เรื่อง แสงจันทร์พันธนาการ
เด็กชายาุเพียงิขวบืตัวสั่น าแนวแน่จ้องมองศัตรูตรงหน้าด้วยความอาฆาต เส้นผมของเขาเปียกชุ่มไปด้วยหยาดฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง ครึ่งหนึ่งของใบหน้าเปียกโชกไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน เสื้อผ้าแพรพรรณเนื้อดี เวลานี้กลับเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดินโคลนและโลหิต
มือข้างขวากำดาบที่อาบชุ่มไปด้วยเลือดของศัตรู ที่เวลานี้ทั้งหนักและเยือกเย็นในความรู้สึกอ่อนล้า ข้าศึกคนสุดท้ายถูกปาดคอลงไปนอนดิ้นสิ้นชีวิต สายฝนที่โปรยปราย ทำให้ทั่วพื้นถนนที่เต็มไปด้วยซากศพ กลับเจิ่งนองไปด้วยเลือดผสมน้ำ กลิ่นคาวคละคลุ้งชวนอาเจียน เด็กชายยกมือขึ้นปาดหยาดฝนปนเลือดออกจากใบหน้า มองดูประตูวังที่ถูกทุบทำลาย เผยให้เห็นภาพภายในเปลวเพลิงร้อนแรง ที่กำลังโหมไหม้เผาผลาญอาคารสูงใหญ่ ที่ครั้งหนึ่งเคยโอ่อ่าวิจิตรงดงาม เปลวเพลิงลุกไหม้แข่งกับสายฝนเบาบางที่โปรยปรายไม่ขาดสาย แต่ดูเหมือนสายฝนเม็ดเล็กจะไม่สามารถทำอะไร เปลวเพลิงที่บ้าคลั่งได้เลย
จ้าวตงหยาง หมุนตัวมองดูเหล่าองครักษ์ที่ยอมพลีชีพ เพื่อปกป้องเขาจากเหล่าศัตรู จนชีวิตต้องมาดับสูญ ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ทั้งเด็กและคนชรา ที่หนีออกจากเมืองไม่ทัน ต่างต้องมาสิ้นชีพ เพียงเพราะคนทรยศเพียงคนเดียว
“องค์ชาย…องค์ชาย ช่วยด้วย ข้า…อยู่ตรงนี้ องค์ชาย…” เสียงเรียกแผ่วเบา ดังออกมาจากใต้กองซากศพของเหล่าทหาร ที่สมัครใจใช้ร่างตนเองป้องกัน-่าธนูลูกดอกที่พุ่งเข้าใส่เขาและพี่เลี้ยง ในเวลานี้ร่างของนาง ได้ถูกศพทหารทับถมจนได้ยินเพียงเสียงเรียกแผ่วเบา ดังแว่วออกมาจากใต้กองซากศพ
จ้าวตงหยางตั้งสติโยนดาบในมือทิ้ง สลัดความหวาดกลัวและเหนื่อยล้าเมื่อครู่ออกไป ยกมือขึ้นเช็ดหยาดฝนและคราบเลือออกจากใบหน้า เขาย่อตัวลงพลิกศพเหล่านั้น ด้วยความยากลำบาก จนพบพี่เลี้ยงหนึ่งเดียวที่รอดชีวิตอยู่ในเวลานี้
“องค์ชาย ท่านปลอดภัยดีหรือไม่…”
“ข้าปลอดภัย แล้วท่านล่ะ พี่หลิว”
“ข้า…เจ็บขามากเลยเจ้าค่ะ”
เด็กชายขยับไปด้านล่างตัวนางพยายามพลิกศพที่กองทับขาของนางออก จนพบกับบาดแผล ที่แม้แต่เขาเองยังรู้สึกหวาดเสียว ไม่ต้องพูดถึงสตรีร่างบางที่นอนอยู่เลย หากนางเห็นขาของตนเอง คงเป็นลมล้มลงเป็นแน่
“พี่หลิวท่านนอนลงก่อน อย่าลุกขึ้นมาเป็นอันขาด”
“ทำไมเล่า ไหนข้าขอดูหน่อย โอ๊ย…”
เด็กชายผลักและกดไหล่ของนางลง ไม่ยอมให้นางลุกมาเห็นบาดแผลตนเอง “ช้าก่อน…” เด็กชายก้มลงเลือกดึงเอาผ้าคาดเอวจากศพทหารผู้หนึ่งออกมา แล้วหักก้านธนูออก เหลือส่วนหัวที่ไม่สามารถดึกออกได้ แล้วรีบมัดปิดบาดแผลด้วยผ้าคาดเอวจากศพให้แน่น เพื่อชะลอเลือดที่ยังคงไหลออกมา
หลิวหยุน เจ็บจนน้ำตาไหล แต่นางก็ทำได้เพียงยกแขนเสื้อของตนเองขึ้นมากัดเอาไว้ กลัวว่าหากนางเปล่งเสียงร้องออกไป จะกลายเป็นเรียกศัตรูที่อยู่แถวนั้น ให้เข้ามาสังหารเจ้านายตัวน้อยที่กำลังหาทางช่วยนางอยู่
“เอ่อ…ท่านพี่หลิว ขาท่าน อาจมีบางอย่างติดอยู่ ข้าพยายามพันแผลของท่านเอาไว้ อย่างน้อยหากลูกธนูนี้ไม่ขยับท่านก็อาจเจ็บไม่มาก เอาไว้เราหาที่ซ่อนตัวที่ปลอดภัยได้แล้ว ข้าจะพยายามดึงมันออกให้ ท่านไหวหรือไม่”
หญิงสาวพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แม้จะเจ็บทรมาน จนใบหน้าซีดเซียว แต่ก็แกล้งฝืนยิ้มให้เขา เวลานี้ไม่มีอะไรดีไปกว่ากำลังใจที่ส่งถึงกัน เด็กชายตรงหน้าเพิ่งสูญเสียบิดาและมารดาต่อหน้าต่อตา แต่เขาสามารถกดเก็บความเจ็บปวดนั้นเอาไว้ แล้วพยายามช่วยเหลือนาง มีหรือที่นางจะกล้าแสดงออกถึงความอ่อนแอ
“ไหว…ข้าไหว เรารีบไปจากตรงนี้กันเถอะ องค์ชายตราหยกยังอยู่กับท่านใช่หรือไม่”
องค์ชายจ้าวตงหยางล้วงเอาตราประทับที่มีขนาดเท่ากำปั้นออกมาจากปกเสื้อ พร้อมกับดึงเชือกจากป้ายหยกคาดเอวของนายทหารท่านหนึ่ง ขึ้นมาผูกมัดกับตราประทับเจ้าแคว้น ยกขึ้นคล้องกับคอของตนเอง ก่อนจะยัดคืนเข้าด้านในปกเสื้อ เขาได้พลิกดูตัวอักษรบนป้ายหยก “จู…ร่างนี้คือท่านองครักษ์จู ท่านอาป้ายหยกของท่านข้าขอนะ ข้าสัญญาจะรักษามันอย่างดี”
“ไปกันเถอะ อยู่ที่นี่นานไม่ได้ หากพวกข้าศึกวนกลับมาเราจะลำบาก”
องค์ชายรีบคุกเข่าลง คำนับต่อศพองครักษ์ประจำตัว ที่ยอมพลีกายปกป้องเขาจนตัวตาย แล้วเข้าประคองหญิงสาวที่มีลูกดอกธนูหักติดขาอยู่ เพื่อช่วยกันหลบหนีลี้หายไปจากกำแพงเมือง อาศัยเงาแดดที่ใกล้พลบค่ำ ฝ่าสายฝนเม็ดบางที่ยังคงโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย เพื่อออกไปให้พ้นกองซากศพเปลวเพลิงและข้าศึก ของเมืองที่ล่มสลาย
ภาพเขม่าควันไฟ กับเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดดังระงมไปทั่ว วั่งซูเด็กชายวัยเพียงิขวบเดินหลงอยู่ในกองซากศพของเหล่าทหาร สิ่งเดียวที่อยู่ภายในใจของเขา คือบิดามารดาและบรรดาพี่ชาย ที่เดินทางออกจากบ้านเพื่อนำกองกำลังในการดูแลของตน ไปเข้าร่วมกับทัพของท่านเสนาบดีฝ่ายซ้าย หลายปีแล้วที่พวกเขาทั้งสองไม่ได้กลับบ้าน จนตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็แทบจำใบหน้าของท่านทั้งสองไม่ได้แล้ว
“ลู่เสี่ยน…ลู่เสี่ยน…”
“เจ้าค่ะ คุณชาย ทำไมตื่นกลางดึกเช่นนี้” หญิงสาวรีบเข้ามาเปิดผ้าม่าน เพื่อดูแลนายน้อยที่ตนเฝ้ารับใช้อยู่
“พี่ลู่เสี่ยน ข้าฝันร้าย…”
“ฝันร้าย…ท่านฝันเห็นสิ่งใด”
“ข้าฝันเห็นซากศพของทหาร ข้าเห็น เห็น…”
“โถ ๆ ไม่เอาน่า ดูสิเมื่อหัวค่ำข้าบอกท่านแล้ว ว่าอย่ากินขนมพวกนั้นมากเกินไป ดูสิอิ่มมากก็ฝันร้าย”
“ไม่นะ พี่ลู่เสี่ยน ในฝันนั่นมันเหมือนจริงมาก ท่านพ่อ…มีข่าวท่านพ่อกับท่านแม่และก็พี่ใหญ่พี่รองบ้างหรือไม่ ไม่ได้การแล้ว พรุ่งนี้เช้าเราไปพบท่านย่ากันเถอะ”
“เจ้าค่ะ ๆ คุณชายท่านนอนต่อเถอะนะ อีกตั้งนานกว่าจะเช้า”
หญิงสาวห่มผ้าให้เขา แล้วเตรียมจะจากไปยังที่นอนของตน ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก แต่เด็กชายกลับรีบจับมือของนางเอาไว้
“พี่ลู่เสี่ยน ฝันร้ายเช่นนี้ข้านอนไม่หลับหรอก ท่านร้องเพลงให้ข้าฟังก่อนนะ ได้โปรด นะ ๆ”
“ได้ ๆ บ่าวจะร้องเพลงให้ฟัง คุณชายนี่นะ โตจะเป็นหนุ่มอยู่แล้ว ยังขี้อ้อนเป็นเด็ก ๆ อยู่ได้ ไปพบท่านย่า คุณชายไม่กลัวท่านย่าจะส่งไปเรียนวิชายุทธหรือเจ้าคะ”
“กลัวแล้วจะทำเช่นไร ข้าเป็นห่วงท่านพ่อท่านแม่กับพวกพี่ ๆ มากกว่า”
ลู่เสี่ยนยิ้มให้ผู้เป็นนาย แล้วเริ่มขับกล่อมบทเพลงด้วยเสียงที่อ่อนหวานไพเราะจับใจ บทเพลงของนางช่วยให้หัวใจสั่นไหวหวาดกลัวของวั่งซู เริ่มบรรเทาความตื่นตระหนกลง แล้วหลับได้อีกครั้งในเวลาไม่นาน
-มี e book https://shorturl.asia/mT8gu
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??