบี่ มันก็สามารถทลายออกมาจากการกลุ้มรุมของคนนับสิบได้
เมื่อเห็นว่าการใช้กระบองเหล็กคู่ไม่ได้ผล คนนับสิบก็เก็บกระบองคู่ของตนคืนสู่ฝัก คนของสำนักคุ้มภัยแห่งนี้มีอาวุธประจำสำนักชนิดเดียวกัน แต่อาวุธี่มีพลังจิตวิญญาณสรรพสิ่งคู่กายล้วนเป็นคนละชนิด เมื่อเก็บกระบองเหล็กคู่ ในมือของพวกมันจึงเต็มไปด้วยเหล่าอาวุธี่แตกต่าง พร้อมกับพลังจิตวิญญาณและพลังจิตวิญญาณสรรพสิ่งคู่กายี่กำลังผสานเชื่อมโยงกันอยู่ พวกมันเตรียมจะทุ่มพลังฝีมือทั้งหมดี่มีสังหารซุนหลงในครานี้!
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??