เรื่อง หนิงเทียน ราชันจักรพรรดิ ฉบับรีไรท์ จบแล้ว
ภายในกระโจมคาราวานของหมู่บ้านปี้จุ่ย ร่างไร้สติของเด็กหนุ่มนอนอยู่บนเตียง
“พ่อบุญธรรม ปี้ยี่จะเป็นอันตรายหรือไม่”
ชายชรายกมือขึ้นจับไปที่ชีพจรของเด็กหนุ่ม สีหน้าของมันเกิดความประหลาดใจอยู่ชั่วครู่มันจึงถอนมือออกมาไปกุมไว้ด้านหลัง พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เหยาเอ๋อเจ้าสบายใจได้ ปี้ยี่นั้นไม่เป็นอันตรายึชีวิต แ่จำต้องใ้เาพักฟื้นั4-5วัน ร่างกายจะกลับมาเป็นปกติเจ้าอย่าได้ห่วงไป”
ปี้เหยาระบายลมหายใจออกมาอย่าโล่งอก พร้อมคุกเข่าลงทั้งสองข้าง “ขอบคุณพ่อบุญธรรมที่ช่วยเหลือ”
“ลุกขึ้นเถอะ มันเป็นหน้าที่ของพ่อบุญธรรมอยู่แล้ว”
“หน้าที่?”ปี้เหยาไม่เข้าใจึคำตอบของพ่อบุญธรรม
“พ่อบุญธรรมหมายึการช่วยเหลือผู้คนเป็นหน้าที่ของมนุษย์ด้วยกันอยู่แล้ว ฮ่าๆ”
ชายชราซางกล่าวต่อ “ว่าแ่เหยาเอ๋อในสามวันมานี้เจ้าโชคดีได้รับของโอสถวิเศษบางอย่างใช่หรือไม่”
“เอ๋...ไม่นะพ่อบุญธรรม ข้าไม่ได้เอาโสมอายุวัฒนะไปจริงๆ” ปี้เหยารีบปฎิเสธอย่างรวดเร็ว
“พ่อบุญธรรมรู้ดีว่าเจ้าไม่ได้เอาไปและโสมอายุวัฒนะนั้นก็ไม่สามารถเพิ่มพูนลมปราณได้รวดเร็วเช่นนี้ เหยาเอ๋อเจ้าแน่ใจหรือว่า สามวันมานี่ไม่ได้กินอะไรที่ผิดแปลกออกไป”
เหมือนปี้เหยาจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ มันพลางลวงหยิบขวดเล็กออกมาจากในเสื้อ
“พ่อบุญธรรม มีแ่น้ำผึ้งที่คุณชายหนิงให้ข้าเท่านั้น”
เมื่อกลิ่นหอมจางๆของน้ำผึ้งหยกเข้าปะทะกับจมูกของซางจื่อ ดวงตาของมันหรี่แคบลงัี
ปี้เหยาเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของชายชราซาง จึงเอ่ยถาม“นี้เป็นน้ำผึ้งจากหมู่บ้านของคุณชายหนิง พ่อบุญธรรมมีอะไรแปลกหรือ?”
“ไม่ ไม่มีอะไรแปลกมันเป็นแค่น้ำผึ้งธรรมดาเท่านั้น” เมื่อกล่าวจบมันหันเดินออกไปัปากประตูกระโจมพร้อมทั้งมองออกไป
สีหน้าของมันคล้ายกับกำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่าง มันพึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบา ‘ผึ้งหยก นั้นอาศัยอยู่ในส่วนลึกของป่าพฤกษาทมิฬเท่านั้น....’
เมื่อพายุพัดผ่านไปความสงบก็เข้ามา มีคำกล่าวว่าฟ้าหลังฝนนั้นสดใสเสมอ
ในวันรุ่งขึ้นผู้คนในหมู่บ้านปี้จุ่ย ต่างออกไปใช้ชีวิตประจำวันกันเหมือนเช่นเคย บ้างก็ปลูกผัก บ้างก็ตัดฝืนราวกับว่าเมื่อวานนี้พวกมันไม่ได้พบเจอเรื่องราวน่าที่น่ากลัวอะไรมาเลย
แม้แ่ปี้ยี่เองก็เช่นกันนางคงัใช้ชีวิตประจำวันเช่นเดิมไม่เปลี่ยน จะมีสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเดียวคือความเป็นอยู่ของนางนั้นดีขึ้น ที่พักอาศัยเวลานี้เปลี่ยนจากบ้านโกโรโกโสมาเป็นกระโจมบรรณาการที่สะดวกสบายกว่า
....
……
3วันผ่านไป ในยามวิกาลที่ดึกสงัด
ทหารในชุดเกราะสามสิบคนกำลังเดินจับกลุ่มกันเป็นขบวน พวกมันก้าวเท้าด้วยน้ำหนักที่แผ่วเบาคล้ายว่ามันไม่อยากให้ผู้ใดล่วงรู้ในการมาของพวกมัน
เวลานี้อากาศชื้นแห้ง ละอองฝนจางๆเริ่มที่จะก่อตัวเป็นสัญญาณของพายุฝน-่าใหญ่ที่กำลังจะตก พวกมันทั้งหมดได้เดินตามหัวหน้ากลุ่มเข้าไปหลบัวัดร้างแห่งหนึ่ง
หัวหน้ากลุ่มของพวกมันเป็นชายหนุ่มวัย21ปี มันคือซิเฟย นายน้อยแห่งเผ่าซิ
พวกมันอยู่ในระหว่างการเดินทางกลับไปัเผ่าของพวกมัน ด้วยความเร็วของผู้ฝึกตนในดินแดนนักรบนั้นใ้เาเพียง4วันในการเดินทางจากหมู่บ้านปี้จุ่ยไปัเผ่าซิ...
ภายในวัดร้าง บรรยากาศรอบๆตัวนั้นเงียบสงัดวังเวง เสียงลมหวีดร้องเสียงดัง คล้ายเสียงของภูตผีกรีดร้อง
ซิเฟย้ไปัท้องฟ้าสีำ “พายุฝนกำลังจะมา เราไม่สามารถเดินทางต่อได้ พวกเราคงต้องพักที่วัดร้างแห่งนี้”
“นายน้อย นี้จะต้องเป็นฝนห่าใหญ่เป็นแน่” ซิตู่ที่มักจะอยู่ข้างกายมันเสมอมองตามไปบนท้องฟ้าที่มืดมิด
“ไปพวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อม พวกเราจะพักกันในวัดร้างนี้” ซิเฟยสั่งไปัทหารของมัน
โดยสภาพแวดล้อมในพื้นที่ชายแดนทวีปฟ้าสวรรค์ ภูเขาของเผ่าเฮยและเผ่าซินั้นอยู่ติดกัน จึงมีการกระทบกระทั่งระหว่างทั้งสองเผ่าอยู่บ่อยครั้ง
ในช่วงเวลาปกติแล้วพวกมันมักจะเดินทางอ้อมภูเขาลูกนี้ทุกครั้ง
แ่ใน3วันของการเดินทางกลับครั้งนี้ พวกมันพบพานเรื่องแปลกประหลาดมากมาย ทั่งทางเดินถูกตัด การถล่มของหินผาลงมาปิดกันเส้นทางเดิน
หรือแม้กระทั่งเสบียงของพวกมันที่เตรียมไว้ถูกสัตว์ป่าขโมยกินไปหมด จนทำให้พวกมันต้องจำใจเดินทางผ่านในเขตภูเขาของเผ่าเฮยอย่างเสียไม่ได้
“นายน้อย นี้มันเป็นเขตภูเขาของเผ่าเฮย การค้างที่นี้นั้นไม่ใช่เรื่องดีนัก พวกเราอดทนฝ่าพายุฝนไปไม่ดีกว่าหรือขอรับ” ซิตู่กล่าวเตือนนายน้อยของมัน
ซิเฟยเอ่ยตอบ“การเดินทางางพายุฝนที่รุนแรงเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะร้ายมากกว่าดี
เมื่อฝนตกลงมาพวกเราไม่สามารถมองเห็นในระยะไกลได้เลย ถ้าถูกดักโจมตีในเวลาเช่นนี้พวกเราจะอยู่ในสถานการณ์อันตรายมาก”
การคิดอ่านของซิเฟยนั้นนับได้ว่าไร้ข้อบกพร่อง มันคำนวณึสถานการณ์ ความปลอดภัยได้เป็นอย่างดีด้วยคุณสมบัติเช่นนี้
ตราบใดที่มันได้ขึ้นเป็นผู้นำเผ่า เผ่าซิจะต้องกลืนกินเผ่าเฮยได้ในไม่ช้าอย่างแน่นอน
ในขณะที่เมฆหมอกำปกคลุมไปทั่วทั้งชั้นฟ้า ทันใดนั้นสายฟ้าฟาดเปรี้ยง!!! วัดร้างนั้นสว่างในชั่วขณะ
ซิเฟยตัดสินใจนำพาทหารของมันค้างคืนในวัดร้างแห่งนี้ เพียงแค่ข้ามภูเขาลูกนี้ก็จะึเผ่าซิของพวกมันแล้ว ทหารในชุดเกราะล้วนมีอาการผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
แม้กระทั่งซิตู่ัทำสมาธิพักร่างอยู่ในที่มืดอย่างสงบนิ่ง จะมีเพียงแ่ซิเฟยเท่านั้นที่ัไม่ได้หลับพักผ่อน มันัคงนั่งพิงไฟอยู่คนเดียว
ไม่มีใครบอกได้ว่า กองไฟตรงหน้ามันหรือไฟโทสะในใจมัน สิ่งใดนั้นร้อนแรงกว่ากัน
แม้จะผ่านไป3วันแล้วแ่โทสะของซิเฟยไม่ได้คลายลงแม้แ่น้อย ในยามที่มันหลับ มันมักจะฝันว่าได้เอามีดกรีดลงไปที่ร่างของไอ้สารเลวหนิงเทียนที่บังอาจมาทำลายแผนการของมัน
และในยามตื่นมันจะคิดึใบหน้าและเรือนร่างทุกส่วนของปี้เหยาอยู่ตลอดเวลา
“ข้าไม่เชื่อว่า ซางจื่อจะปกป้องเจ้าได้ตลอดเวลา ข้าสาบานจะต้องฉุดหญิงแพศยาอย่างเจ้ามาทำเมียให้จงได้”ใบหน้าของมันเปี่ยมด้วยตัณหา
เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วยาม ในางดึกอันเงียบหงัดมันเงียบจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงหายใจของทหารเผ่าซิจำนวนกว่า 30ชีวิต จะมีเพียงเสียงดังของน้ำฝนที่ตกกระทบหลังคาเท่านั้น
ในด้านนอกของวัดร้าง หมอกำกลุ่มหนึ่งหนาทึบราวกับสีของหมึกก่อตัวขึ้นางอากาศ มันขยับไหวอยู่างอากาศ เสี้ยววินาทีนั้นสัญชาตญาณของซิเฟยปลุกมันให้ตื่นอย่างัี
มัน้ไปั หมอกำกลุ่มนั้นตาไม่กระพริบ ทันใดนั้นหมอกำก็พุ่งตัวขึ้นสู่อากาศเข้าไปในวัดร้างอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวมันลอยเข้ามาึด้านหน้าของวัดแล้ว
ศัตรูบุก เสียงตะโกนดังของซิเฟยปลุกทหารของเผ่าซิทั้งหมด
เช้ง!! ทหารของเผ่าซิได้ชักอาวุธของพวกมันออกมา
พวกมันทั้งหมดมองไปัหมอกสีำด้วยความหวาดกลัวเป็นอย่างมากด้วยพวกมันนั้นเป็นนักรบภูเขาที่ห้าวหาญไม่ได้เกรงกลัวสิ่งใดอย่างง่ายดาย แ่ในคราวนี้ศัตรูของพวกมันอาจจะไม่ใช่มนุษย์
หมอกำพุ่งเข้าใส่ทหารเผ่าซิ อ้าก!!!เสียงร้องโหยหวนดังออกมา
จู่ๆร่างกายของทหารคนนั้นายเป็นแห้งกังในัี เนื้อหนังหายติดกระดูก ดวงตาปูดโปนราวกับมันจะทะลักออกมา คล้ายกับพวกมันโดนสูบเลือดและวิญญาณออกไป
อย่า...อย่าเข้ามา...อั้กกก อ๊ากกก!! เสียงโหยหวนคนแล้วคนเล่าของทหารเผ่าซิ ร้องระงมออกมาอย่างน่ากลัว เสียงโหยหวนอันสยดสยองของพวกมันกลบเสียงสายฝนที่สาดกระทบหลังคาจนหมดสิ้น
ทหารคนใดที่ถูกหมอกำพุ่งผ่านจะายเป็นซากศพแห้งกังในัี ในส่วนทหารที่เหลือรอดมันทำได้แ่มองไปัศพของเพื่อนทหารในสภาพที่แห้งเหี่ยวด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดแสน
ซิเฟยและซิตู่ เหงื่อออกท่วมตัว ภาพตรงหน้าคล้ายกับว่าตัวมันกำลังฝันอยู่
ถ้ามิใช่เพราะเหงื่อบนใบหน้าที่ให้ความรู้สึกอุ่นๆ มันต้องคิดว่านี้เป็นเพียงความฝันอย่างแน่
เสียงร้องโหยหวนของเหล่าทหารดังระงม แค่เพียง30ลมหายใจทหารของเผ่าซิทั้งหมดตกตายอย่างน่าอนาถ
ทหารเหล่านั้นเป็นผู้ฝึกตนระดับมนุษย์ขั้น9เป็นอย่างต่ำ ในหมู่ของพวกมันัมีทหารในแดนนักรบเกือบครึ่ง ที่ตกตายไปโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวมันตายด้วยสาเหตุใด
“เจ้า...เจ้าเป็นใคร” มันตะโกนไปักลุ่มหมอกสีำ เวลานี้เสียงของซิเฟยเต็มไปด้วยความหวาดผวา
เสียงแหบพร่าดังตอบออกมา “ไม่เจอกันเพียงสามวันจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”
เมื่อสิ้นเสียงอันแหบแห้ง หมอกสีำคล้ายหมึกแปรเปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มอายุราวๆ16ปีเวลานี้มันยืนอยู่เบื้องหน้าของซิเฟยด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
“จ....จะเจ้า เสียงของซิเฟยติดๆขัดๆ ลิ้นของมันผูกมัดกันเป็นปมเพียงต้องตั้งใจฟังอย่างดีึจะรู้ว่ามันต้องการจะเอ่ยคำใดออกมา
“เจ้า...คือ...เด็ก....หนุ่มในหมู่บ้านหนิง...หนิง....หนิงเทียน”
“หนิงเทียน” ซิตู่มองไปด้วยสายตาเบิกกว้างมันจำได้ัี ภูตผีวิญญาณร้ายตรงหน้ามันคือเด็กหนุ่มที่ต่อสู้กับมันในหมู่บ้านเมื่อสามวันก่อน
“จำข้าได้แล้วเช่นนั้น??” ในขณะที่มันกล่าวออกมันใช้เท้าเหยียบไปบนศีรษะที่แห้งกังของศพทหารเผ่าซิ
“เจ้าเป็นใครกันแน่” ซิตู่ตะโกนด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“เจ้าๆเป็นเพียงแค่แดนมนุษย์ขั้นที่9เท่านั้น ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก” ซิเฟยกล่าวออกแ่เสียงของมันแผ่วเบามากเหลือเกิน ขาทั้งสองข้างของมันสั่นด้วยความกลัว
เวลานี้ใบหน้าของทั้งคู่ที่เคยเต็มไปด้วยสีเลือดแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวราวกระดาษพวก มันสองคนนายบ่าวก้าวถอยหลังพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย บรรยากาศภายในวันล้างการเป็นเงียบงันในัี
หนิงเทียนมองไปที่พวกมันทั้งคู่โดยไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แ่น้อย มันปล่อยให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปอย่างช้าที่สุด
มันนั้นรู้ดีว่าช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่เวลาตายแ่เป็นเวลาที่รู้ว่าจะต้องตายแ่ไม่รู้ว่าความตายจะมาหาเมื่อไรต่างหาก
จู่ๆเสียงของซิเฟยก็ดังขึ้นมาทำลายความเงียบหงัน “ซิตู่ ฆ่ามัน มันต้องใช้เล่ห์กลอย่างแน่นอน ไม่มีทางที่แดนมนุษย์ขั้น9จะสังหารดินแดนนักรบ30คนได้ ใช่แล้ว มันต้องวางยาพิษพวกเราอย่างแน่นอน
ไปไปไปฆ่ามัน ฆ่ามันนน” มันตะโกนออกมาอย่างคนเสียสติ
ซิตู่นั้นอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายก็ไม่ออก มันไร้หนทางที่จะทำ มันไม่สามารถถอยได้ แ่ถ้ามันก้าวไปข้างหน้า ใครจะรับประกันมันได้ว่า มันจะเห็นแสงในวันพรุ่งนี้
“ฆ่ามัน ฆ่ามัน” เสียงของซิเฟยผู้เป็นนาย ตะโกนออกมา ปลุกความกล้าในสายเลือดนักรบเผ่าซิของซิตู่ในัี
เมื่อความกลัวที่กัดกินอยู่ภายในใจของมันถูกสลัดออกไป ซิตู่พลันเร่งพลังปราณออกมาปกคลุมไปทั่วร่าง
ร่างกายของมันเปลี่ยนเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ ซ้ายปิดชีพปรากฎอยู่ในมือของซิตู่ มันคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง เวลานี้เสียงของมันไม่ใช่เสียงของมนุษย์อีกต่อไป “โฮ๊กกกกกกกกก....”
หนิงเทียนยกยิ้มอย่างเช่นเคย รอยยิ้มของมันดุจดั่งมัจจุราช มันพุ่งตัวอย่างรวดเร็วด้วยเก้าวิญญาณท่องนภา สุดยอดท่าเท้าของโลกหล้านี่
ปังง!!!!
สองมือของหนิงเทียนนั้นกุมเข้าไปที่ลำคอของซิตู่ ลมปราณราชสีห์ที่คอยคุ้มครองซิตู่อยู่นั้นแตกกระจายราวกับเศษแก้ว มันยกร่างครึ่งคนครึ่งสัตว์ของซิตู่ลอยขึ้นจากพื้น
ซิตู่พยามที่จะใช้เท้าทั้งสองข้างตะกายหาพื้นดิน ตัวมันนั้นไม่สามารถเปล่งเสียงร้องใดๆออกมาได้แม้แ่น้อย
เพียงเพราะมือทั้งสองข้างของหนิงเทียนกุมอยู่ที่หลอดลมของมัน เวลานี้ตัวมันไม่ต่างกับกุ้งที่ถูกหนีบด้วยครีมเหล็กขนาดใหญ่
หนิงเทียนนั้นไม่ได้ออกแรงในมือทั้งสองข้างมากนัก มันจะไม่ปล่อยให้ซิตู่ตายเร็วเกินไปอย่างแน่นอน
ในขณะที่ร่างกายของซิตู่อยู่ในมือของมัน หนิงเทียนมองไปัซิเฟยพร้อมกล่าวด้วยเสียงที่เย็บเหยียด
“ตัวข้านั้นเป็นคนที่มีหนี้แล้วต้องชำระคืน ถ้าครั้งใดไม่ได้ชำระคืน ข้านั้นจะนอนไม่หลับและเมื่อข้านอนไม่หลับข้าก็อยากที่จะสังหารผู้ที่ทำให้ข้านอนไม่หลับ”
“จะ...เจ้า!” ซิเฟยมองไปด้วยความหวาดกลัว มันพยามที่จะหาทางรอดสุดท้ายของมัน
ึอย่างไรมันเองก็เป็นึว่าที่หัวหน้าเผ่าคนต่อไป มันรวบรวมความกล้าของมันออกมา
ซิเฟยถีบพื้นพุ่งเข้าหาหนิงเทียนอย่างรวดเร็ว มันเสี่ยงที่จะสู้ดีกว่าจะรอคอยความตาย
ในขณะที่มันพุ่งตัวใส่หนิงเทียน มันรวบรวมพลังปราณทั่วร่างโยกย้ายไปัฝ่ามือข้างขวา ใช้ออกด้วยกระบ่วนท่า ‘ฝ่ามือราชสีห์คำรน’
ฝ่ามือของมันกระแทกไปัหน้าอกของหนิงเทียน
กึบบบ!!!! เสียของกระดูกที่แตกหัก มันดังมาจากฝ่ามือของซิเฟย กระดูกข้อมือของมันทิ่มแทงออกมาภายนอก นิ้วทั้งห้าหักไปด้านหลังจนแนบชิดกับแขน
อ้ากกก!!!
ซิเฟยส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด มันทิ้งตัวลงไปนอนดิ้นอยู่กับพื้น ราวกับสุนัขที่โดนน้ำร้อนลวก
ซิตู่ที่เวลานี้อยู่ในกำมือของหนิงเทียนใบหน้าของมันสิ้นหวังึขีดสุด
มันมองไปที่ฝ่ามือราชสีห์คำรนของซิเฟยที่แตกหัก อย่าว่าแ่ตัวมันแม้แ่หัวหน้าเผ่าซิถ้าใช้หน้าอกรับตรงๆละก็ไม่ตกตายก็ต้องพิการเป็นแน่
มุมปากของหนิงเทียนยกสูงขึ้น “ัไม่ึตาเจ้าเหตุใดึใจร้อนนัก”
หนิงเทียนแย้มยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มง่ายๆที่แสนธรรมดา แ่สำหรับซิเฟยที่มองเห็นนั้น มันรู้สึกึความอำมหิตไปัส่วนลึกของจิตใจ
ซิเฟย กุมข้อมือที่หักของมันมองไปัหนิงเทียนด้วยความหวาดกลัว บัดนี้เป้ากางเกงของมันนั้นเปียกชุ่มไปด้วยของเหลว
ซิตู่พยามรวบรวมพลังเพื่อจะกล่าวคำพูดออกมาอย่างยากลำบากทั้งๆที่ลำคอของมันถูกฝ่ามือของหนิงเทียนบีบเอาไว้
มันพยามเปล่งเสียงออกอย่างสุดชีวิตราวกับว่าถ้ามันไม่ได้ถามคำถามนี้ออกไป มันจะไม่มีทางตายตาหลับได้ “เจ้าเป็นใครกันแน่”เสียงอันแผ่วเบาของมันดังขึ้น
“เจ้าถามว่าข้าเป็นใคร? ....ข้านั้นจะแสดงความเมตตาแก่เจ้าัเล็กน้อย เมื่อเจ้าตายไปแล้ว เจ้าจะได้สามารถบอกแก่ จงขุย ได้ว่าผู้ใดเป็นคนฆ่าเจ้า”
*จงขุย เทพเจ้าแห่งนรกของจีน
“ข้าได้รับการว่าจ้างจาก เผ่าเฮยให้มาเอาชีวิตน้อยๆของเจ้า เจ้าคิดหรือว่าเรื่องราวแปลกๆที่เกิดขึ้นกับพวกเจ้าในระหว่างการเดินทางกลับ
และการที่เจ้าต้องเดินทางเข้ามาในภูเขาของเผ่าเฮยลูกนี้เป็นเพราะ เรื่องบังเอิญ?
เปล่าเลยมันเป็นเพราะข้าล่วงรู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าจะเดินในเส้นทางใด จึงได้วางจุดจบของพวกเจ้าให้เป็นวัดร้างแห่งนี้”
หนิงเทียนคลายแรงในมือของมันลงเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวต่อ
“พวกเจ้าคงสงสัยสินะว่าข้าล่วงรู้เส้นทางการเดินพวกของเจ้าได้อย่างไร
ฮ่าๆ สวะที่ชื่อ ปี้ชีนั้นช่างเป็นนกสองหัวโดยแท้จริงเพียงข้าบอกฐานะที่แท้จริงของข้าออกไป พวกมันสองพ่อลูกรีบกระดิกหางขายพวกเจ้าให้กับข้าัี”
เมื่อได้ยินดังนั้นดวงตาของซิตู่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น การตายด้วยน้ำมือของผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามันอาจจะยอมรับได้
แ่การที่มันถูกเจ้าสารเลวสองพ่อลูกขายให้กับเผ่าเฮยนั้นเป็นเรื่องที่มันไม่สามารถรับได้
ซิตู่ได้สาบานไว้ภายในใจ ‘ต่อให้ข้าเหลือเพียงวิญญาณก็จะายเป็นวิญญาณอาฆาตสารเลวสองพ่อลูกเช่นเจ้า’
เมื่อหนิงเทียนกล่าวจบ มันพลันออกแรงบีบัีแ่แรงนั้นก็ไม่ได้ทำให้ซิตู่ึตายแ่อย่างใด
กร๊อบ!! เสียงกระดูกคอของซิตู่แตกหัก มันหมดสติลงัี
“เปราะบางยิ่งนัก” หนิงเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงหยามเยียดพร้อมทั้งหันไปัร่างที่สั่งเทิมอยู่กับพื้น “ต่อไปตาเจ้าแล้ว ท่านนายน้อยเฟยผู้สูงศักดิ์”
“เจ้า เจ้าอย่าเข้ามาน่ะ เจ้าอยากได้อะไรข้าจะหาให้เจ้า เจ้าต้องการหินลมปราณหรือไม่ หรือเจ้าต้องเป็นหัวหน้าเผ่าซิ ข้า...ข้านั้นจะให้เจ้าหมดเลยได้โปรด ได้โปรดอย่าฆ่าข้า”
ด้วยตัวตนของหนิงเทียนที่ดุจดังภูตพราย ทำให้มันสั่นกลัวอย่างสุดแสน
หนิงเทียนยิ้มอย่างสบายใจ “ข้าขอทวงหนี้ ที่เจ้าติดข้าไว้หน่อยละกันนะ ยามอยู่ในหมู่บ้านเจ้าทั้งมองข้าด้วยสายตาเหยียดหยามทั้งก่นด่าข้าต่างๆนาๆ”
“ข้า..ข้าขอร้องโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย” ซิเฟยรีบคลานเข่ามาแทบเท้าของหนิงเทียนก่อนที่จะก้มหัวลงไปเลียที่ปลายเท้าราวกับสุนัข
“มันสายไปแล้ว” รอยยิ้มบนใบหน้าของหนิงเทียนเลือนหายไป แทนที่ด้วยใบหน้าอันเหี้ยมโหมอำมหิตดุจปีศาจ
พร้อมทั้งปล่อยรังสีฆ่าฟันอันมากล้นออก จิตสังหารของมันไม่ใช่ของที่สามารถฝึกได้ด้วยฝีมือ มันเกิดจากการฆ่า ฆ่าเพียงเท่านั้น
จิตสังหารของตัวมันนั้นมิได้เป็นรองบิดามารดาทั้งห้าของมันเลยแม้แ่น้อย
หนิงเทียนมองไปัปลายเท้าของมันที่เปรอะเปื้อนด้วยน้ำจากปากของซิเฟยพร้อมทั่งกล่าวออกมา
“ในเมื่อเจ้าทำความสะอาดเท้าให้ข้า อีกทั้งข้าเองก็ไม่ใช่คนใจำอะไร เจ้าจงรับของขวัญจากข้าไป ของสิ่งนี้เป็นของที่ทั้งชีวิตของเจ้าไม่สามารถแม้แ่ที่จะมองมันด้วยสายตา”
เมื่อกล่าวจบหนิงเทียนหยิบเโอสถเม็ดหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ
“นี้คือยาอันใดเจ้ารู้หรือไม่?”
ไม่มีเสียงใดๆออกจากปากซิเฟยแม้แ่คำเดียว ในจิตใจของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างสูง มันจะไปมีแรงอันใดตอบคำถามหนิงเทียนได้อีก
“ถ้าเจ้าไม่ตอบ ข้าจะบอกเจ้าเอง โอสถเม็ดนี้คือโอสถสวรรค์ ใช่มันคือโอสถสวรรค์ ถ้าเทียบกับสมุนไพรอย่างโสมอายุวัฒนะของเจ้าแล้วมันต่างกันราวไข่มุกกับขี้ควายเลยทีเดียว
ข้าจะให้เจ้าได้มีโอกาสลิ้มรส โอสถระดับสวรรค์” หนิงเทียนมองไปัโอสถเม็ดสีขาวนวลที่ภายในมือของมัน จากนั้นมันส่งโอสถเข้าปากซิเฟยอย่างรวดเร็ว
ซิเฟยตาเบิกกว้างด้วยความกลัว โอสถพิษอันใดที่มันได้กินเข้าไป
“ไม่ต้องห่วงข้าไม่ได้ใจร้ายึกับให้เจ้ากินยาพิษอย่างแน่นอน โอสถที่เจ้าได้กินไปเมื่อครู่มันคือโอสถสวรรค์ปกป้องหัวใจ
เม็ดยานี้แม้แ่ตัวข้าเองก็ัไม่สามารถปรุงมันขึ้นมาได้ สรรพคุณมันนั้นดีเป็นอย่างมาก มันช่วยป้องกันหัวใจเจ้า
ภายใน3ชั่วยามตราบเท่าที่หัวใจของเจ้าไม่ถูกทำลาย เจ้านั้นจะไม่ตายอย่างแน่นอน”
ใบหน้าของซิเฟยตอนนี้เต็มไปด้วยความตกตะลึง มันรู้ึเหตุผลเป็นอย่างดีว่าเพราะเหตุใดหนิงเทียนจึงให้มันกินโอสถที่มีค่าเช่นนี้ ใช่แล้วแค่เพียงเรียกร้องหาความตาย ตัวมันเองัไม่มีสิทธิ์
อ๊ากกกกกกกกก!!!!
มีดสั้นขนาดเล็กที่เกิดจากน้ำแข็ง พุ่งตรงไปัแขนทั้งสองข้างของซิเฟย ประกายโลหิตสาดกระจายไปเต็มพื้น เส้นเอ็นที่ข้อมือของมันถูกตัดขาด
ซิเฟยเปล่งเสียงร้องโหยหวนอย่างอนาถ ัไม่สิ้นเสียงร้องของซิเฟยประกายมีดที่2ฟันไปัขาทั้งสองของมัน เส้นเอ็นขาทั้งสองข้างถูกตัดขาดอย่างไร้ปราณี
อ๊ากกกเสียงร้องของซิเฟยแหบแห้ง
“ฆ่า..ฆ่า..โปรด..ฆ่าข้า” ซิเฟยที่เมื่อครู่ก่อนนั้นัหวาดกลัวต่อความตายอย่างสุดแสนเวลานี้มันกลับเรียกร้องหาความตายแทน
ซิเฟยพยามดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด แ่บัดนี้แขนและขาทั้งสองข้างมันไม่สามารถขยับได้อีกแล้ว มีเพียงส่วนลำตัวเท่านั้นที่ัขยับส่ายไปมาอยู่
“ฆ่า...ฆ่าข้า” เสียงร้องที่แหบแห้งแผ่วเบาออกมาจากปากซิเฟย
“ข้าไม่อยากฟังเสียงแหบๆของเจ้า” มีดที่สามของหนิงเทียนตัดไปัลิ้นของซิเฟย
อ้ากกกกกกกกกกกกกเสียงกรีดร้องโหยหวนของมันดังสนั่น
บัดนี้ร่างของซิเฟยแน่นิ่งไปกับพื้น บาดแผลของมันนั้น ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนในแดนปราชญ์เองก็ต้องตกตายไปอย่างไม่ต้องสงสัย
แ่ด้วยความวิเศษของโอสถสวรรค์ กลับทำให้ซิเฟยรอดพ้นจากความตาย มันหายใจแผ่วเบา เจ็บปวดทรมารอย่างแสนสาหัสบังเกิดทั้งบนร่างและจิตใจ
ข้านั้นจะไม่ฆ่าเจ้า หนิงเทียนกวาดมือเบาๆครั้งหนึ่ง แท่งน้ำแข็งขนาดเล็กพุ่งไปัจุดตันเถียน ศูนย์รวมทะเลปราณของมันัี ปังง!! ทะเลลมปราณของซิเฟยเหือดแห้งลง
บัดนี้นายน้อยผู้สูงศักดิ์กลับายเป็นเช่นตัวพิการไร้ค่าคนหนึ่ง ครั้งนี้มันไม่มีแม้แ่เสียงร้องออกมา
"อู๋ชางส่งมันไปให้ซานซันดูแล จงกำชับแก่มันด้วยว่า ข้านั้นไม่ต้องการให้นายน้อยเฟยตกตายเร็วนัก"
".... ได้ตามที่ต้องการ คุณชาย" ราชาภูตรับคำก่อนที่ส่งปราณมิติสีำเข้าปะทะกับร่างกายที่คล้ายกับไม่ใช่มนุษย์ เพียงครู่เดียวร่างกายของซิเฟยหายวับไปในทันตา
ในชีวิตเดิม หนิงเทียนนั้นจะเข่นฆ่าทรมานคน เพียงเพราะความแค้นและสงครามเท่านั้น แ่ในครั้งนี้มันกลับเข่นฆ่า ทรมานคนเพียงเพราะความสนุก
นิสัยของมันนั้นแปรเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน แม้แ่ตัวมันเองก็ัไม่รู้สึกึอุปนิสัยที่แปลกเปลี่ยนไปเวลาที่มันลงมือฆ่าคน
ตัวมันในตอนนี้ช่างคล้ายคลึงกับบิดาสี่ ‘ทูตแห่งความตาย จูซง’ อย่างไม่ผิดเพี้ยน
จากนั้นหนิงเทียนก็ได้เดินออกไป จากวัดร้างอย่างช้าๆ มันพึมพำเบาๆกับตัวเองว่า ‘ท่านพ่อสี่เคยบอกไว้ ฝ่ามือดูดวิญญาณเมื่อึระดับสูงสุดผู้ตายจะไม่เหลือแม้เพียงร่างกาย'
มันหันกลับไปมองัซากศพที่นอนเกลื่อนาดนับ30ศพ พลางส่ายศีรษะ 'ตัวข้าัห่างไกลคำว่าสำเร็จมากนัก’
ราชาภูตมองไปัภาพด้านหลังอย่างสยดสยอง เด็กอายุ16กลับโหดเหี้ยมึเพียงนี้แล้วจิตสังหารนั้น
มิใช่จากบุคคลที่อายุ16ปีจะมีได้มันต้องเป็นผู้ที่เคยผ่านการฆ่าฟันมานับแสนนับล้านชีวิต
หนิงเทียนทะยานตัวออกจากวัดร้างอย่าไม่ใส่ใจ ชั่วครูราชาภูตก็เปิดปากของมันออก มันถามหนิงเทียนด้วยความสงสัย
“คุณชาย มนุษย์ตัวเหม็นที่ท่านบีบคอมันัไม่ตาย ท่านรู้หรือไม่?”
หนิงเทียนไม่ได้สนใจจะตอบคำถามใดๆของราชาภูต มันเพียงแ่ทะยานร่างไปข้างหน้าเท่านั้น
ราชาภูตัมิคลายความสงสัย มันักล่าวต่อไปอีก“คุณชาย ที่ท่านตามพวกมันมาึ3วันเพียงเพราะต้องการโยนความผิดให้ผู้อื่น?”
หนิงเทียนรู้สึกรำคาญกับคำถามที่ออกจากปาก อู๋ชางอย่างไม่หยุดหย่อน มันจึงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกมาว่า “อู๋ชาง เจ้ารู้จักคำพูดที่ว่า นั่งบนภูดูพยัคฆ์สู้กันหรือไม่”
“มันเป็นเคล็ดลับทักษะต่อสู้วิชาใด ราชาผู้นี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” ราชาภูตรู้สึกงุนงงกับคำพูดของ หนิงเทียน
หนิงเทียนเพียงแ่ส่งยิ้มจางๆให้กับความโง่ของราชาภูต มันไม่ได้กล่าวอันใดต่อ มันเพียงแ่เร่งความเร็วทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
.............
......
ลดราคาพิเศษสุด ติดต่อ Facebook ภพทนันท์ นักเขียน ข้ามกำแพง เพิ่มเพื่อนแล้ว ทักมาหาผมได้เลย
ตัวหนังสือในกลุ่มอ่านง่ายกว่านี้ และ สนุกกว่านี้ รับประกัน100%
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??