เรื่อง ต้าลี่ฮวา ดวงใจพ่ายรัก
“ท่านไม่ได้คิดจะรอ” เซียวซีก้มมองผืนหนังที่กางอยู่บนพื้นแล้วพูดซ้ำอีกครั้ง “ท่านจะไม่รอให้พวกเขาได้เตรียมตัว”
“ใช่”
“แต่ทหารของเราล้วนเหนื่อยล้า หากต้องเดินคลำอยู่ในความมืดจะไม่เสี่ยงต่อความตายมากเกินไปหรือ”
“พวกมันจะไม่ทันได้จับอาวุธด้วยซ้ำ ตอนทหารของเราคลำหาเส้นทางในความมืดน่ะ เพราะมันหวังว่าฮ่องเต้จะจัดทัพเต็มอัตราศึกมาปกป้องเมืองนี้และกองทัพหลวงควรมาถึงภายในวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าหากเราช่วงชิงเมืองมาได้ก่อน เราจะใช้ที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่น เฝ้าดูว่าพวกมันจะทำสิ่งใดต่อ ข้ายังมีกลยุทธ์อีกมาก แต่สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือตีเอาเมืองนี้มาเป็นของเราให้ได้”
เซียวซียังมีข้อกังขาอยู่เล็กน้อย แต่ก็เข้าใจหลักการต่าง ๆ ที่เฉิงอี้ยกขึ้นมา แม้จะมีแม่ทัพอื่นคัดค้านอยู่บ้าง แต่เสียงสนับสนุนมีมากกว่า ตกกลางคืนช่วงยามจื่อ พลธนูและพลทหารราบจำนวนหนึ่งก็เคลื่อนที่ลงจากเนินเขาด้วยความเงียบเชียบเป็นระบบและซุ่มอยู่หลังพงหญ้าห่างจากป้อมปราการและประตูเมืองไม่มากนัก หลังจากนั้น เฉิงอี้ก็สั่งการให้ทหารม้าทยอยตามลงไป คำสั่งต่อจากนั้นคือเมื่อด่านหน้าเริ่มบุกตะลุย กองทัพที่เหลือต้องวิ่งเข้าไปสนับสนุนแบบไม่คิดชีวิต
ภาพเหตุการณ์อันดุเดือดต่อจากนั้นดูคล้ายภาพฝันน่าสยดสยองในสายตาของทั้งเฉิงอี้และเซียวซีที่รบขนาบข้างกันตลอดเวลา ดวงไฟมากมายคล้ายฝน-่าใหญ่โปรยปรายใส่ศัตรูที่ยังคงยืนงงอยู่บนผืนดินของตัวเอง แม้จะใช้เวลานานกว่าการรบครั้งก่อนหน้า แต่ในท้ายที่สุด เฉิงอี้ก็ฉวยเอาจวนโอ่อ่าอีกแห่งมาเป็นที่พำนักอีกจนได้
ระหว่างสำรวจความเสียหาย กวาดต้อนเชลยและรวบรวมอาวุธกับข้าวของมีค่า เซียวซีก็เดินเหงื่อโชกเข้ามาหาแล้วพูดเสียงเบา
“ข้าจะไปดูทหารบาดเจ็บสักหน่อย”
“ระวังด้วย”
เฉิงอี้หันไปตอบ แล้วทั้งสองก็แยกกันไปคนละทาง เขาไม่ทันเห็นว่าเซียวซีกับทหารอีกสองสามนายออกเสาะหาจิตรกรฝีมือดีที่สามารถเขียนภาพมารดาของตนได้ ในบรรดาเชลยศึกที่หอบหิ้วของติดตัวได้เพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้น เซียวซีก็พาชายชราผู้หนึ่งออกมาจากฝูงชนและอาศัยห้องว่าง ๆ ในจวนเป็นที่พูดคุย แต่ก็ไม่สามารถเล็ดลอดสายตาของเฉิงอี้ไปได้อยู่ดี
“พาใครมาอีก ไว้ใจได้แน่หรือ ที่แห่งนี้ไม่อนุญาตให้ผู้อื่นล้วงล้ำเข้ามานะเซียวซี”
“นี่ท่านจิตรกร”
“แล้วเวลาเช่นนี้ เจ้าจะไปหาพู่กันกับกระดาษมาจากไหน” เขาคว้าแขนอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยความโกรธเคืองเล็ก ๆ “จะทำการใดไม่ปรึกษาข้าก่อนเลย”
“เฉิงอี้ เรื่องนี้สำคัญกับข้ามาก ให้ข้าจัดการเถอะ ข้าขอโทษที่ไม่ได้ออกไปดูทหารของเราอย่างที่พูด แต่ข้าจำต้องรู้ให้ได้”
ท่านแม่ทัพใหญ่ที่เคยสั่งทุกคนเบ็ดเสร็จเด็ดขาดคล้ายจะเสียสถานะของตัวเองไป จู่ ๆ ก็พูดไม่ออกแล้วได้แต่มองชายชราเคราขาวกระซิบเสียงสั่นพร่าบอกว่าจะหาอุปกรณ์ในการวาดได้จากที่ใด แล้วชั่วพริบตาเดียว ของทุกอย่างที่จำเป็นก็ถูกเอาเข้ามาวางในห้อง
เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วย แต่คงจะจริงอย่างเซียวซีว่า ความสงสัยใคร่รู้เป็นดั่งพิษร้ายที่กัดกินภายในร่างกาย เขาจึงยืนตระหง่านอยู่ตรงประตู ฟังเซียวซีบรรยายถึงมารดาของตนด้วยความละเอียดลออ โดยเฉพาะดวงตาราวกับกวางน้อยและรอยยิ้มหยาดเยิ้มของนาง ทว่าวาดยังไม่ทันเสร็จดี ชายชราก็ทำตัวสั่น รีบวางพู่กันลงแล้วทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น ท่าทางหวาดกลัวอย่างหนัก
“เป็นอะไรไปเล่า ข้ายังบอกไม่หมดเลย มารดาของข้างดงามยิ่งกว่าภาพเขียนเสียอีก” เซียวซีร้องลั่นด้วยความไม่พอใจ “นี่ท่าน ลุกขึ้น”
“ท่านแม่ทัพ ท่านจะให้ข้า…ให้ข้าน้อย…วะ…วาดรูปฮองเฮาองค์ก่อนไปทำไมหรือขอรับ หากข้าวาดต่อ ข้าจะถูกตัดหัว”
“สตรีที่มีรูปโฉมเช่นนี้มีความคล้ายคลึงกับฮองเฮาองค์ก่อนมาถึงเพียงนี้เชียวหรือ” เฉิงอี้แกล้งถาม
“ไม่ใช่สตรีที่มีรูปโฉมคล้ายคลึงกัน แต่นี่คือนาง เพราะความงามของนางเป็นที่เลื่องลือจนจิตรกรทุกคนต้องเคยจรดพู่กันเป็นใบหน้าของนางด้วยกันทั้งสิ้น ข้าเองก็เช่นกัน”
“เจ้าจะบอกว่ามารดาของข้าคือฮองเฮาอย่างนั้นหรือ”
“ถ้ามารดาของท่านมีใบหน้าเช่นนี้จริง ข้าก็คงต้องพูดว่าใช่ขอรับ”
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??