เรื่อง แรกแย้มวังบุปผา (NC)
“โอ้?” โม่ซีเห็นดวงตาของนางมีประกายความโกรธเกรี้ยวพลุ่งพล่านออกมา จึงเริ่มสนใจมากขึ้น เอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “สิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่เป็นแค่การหลอกลวงข้าอย่างนั้นหรือ?”
อะไร?
เมื่อเห็นว่านางดูสับสน โม่ซีจึงคว้าเอวของนางไว้แล้วกล่าวว่า "ปากไม่ตรงกับใจ พูดจาขัดแย้งกัน เมื่อครู่บอกหายดีแล้วจะร่วมหลับนอนกัน ตอนนี้กลับร้องโหวกเหวกโวยวายว่าอย่าแตะต้องตัวเจ้า หากกูดึงดันจะแตะต้องตัวเจ้าล่ะ เจ้าจะทำอะไรกูได้?”
ทันใดนั้น ผ้าก็ฉีกขาดเป็นชิ้นๆ
ก่อนที่เสียงกรีดร้องจะหลุดออกมา โม่ซีก็โน้มตัวไปปิดริมฝีปากของนางอย่างแผ่วเบา ด้วยสายตายั่วเย้า ลูบเอวนางเบาๆ ปลายนิ้วเคลื่อนไปมาที่เอวของนางาักำลังหยอกล้อ ยิ่งเป็นการเยาะเย้ยความไร้พลังของนาง
ความอบอุ่นจากปลายนิ้วทะลุผ่านชั้นเสื้อบาง าัสัมผัสเนื้อหยกเปลือยเปล่า โม่ซีคล้ายเกาคล้ายไม่เกา ทำให้นางรู้สึกชาวาบที่เอว ทั้งตื่นตระหนกและรู้สึกละอาย ทว่าเนื่องจากฤทธิ์ของผงหม่าเฟ่ยจึงไม่สามารถหนีไปไหนได้และทำให้นางแทบคลั่งไคล้
“ท่าน...ท่านกำลังกำลังเอาเปรียบผู้อื่นในยามยาก!” ฉีซีกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
โม่ซีได้ยินสิ่งนี้จึงเอ่ยถามว่า "แล้วอย่างไรล่ะ ในสายตาของเจ้า กูเป็นสุภาพบุรุษอย่างนั้นหรือ?"
เพียงประโยคเดียวทำให้ฉีซีถึงกับพูดไม่ออก ใช่แล้ว! นางคิดว่าบุรุษตรงหน้าที่กำลังคุกคามนาง เป็นคนมักมากไร้ยางอาย!
ดวงตาของนางาัมีพายุลูกใหญ่ก่อตัวขึ้น ปั่นป่วนจนแทบจะคลั่ง ทว่าโม่ซีกลับแค่นเสียงเบา กล่าวว่า "นอนเถอะ"
หลังจากพูดจบ เาก็พลิกตัวนอนหงายและหลับตาลง
ฉีซีตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่สามารถโต้ตอบได้ อีกทั้งยังกลัวว่าเาจะเปลี่ยนใจ จึงจ้องเาโดยไม่กล้าขยับตัว
ทว่าทันทีที่บอกว่าจะนอน เาก็ผล็อยหลับไป เสียงลมหายใจยาวสม่ำเสมอของเาเริ่มดังขึ้น
หลับไปแล้วจริงหรือ?
เช่นนั้นนางควรทำอย่างไร? หนีน่ะสิ!
ฉีซีพยายามปีนลงจากเตียง ทว่าฤทธิ์ของผงหม่าเฟ่ยทำให้ขาทั้งสองของนางอ่อนล้าจนไม่สามารถยืนได้ นางจึงต้องนั่งพิงเสาเตียงรอให้ยาหมดฤทธิ์
……
ฉีซีลืมตาขึ้น รีบลุกขึ้นทันที ทว่ากลับล้มตัวลงบนเตียงนุ่มอีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้น? นางพยายามหลบหนี ทว่ากลับถูกซีอ๋องจับได้และมัดไว้จนขยับเขยื้อนไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
นางกวาดสายตาไปรอบตัวด้วยความหวาดกลัว จากนั้นจึงตระหนักว่าเป็นเรือนผมยาวของตนเองและผ้าห่มขาดที่พันอยู่รอบตัวนาง ไม่ใช่ซีอ๋องที่มัดนางไว้
ทว่าในตำหนักกลับมีเพียงความเงียบงัน ไม่รู้ว่าซีอ๋องที่อยู่ข้างกายจากไปตั้งแต่เมื่อใด นางอดจะตำหนิตัวเองที่โง่เขลาไม่ได้
เมื่อคืนนอนไม่หลับเกือบทั้งคืนเพราะวางแผนจะหลบหนี ทว่าก็กลัวว่าซีอ๋องจะตื่นขึ้นมาทำอะไรเกินเลย จึงทำได้เพียงซุกตัวอยู่ในมุมหนึ่งอย่างสั่นเทา คิดจะรอจนกว่าค่ำคืนเงียบสงัดไร้ผู้คนก่อนแล้วจึงแอบหนีไป ทว่ากลับเผลอหลับไปเสียนี่ ช่างโง่เขลาเสียจริง!
ฉีซีก่นด่าตัวเองอย่างรุนแรง มองเพดานด้วยความท้อแท้
แสงส่องลอดจากเพดานโค้งประดับลวดลายลงบนพื้น สร้างเงาบนหน้านาฬิกาแดดที่นางสั่งให้คนมาวาดไว้ บ่งบอกว่าตอนนี้เป็นยามอู่1สี่เค่อ2
นางหลับไปนานถึงเพียงนั้นเลยหรือ?
การนอนหลับอย่างเต็มอิ่มเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนได้ชะล้างความเหนื่อยล้าให้จางหายไป ทว่าเหลือบรรยากาศเกียจคร้านทิ้งไว้ ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะหลับตาลงและอยากหลับไปอีกครั้ง
ในเวลานี้มีเสียงแผ่วเบาดังมาจากด้านนอกตำหนัก “แม่นางตื่นแล้วหรือ?”
นางไม่อยากขานกลับ ทว่าได้ยินเสียงฝีเท้ามากมายใกล้เข้ามา ผู้คนที่อยู่นอกตำหนักต่างตะโกนเป็นทอด "คารวะซีอ๋อง"
เากลับมาแล้วหรือ!?
ฉีซีตื่นตกใจจนลุกขึ้นจากเตียง พยายามคลายสิ่งที่มัดตัวไว้ ทว่ายิ่งคลายก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น เมื่อคืนนางนอนอย่างไร? เหตุใดจึงมัดตัวเองไว้เช่นนี้?
เมื่อโม่ซีก้าวเข้าไปในตำหนัก ก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นฉีซีนั่งอยู่บนเตียงโดยมีเรือนผมยุ่งเหยิงมัดตัวเองไว้
การประชุมในราชสำนักเมื่อเช้านี้ล่าช้าเล็ก้ ทว่านางยังคงนอนหลับและยังไม่ได้อาบน้ำจนกระทั่งตอนนี้ ทั้งยังทำให้ตัวเองมีสภาพาัวิญญาณ โม่ซีประหลาดใจและอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มออกมาเมื่อเห็นฉีซีพยายามแก้ปมบนร่างกายอย่างร้อนใจ
เมื่อคืนนางนอนหลับไม่สนิท พลิกตัวไปมาและละเมอ รบกวนเาจนนอนไม่หลับไปด้วย เาจึงกอดนางไว้ในอ้อมแขนโดยรวบทั้งแขนและขาไว้ ทั้งสองจึงสามารถนอนหลับได้
เาตื่นขึ้นมาตอนเช้า ลงจากเตียงและเรียกข้ารับใช้มาเตรียมตัว เสียงของเาไม่ดังมากพอที่จะปลุกนาง ทว่าไม่คิดว่านางจะนอนถึงช่วงสายและห่อตัวเองเป็นขนมจ้างในเวลาไม่ถึงสองชั่วยาม
เาเดินเข้าไปใกล้นางและหยุดอยู่หน้าเตียง ฉีซียังคงยุ่งอยู่กับการแก้ปม เมื่อเห็นรองเท้าบูทหนังสีชาของเา จึงเงยหน้าขึ้นมองเา
โม่ซีก้มมองนาง ริมฝีปากกล่าวประโยคที่เย็นชา "สร้างรังไหมอยู่หรือ?"
ทันใดนั้นฉีซีก็เงยหน้าขึ้น ถลึงตาจ้องเา ภายในใจคิดว่าคนผู้นี้หน้าตาดูดี ทว่าคำพูดของเาช่างน่ารำคาญเสียจริง!
เาสวมชุดราชสำนักสีครามที่รีดอย่างประณีต สวมกวานประจำตำแหน่งฉินอ๋องสีทองผูกด้วยสร้อยสีอำพัน ดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อย เมื่อเทียบกับนางซึ่งอยู่ในสภาพยุ่งเหยิงก็ทำให้หยวนฉีดูตกต่ำลง ทว่าสิ่งที่เาพูดไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง ถ้าเาไม่ฉีกผ้าห่ม นางคงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
ขณะที่นางกำลังจะอ้าปากแก้ต่าง เาก็อุ้มนางพาดบนบ่า จากนั้นวางนางลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง เอ่ยว่า "อย่าขยับ"
ทันทีที่เากล่าวจบ ปลายนิ้วเรียวก็เริ่มลูบไล้ร่างกายของนาง
เมื่อฉีซีเห็นนิ้วของเาค่อยๆ ขยับเข้าใกล้หน้าอกจึงรีบคว้ามือเาไว้ ทว่าบังเอิญดันไปแตะหน้าอกนุ่มเข้าพอดี
โม่ซีตกใจเล็ก้ เงยหน้าขึ้นมองนาง นางก็ตกตะลึงเช่นกัน ใบหน้าแดงก่ำขึ้นในทันที รีบปัดนิ้วของเาออก
สายตาของโม่ซีซับซ้อน เอื้อมมือไปทางนางอีกครั้ง คว้าปมที่พันกับผมของนางมา ตั้งใจจะแก้ออกให้
ฉีซีจึงตระหนักได้ว่าเาไม่ได้มีเจตนารังแก จึงลดสายตาลงแล้วกล่าวว่า "ข้าทำเองได้"
"ผู้ที่สามารถทำเงื่อนกระตุกเป็นเงื่อนตายได้พูดเช่นนี้จะเชื่อได้จริงหรือ? ให้ข้าทำเถอะ"
แม้ว่าเสียงของเาจะเรียบเฉย ทว่าฉีซีกลับจิตใจหวั่นไหว
เมื่อา่าก็ดูเป็นท่านอ๋องที่เย็นชาและมีวาจาโอหัง เมื่อเาไม่า่าก็าันาย้ที่่าา อ่อนโยน และหล่อเหลาจนทำให้คนตะลึง
เมื่อวานตอนตามเากลับจวน เาก็พันผ้าพันแผลให้นางอย่างอ่อนโยน ทว่ากลับบีบบังคับให้ยอมรับตัวตนของนาง ซึ่งดูขัดแย้งและเข้าใจยาก
นางเป็นใครแล้วสำคัญตรงไหน?
หากสำคัญ เหตุใดเาจึงยอมยื่นมือมาเข้ามาช่วยนางล่ะ?
ฉีซีที่นั่งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งมีความสูงเท่ากับโม่ซี มองเาและไม่เข้าใจว่าภายในใจเากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
หากมีข้อสงสัยในตัวตนของนาง เหตุใดจึงพานางกลับจวนและให้นอนร่วมเตียงเคียงหมอนกับเาล่ะ?
วางแผนอะไรอยู่? อยากได้ตัวนางอย่างนั้นหรือ?
แล้วเหตุใดเมื่อคืนถึงนอนทันทีที่บอกว่าจะนอนล่ะ เหตุใดต้องปล่อยให้นางกังวลเรื่องนี้ทั้งคืนด้วย?
ต่อให้นางรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าในสายตาของผู้อื่น พวกเากลับมีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกันแล้ว
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉีซีก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิด ทว่าตอนนี้นางติดอยู่ในจวนซีอ๋องจึงไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ นางจะไม่ยอมรับตนว่าเป็นองค์หญิงหลิวเฟิงอย่างเด็ดขาด
ทว่าเาไม่พูดอะไรสักคำ ลดศีรษะลงและเริ่มแก้ปมแรก
ฉีซีมองแพขนตายาวและโค้งงอที่บดบังดวงตาของเาไว้ ทำให้ยากต่อการมองเห็นสีหน้าของเา
บนร่างกายของนางมีปมผ้าและปมผมทั้งเล็กและใหญ่อยู่หลายสิบปม การจะคลายปมเหล่านี้ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก นิ้วเรียวยาวของเาซึ่งเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากการจับดาบค่อยๆ บรรจงแกะปมผ้าและปมผมออกทีละปมอย่างละเอียดอ่อน เมื่อเจอปมผมที่แก้ไม่ออก ก็ไม่ได้ดึงมันออกอย่างรุนแรงและค่อยๆ ยื่นมือขึ้นไปดึงปิ่นปักผมทองที่ปักอยู่บนศีรษะของเาออก จับเส้นผมดำสนิท มุ่งมั่นแก้ปมที่พันกันอยู่อย่างตั้งใจ
มวยผมของเาจึงหลุดออกมา ปอยผมดำสนิทร่วงหล่นลงมา ปลิวไสวอยู่ที่ใบหูและหน้าผากของเาเพิ่มความเกียจคร้าน คิ้วเรียวบางลางเลือนไปเหมือนถูกกวาดด้วยพู่กัน ใบหน้าคมชัดดั่งสลักด้วยมีด แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวและแข็งแกร่ง
----------------------------------------------------------
[1] ยามอู่ ช่วงเวลา 11.00 – 12.59 น.
[2] เค่อ ประมาณ 15 นาที
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??