เรื่อง ลวงสวรรค์สู่วิถียุทธคลั่ง [จบ]

ติดตาม
บทที่5 เข้าสำนักมังกร แก้ไข
บทที่5 เข้าสำนักมังกร แก้ไข
  • ปรับสีและขนาดตัวอักษร

 อี้เ๬ิ๞เริ่มออกเดินทาง ไปยังสำนักมังกร ซึ่งเป็นสำนักภายในอาณาจักรเพลิง ที่เขาอยู่อาศัย สำนักตั้งอยู่เขตด้านในเมืองหลวงอาณาจักรเพลิง อี้เ๬ิ๞เขาไม่รอช้าเขา เริ่มออกเดินทางไปในทันที นี่ก็ใกล้เวลาที่ พี่ซีเผิงบอกกล่าวเต็มที เขาตั้งตารอ นั่งนับวัน ที่จะได้พบเจอพวกเขาอีกครั้ง


     อี้เ๬ิ๞ใช้เวลาเดินทางไปถึง10วันเต็ม กว่าเขาจะเดินลัดเลาะ เข้าไปภายในเมืองหลวงของอาณาจักรเพลิงได้ มองเห็นประตูเมืองทางเข้ายืนสง่าตั้งเด่น มองเห็นมาตั้งแต่ไกล ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองสูงใหญ่ มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลตัดกลางเมือง พร้อมเรือสัญจร รอบข้างทางเดินเองก็เต็มไปด้วยฝูงชนพลุกพล่าน หลั่งไหลเข้ามา ภายในเมืองหลวงแห่งนี้ไม่ขาดสาย สถานที่แห่งนี้ ช่างเปี่ยมไปด้วยสีสัน แปลกตาสำหรับอี้เ๬ิ๞ ไปเสียหมดทุกอย่าง ดั่งโลกทั้งใบเขาเปิดกว้าง


 เหล่าจอมยุทธรุ่นเยาว์มีค่อนข้างเยอะ เพราะในเขตเมืองหลวงนี้มี 3 สำนักใหญ่ด้วยกันถึงสามสำนักปกครองอาณาจักรเพลิงร่วมกัน สำนักหยก รับเฉพาะศิษย์หญิง สำนักเพลิงผลาญ เป็นสำนักอันดับ 1 ของอาณาจักรเพลิง ทำให้คนแห่ไปสมัครเยอะที่สุด ในบรรดา3สำนัก


 ส่วนสำนักมังกรเป็นอันดับ3 ทำให้ทุกปีคนมาสมัครไม่มาก แต่ก็มีอยู่ด้วยกันไม่น้อยที่มาสมัครเข้าเป็นศิษย์ในสำนัก อี้เ๬ิ๞เดินเข้าไป ภายในเมืองหลวงด้วยความตื่นตา ประหนึ่งเด็กบ้านนอกได้เข้าเมืองกรุง ทุกๆ อย่างขนาบสองฝากข้าง เต็มไปด้วยสิ่งแปลกใหม่สำหรับเขา


 เมื่ออี้เ๬ิ๞ มองออกไปไกลๆ เห็นป้ายสำนักตั้งอยู่ตีนเขา ทั้ง 3ลูก อยู่ห่างกันคนละทิศ คนละทาง พวกเขาทั้ง3สำนัก ถึงจะไม่ถูกกัน แต่ก็ไม่ได้บาดหมางกันชนิดฆ่ากันให้ตาย ตัวเขาที่เห็นประตูทางเข้าสำนักมังกรไกลๆ อดที่จะชื่นชมไม่ได้ หน้าประตูทางเข้าสำนักมังกร ค่อนข้างสวยงาม มีรูปปั้นมังกรทอง พันล้อมรอบเสายักษ์ไว้หลายตัว ชื่อสำนักเขียนเป็นแนวยาวลงมามองเห็นเด่นชัด เป็นจุดสายตา


 อี้เ๬ิ๞ไม่รอช้า เขาปรี่เข้าไปสมัครภายในสำนักมังกรในทันที ครั้นเมื่อเห็น ด้านหน้าสำนักมีลานประลองขนาดใหญ่ เตรียมพร้อมรอไว้อยู่แล้ว ตัวเขาอดไม่ได้ที่จะสอดส่องสายตาเข้าไป ด้านในสำนักมังกร ครั้นที่เห็นภูเขาลูกใหญ่เป็นที่ตั้งสำนัก สิ่งปลูกสร้างเรียงราย เต็มไปด้วยเหล่าลูกศิษย์เดินกันขวักไขว่


 แม้แต่ลูกศิษย์บางคน ยังเดินทางออกมาดูชมเรื่องสนุก อยากจะรู้ศิษย์ใหม่ ปีนี้ จะเก่งกาจถึงเพียงใด รอบบริเวณจึงเต็มไปด้วยเสียงผู้คนพูดคุยกันดังอึกทึกครึกโครม ออกมาไม่ขาด


 หลายๆ คนล้วนนั่งรอเวลาเพื่อเริ่มทดสอบ แต่ก็มีกลุ่มคนไม่น้อย ที่เห็นอี้เ๬ิ๞ ราวกับเป็นชาวบ้านธรรมดา สายตาจึงจ้องมองเขาด้วยความดูถูกดูแคลน เหมือนเขาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาสวมใส่ผ้าป่านเก่าๆ ซอมซ่อ


 ...ทว่าเมื่อกลุ่มของพวกซีเผิงเดินทางมาถึง กลายเป็นจุดสนใจของผู้คน เห็นเด็กหนุ่มเนื้อตัวมอมแมม เปรอะเปื้อน แต่ก็ไม่อาจบดบังความ สง่า ของเขาได้ด้วยใบหน้าที่เล็กหล่อเหลาไม่น้อย เขาพากลุ่มคนไปทักทายอี้เ๬ิ๞ในทันที "เจ้าคงสบายดีนะ อี้เ๬ิ๞ข้าไม่ได้เจอเจ้า 4เดือน เหมือนเจ้าจะโตขึ้นมากโข"


ซีเยว่นางเองก็พยักหน้าเช่นกัน เมื่อเอาตัวไปเทียบเด็กหนุ่ม " จริงด้วย เหมือนว่า เจ้าจะสูงกว่าข้าแล้วซิ ตอนนี้"


 อี้เ๬ิ๞ครั้นได้ยินเขาเพียงขำแห้งๆ เท่านั้น ทว่าเมื่อเห็นสายตาของเหล่าผู้คนจ้องมองมาที่เขา มันจึงทำให้เขาวางตัวลำบากเมื่อ พูดคุยกับเหล่าคุณหนู คุณชายน้อยพวกนี้


"เหมือนว่า เจ้าจะหล่อเหลาขึ้นด้วยซิ!!" ซีเยว่ยิ้ม แต่กระแทกหมัดใส่หน้าอก อี้เ๬ิ๞ไปหนึ่งที ครั้นเห็นเด็กหนุ่มมีท่าที วางตัวเหินห่างกับพวกเขา


ซีเผิงไต่ถามในทันที "พวกเจ้าสองคน ไปสนิทกันขนาดนั้น ตั้งแต่เมื่อใด ข้าไม่เห็นอยากรู้"


ซีเยว่มอง ค้อนมาที่ ซีเผิง "ท่านพี่ไม่รู้สักเรื่องจะได้ไหม ข้าจะให้อี้เ๬ิ๞เป็นน้องชายของข้า"


เด็กน้อยนามว่าอี้เ๬ิ๞ได้ยิน ถึงกับส่ายหัว ในความดื้อรั้นเอาแต่ใจของซีเยว่


 ทว่าเมื่อ หลายคนที่เห็น ซีเผิงกับ ซีเยว่ เข้าไปทักคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า เหล่าคุณหนู คุณชาย ก็ต่างพากันพูดคุยเสียดสี ดังขึ้นมา “ซีเผิง เจ้าเป็นถึงนายน้อยตระกูลซี ที่โด่งดังภายในเมืองหลวงแห่งนี้ กลับมาคบหาสามัญชน ไร้ค่า เมินเหล่าคุณชายต่างๆ ใช้ได้หรือ... ขั้นพลังในการฝึกยุทธ์ก็ต่ำต้อย เจ้าคิดว่ามันจะผ่านการทดสอบจริงๆ หรือ” คุณชายน้อย ท่านหนึ่งกล่าวคำพูดด้วยความไม่สบอารมณ์


อี้เ๬ิ๞ที่ได้ยินคำพูดถากถาง เขาเพียงยืนนิ่ง ไม่ได้ตอบโต้ สิ่งใดออกไป


ซีเผิงพูดโพล่ง ขึ้นมาในทันที "เจ้าอย่าไปสนใจเสียงนกเสียงกาเลย น้อง อี้เ๬ิ๞ ถ้ามันพูดมาก เดี๋ยวข้าจับมาถอนขน ฆ่าให้หมด"


"เจ้า! เจ้า! ช่างพูดจาโอหังนักนะ ซีเผิง" กลุ่มคนที่ไป พูดจาถากถาง อี้เ๬ิ๞ต่างเดือดดาลจวนจะมีเรื่องกันอยู่แล้ว ไม่คิดซีเผิงจะเข้าข้าง เด็กหนุ่มบ้านนอก


 ซีเยว่ เหมือนจะเป็นจุดสนใจ หนุ่มๆ ในตระกูลใหญ่ๆ ของเมืองหลวงต่างหมายปอง คิดสร้างสัมพันธ์กับนาง หากนางชมชอบก็ถือว่าตกถังข้าวสาร กลายเป็นหนูอ้วนตัวใหญ่ นางเป็นถึงคุณหนูตระกูลซี จึงมีเหล่าคุณชายมา เกี้ยวพาราสีกันอยู่ไม่น้อย บ้างก็มาไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยคำหวาน



     มีแม้กระทั่งบางคนนั่งรอไม่ไหว เมื่อความเป็นหนุ่มน้อยเลือดร้อน ออกไปอวดวิชาเล่นกันเป็นเด็ก โดยไม่มีความจำเป็น แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสชรา ที่แอบดูอยู่ห่างๆ ยังส่ายหัว


 ...จวนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงทดสอบ รองเจ้าสำนักเยว่ฉาน ก็เดินออกมาปรากฏกายสู่สายตาผู้คน แต่สิ่งที่ฮือฮา ของผู้คนก็คือ นางยังสาวไม่มีความแก่ชรา แม้แต่น้อย ไม่เหมือนผู้อาวุโสคนอื่นๆ แต่อย่างใด เหล่าผู้อาวุโสส่วนใหญ่มักจะแก่ประมาณหนึ่ง


 แต่แม่นางท่านนี้ เหมือนนางอายุหยุดนิ่งอยู่ที่อายุ20ปี ย่างก้าวเดินท่ามกลางอากาศ แผ่ซ่านปราณพลังบางอย่างออกมากดดันรอบทิศ ชายอาภรณ์สีเขียวปลิวไสวไปตามแรงลม ผ้าต่างๆ ที่ผูกรัด ลู่ลมจนเด่นสะดุดตา มาพร้อมผมดำคลับ คิ้วโค้งงอนเป็นคันศร ริมฝีปากอวบอิ่มได้รูป โฉมสะคราญงามล่มเมือง ผิวขาวเนียนละเอียด ราวกระเบื้องแก้ว ดูมีทรวดทรงองค์เอว อยู่ไม่น้อย แววตา ประหนึ่งดอกบัวใสบริสุทธิ์ นุ่มลึกมองดูแล้วผ่านโลกมาไม่น้อย ทว่าเมื่อเด็กน้อยอี้เ๬ิ๞ เห็นใบหน้าของหญิงผู้นี้ มันกลับตราตรึงใจเขาอย่างบอกไม่ถูก


 เยว่ฉาน กวาดสายตามองเหล่า ผู้สมัครแล้วทำสายตาเย็นชาดั่งเหมันต์ นางมองที่จำนวนคนที่มาสมัครสอบมีร้อยกว่าคน แล้วจึงประกาศทดสอบ "พวกเจ้าจัดทีม 3 คนแล้วขึ้นไปประลองทีมไหนชนะ จะได้เป็นศิษย์ของสำนักมังกร ส่วนทีมที่ขึ้นลานประลอง จะต้องรอทีมอื่นท้าสู้ ถ้าไม่มีคนท้าสู้ ถือว่า ผ่านเข้าสำนักเข้าไปลงทะเบียน ศิษย์ในสำนักมังกรได้" นางกล่าวคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน ราวกับนางขี้เกียจ มาดูการทดสอบเลยสั่งต่อสู้ ให้มันจบๆ ไปเสียอย่างนั้น


อี้เ๬ิ๞น้อยที่เห็น เขาถึงกับหน้าบูดบึ้งหญิง ผู้นี้เอาแต่ใจไม่น้อย ทว่าพลังของนางนั้นถือเป็นของจริง แม้แต่ผู้อาวุโสภายในสำนักยังไม่กล้ากล่าวค้าน คำพูดของนาง


 ทีมแรกที่ขึ้นไปเป็นคนของตระกูลเมืองหลวงในอาณาจักรเพลิงเขาเป็นนายน้อยตระกูลฮั่ว ชื่อ รั่วหยิน กับเพื่อนของเขาที่เป็นอัจฉริยะ จึงทำให้ไม่มีใครกล้า ท้าสู้กับทีมของ รั่วหยินทำให้ทีมของ รั่วหยิน เข้าสำนักมังกรได้แบบสบายๆ ทีมที่สองก็เป็นแบบนั้น พวกเขาชนะโดยไร้คู่แข่ง


 มาถึงครั้งที่3 กลับมีคนรับคำท้าพวกที่ท้าชิง เป็นลูกหลานของคนในเมืองหลวงอาณาจักรเพลิง พวกเขาเย่อหยิ่งมาก กุ้ยโจ กุ้ยอัน โจผิง ทั้งหมดพุ่งเข้าโจมตีอีกฝ่าย


 พวกเขาทั้ง 3 ไม่รอช้าควบคุมปราณพลัง สร้างหอกขึ้นมา พร้อมกับโดดเข้าฟาดฟันทุกการฟาด จะมีปราณพลังเงามังกรล้อมรอบหอก พุ่งเข้ากระแทกฝ่ายตรงข้าม ทำให้อนุภาครุนแรงเป็นอย่างมาก

เคร่ง!! ตู้ม!!

แม้อีกฝ่ายจะเปลี่ยนปราณสร้างเป็นม่านพลังป้องกันพวกเขาทั้งสามไว้ก็ตาม แต่ก็ไม่อาจต้านได้นาน ไม่ช้าเสียงแตกร้าวก็ดังออกมาก้อง มาพร้อมเสียงเคร้ง!!ดังลั่น



    ทั้ง 3 ที่กลางม่านพลัง ถึงกับกระอักเลือดสดออกมา ริมฝีปากมีเลือดไหลซึม เมื่อรับการโจมตีที่รุนแรงเกินไป พวกเขาทั้งสาม จึงขับเคลื่อนวิชาแปลงกาย เป็นอสูรมังกรคะนองน้ำ อสูรวานร 3 หู อสูรสิงโตทองคำ หมายจะโจมตีกลับไป


"พวกเจ้าอย่าทำเป็นได้ใจไป!!" ฉับพลัน ปราณพลังโดยรอบก็พุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ส่งแรงบีบคั้นบางอย่างที่ทำให้ หมู่ชนที่ดูชม ตกใจไม่น้อย



    พวกกุ้ยโจ กุ้ยอัน โจผิง ต่างพากันแสยะยิ้ม “พวกเจ้าสิที่รนหาที่ตาย ยอมแพ้ไปเสีย ต่อให้ใช้วิชาแปลงกาย เพิ่มพลังกายาขึ้นมาก็ไร้ผล”


 ดันใจ กุ้ยอันสำแดงวิชา ปราณทะลวงโลก เป็นวิชาระดับศักดิ์สิทธิ์ ที่การโจมตีรุนแรงเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับ ขั้นพลังของพวกเขาในยามนี้ เพียงขับเคลื่อนปราณพลังมาสร้างเป็นหอกแหลม บวกกับเงามังกรที่เด่นชัดขึ้น มีแม้กระทั่ง เสียงร้องของมังกร พร้อมพลานุภาพปราณพลังล้นทะลักทลาย ปาหอกมังกรเหมือนมีชีวิต ออกไปด้านหน้าอย่างแรง เสียงแหวกอากาศ ดังออกไปหวีดแหลม


 ทำให้ทั้ง3ถึงกับร่างกายสั่นเทิ้ม ด้วยความหวาดกลัว ทว่าก็ไร้ทางเลือกรวมพลังกันป้องกันเต็มกำลัง ไม่ช้าเสียง "อ๊าก!!!" ของทั้งสามก็ดังขึ้นมาลั่น กายาค่อยๆ หลุดลอกออกไปเป็นแผ่นๆ ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกปราณพลัง ศักดิ์สิทธิ์ชำระล้าง


 พวกเขาทั้ง3 เซ ถอยหลังไปหลายก้าว ลำตัวมีรอยแตกร้าว พวกเขาจึงขอยอมแพ้ หากฝืนสู้ต่ออาจจะตาย ด้วยความรุนแรงของวิชาปราณทะลวงโลกก็เป็นได้ ทั้ง3นั้นควบคุมปราณพลังได้ลึกล้ำมาก แม้แต่เริ่มสร้างร่างเงามังกร ออกมาเสริมการโจมตีหลายๆ คนที่ดูต่างพากันชม "เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม"


เหล่าผู้อาวุโสชราในสำนักหลายคนยังชื่นชมอยู่ไม่น้อย แม้แต่เหล่าผู้อาวุโส บางคนยังอยากได้ตัวพวกเขา เป็นศิษย์เสียด้วยซ้ำ




     …เมื่อการประลองรอบที่4 มาถึง เหล่าฝูงชนก็ต่างพากันประหลาดใจ เมื่อเห็นกลุ่มคน ขึ้นไปประลองในรอบนี้ เป็นพวกอี้เ๬ิ๞ ซีเผิง ซีเยว่ ที่ก้าวเท้าขึ้นไปบนลานประลอง



     ทว่า อี้เ๬ิ๞ กลับไม่มีความมั่นใจสักเท่าไร เพราะเขามีแค่วิชากายามังกรเท่านั้น หากเปิดเผยออกไปก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดี วิชาอื่นๆ เขาเองก็ไม่มีเช่นกัน ระดับขั้นพลังเองก็ถือว่าต่ำต้อย ผู้คนส่วนใหญ่คนที่มาสมัครสอบ มักจะอยู่ขั้นสร้างรากฐาน แม้แต่ปราณพลังอี้เ๬ิ๞ก็ยังไม่สามารถควบคุม สร้างดาบปราณพลังขึ้นมาได้ มันจึงทำให้เขาไม่มั่นใจเท่าใดนัก


“เจ้าอย่าได้กังวลอี้เ๬ิ๞” ซิเผิง กล่าวคำพูดออกมาเรียกสติตัวเขา


 ทว่ากลับมี เด็กหนุ่มผู้โอหัง สองคน ประกาศออกมากร้าว “ข้าสู้กับพวกเจ้าแค่สองคน ก็น่าจะเพียงพอที่จะชนะเจ้าได้ ซีเผิง เจ้าคิดอะไรอยู่ ที่เอาชายหนุ่มไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้าทีมเช่นนี้”



    ครั้นซีเผิงเห็น หารสิ้น กับ หลินหลง อัจฉริยะในเขต อาณาจักรเพลิง ตัวเขาถึงกับหน้ามืดทะมึน “พวกเจ้า เอาจริงหรือที่ท้าประลองกับพวกข้า”


 "หรือเจ้า หวาดกลัวกัน นายน้อยซีเผิง" หารสิ้น กับ หลินหลง มีชื่อเสียงเรื่องความเก่งกาจ แถมเป็นลูกหลานของผู้อาวุโสในสำนักมังกร พวกมันมองมาด้วยแววตาหยิ่งผยอง หมายมั่นคิดจะตบเด็กน้อยพวกนี้ให้เข็ดหลาบ


 หลายคนที่รู้จักนายน้อยตระกูล ซี ต่างพากันถอนหายใจเสียดาย แต่ซีเผิงค่อนข้างมั่นใจ เพราะเขาได้หลอม กายาจากเลือดสัตว์อสูร ระดับ นภา แถมยังได้เรียนวิชา ก้าวเท้าสวรรค์ วิชาประเภทเคลื่อนที่ เป็นวิชาระดับศักดิ์สิทธิ์


ซีเผิงแค่นเสียงขึ้นมาทันที “ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”


 หารสิ้น ที่ได้ยิน ก็เดือดดาล บ้าคลั่งขึ้นมา “ช่างใจกล้าห่อฟ้านักกล้าดูถูกข้างั้นหรือ ดูสิเจ้าจะรับการโจมตีของข้าได้หรือไม่” หารสิ้นระเบิดปราณพลัง สร้างดาบหลาย10เล่ม พุ่งเข้าโจมตีซีเผิง ภาพนั้นทำให้หมู่ชนตกใจกันไม่น้อย ไม่คิดว่าหารสิ้น จะฝึกไปถึงขั้นใช้ปราณพลัง สร้างดาบขึ้นมาได้หลาย10เล่ม เมื่อเห็นดาบปลิวว่อน


 ซีเผิงเขาไม่ได้หลบเลี่ยง ใช้มือที่ห่อหุ้มปราณพลังจับดาบที่พุ่งปราดเข้ามา บีบดาบปราณพลัง จนแตกระเบิด เสียง เคร้ง!! ดังออกมาแสบแก้วหู ทำให้หารสิ้นประหลาดใจไม่น้อย ปราณพลังกับ ร่างกายของซีเผิงแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก



     หารสิ้นไม่ออมพลังอีกต่อไป เขาระเบิดปราณพลังเต็มที่ สำแดงวิชากายาเหล็กเพื่อเพิ่มการป้องกันและโจมตี เขาเปลี่ยนปราณพลังห่อหุ้มที่ตัวเป็นชุดเกาะอีกที พร้อมเข้าประจันหน้ากับซีเผิง ทั้งคู่แลกหมัดกัน หลายสิบกระบวนท่า


เสียง ตู้ม!! ตู้ม!! เคร้ง!! ดังออกมาก้อง หลายสิบครั้ง


 หารสิ้นตอนนี้ปราณพลังรุนแรงถาโถม เข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ไล่กดดันซีเผิงชนิดไม่ได้ตั้งตัว จนทำให้ซิเผิงเสียเปรียบ ฝ่ามือของเขามีรอยเลือดซึมออกมา ริมฝีปากแยกเขี้ยว ออกมาไม่น้อย


 ฉับพลัน ซีเผิง ขับเคลื่อนวิชา ก้าวเท้าสวรรค์ ทำให้ ความเร็วของการก้าวเท้าสูงไปอีกขั้น จนมองตาเปล่าไม่ทัน “เจ้าเอาหมัดของข้าไปกินเสีย” ซีเผิง ไม่รอช้าเมื่อร่างของเขามาอยู่ด้านข้าง ของหารสิ้น ในเสี้ยววินาที ฝ่ามือของเขาสร้างปราณเพลิง ล้อมรอบร่างจนไฟสีฟ้าครามลุกท่วม ทุกการออกหมัดดั่งไฟเผาผลาญ เสียง เคร้ง!! ดังออกมาสนั่น


ผัวะ!! หารสิ้น ถึงกับร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด "อ๊ากๆ " ดิ้นทุรนทุรายบนพื้นลานประลองในทันที


"บัดซบ! บัดซบ! หลิงหลงเจ้ามัวยืนบื้ออยู่ทำไม รีบมาช่วยข้าจัดการไอ้ซีเผิงเร็วเข้า หากจัดการมันได้คนอื่นๆ ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาพวกเราแล้ว"



     หลิงหลงที่เห็น เขาไม่อยากรุมคนอื่นๆ ให้เสียศักดิ์ศรี จึงระเบิดปราณพลัง ขับเคลื่อนวิชาเจ้าเวหา มันเป็นวิชาตัวเบา ชนิดหนึ่ง พุ่งเข้าหา ซีเยว่ หมายจะจับตัวซีเยว่เพื่อหยอกล้อกับ หญิงงาม อี้เ๬ิ๞นั้น ไม่ได้อยู่ในสายตา หลิงหลงเลยแม้แต่หางตา ตัวเขามองว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ ไร้ค่าเกินไปที่จะให้หันไปมอง สายตาของเขาจึงจับจ้องไปที่หญิงงาม นามว่าซีเยว่อย่างไม่วางตา


หมู่ชนที่เห็น ใบหน้าพวกเขาแดงระเรื่อ ยิ้มกริ่มในใจทันที “หลินหลงผู้นี้คิดจะเชยชม บุปผาสินะ ช่างไม่รักหยกถนอมบุปผาเอาเสียเลย”


 ทว่าไม่ทันสิ้นเสียงของหมู่ชน เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่ออี้เ๬ิ๞ที่เห็น หลินหลงพุ่งเข้ามาหาซีเยว่ อย่างรวดเร็ว หมายมั่นจะหยิบจับตัวนาง ตัวของอี้เ๬ิ๞ไม่รอช้า เหยียบเท้าที่พื้นอย่างรุนแรง ฉับพลันร่างของเขาก็รอยพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยกเท้าถีบ ใบหน้าหลิงหลง จนบิดเบี้ยวไม่น่ามอง เสียง ปัง!! ดังออกมาก้อง


 หลินหลง ถึงกับลอยกระเด็น ตก ลานประลองไปเสียดื้อๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เปรอะเปื้อนไปด้วยเศษฝุ่น มีเลือดไหลออกจมูก ฟันหลายซี่ถึงกับแตกหัก ใบหน้าปูดนูน จนไม่น่ามอง


"เจ้า! เจ้า! ช่างใจกล้าห่อฟ้านัก" หลินหลง คำรามออกมาด้วยความไม่จำยอมเมื่อเห็น เด็กหนุ่มที่ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา กระโดดถีบใบหน้าของเขาจนล้มพับ


 ผู้คนที่ดูชมการต่อสู้ ต่างเงียบกริบ สงสัยคงเพราะหลิงหลงประมาทเกินไป แต่ผู้อาวุโสชราหลายคน จับสังเกตได้อี้เ๬ิ๞นั้นรวดเร็ว กว่าปกติไปมากโข แถมกายา ยังแข็งแกร่ง แม้ตัวเขาจะไม่ได้ขับเคลื่อนปราณพลัง เลยด้วยซ้ำ มันจึงทำให้เหล่าผู้อาวุโสหลายคน ประหลาดใจ


 เยว่ฉาน นางจ้องเขม็งมาที่อี้เ๬ิ๞ในฉับพลัน เพ่งดวงตาปราณจิต ออกไปเพื่อตรวจสอบร่างเด็กหนุ่ม นามอี้เ๬ิ๞ทันใด นางถึงกับขมวดคิ้วหน้ามุ่น ‘เหตุใดกายาของเด็กผู้นี้ ถึงแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้’


 อี้เ๬ิ๞เขาถึงกับผวาเล็กๆ มองย้อนมาที่เยว่ฉาน ในทันที เมื่อสัมผัสได้ว่า ตัวนางจ้องมองมาที่ตัวเขา ทว่าเมื่อจ้องมองใบหน้างามของนางอย่างไม่วางตา กลับรู้สึกตราตรึงใจเขาอย่างบอกไม่ถูก


เยว่ฉาน ครั้นเก็บดวงตาปราณจิตของนางกลับมาได้ นางมีสีหน้าบึ้งตึงอยู่ไม่น้อย "ไอ้เด็กเวรนี้ มันความรู้สึกไว จริงๆ เผลอแวบเดียวมันก็รู้ว่าใครจ้องมองมัน"


 ส่วนหลินหลงที่ลุกขึ้นได้หน้าก็เป็นรูปส้น-ีน ถูกรอย รองเท้าไม้ไผ่สารอี้เ๬ิ๞ฝากไว้ ทั้งอายทั้งแค้นม้วนตัวเดินหนีไป ลานประลองที่เคยเคร่งเครียด กลายเป็นเสียงหัวเราะ ครึกครื้น หารสิ้นที่เหลือตัวคนเดียวจึงไร้ทางสู้ ขอยอมแพ้ไปแต่โดยดีไม่อยากอับอายแบบหลินหลง


ฝูงชนหัวเราะขำกลิ้ง ครั้นเห็นใบหน้า หลินหลง เป็นรูปส้น-ีน ของเด็กหนุ่มที่ใส่ชุดป่านเก่า เสียอย่างนั้น



    พวกที่ ชนะการประลอง จึงได้รับเชิญ เดินเข้าไปลงทะเบียนในสำนักมังกร ใจกลางสำนัก มีหินศิลาขนาดใหญ่ สลักชื่อของเหล่าศิษย์ที่มีคุณูปการ ต่อสำนักไว้หลายพันรายชื่อ ตั้งแต่ยามอดีต ศิษย์พี่ผู้ทำหน้าที่สอนลงทะเบียนศิษย์ใหม่ เขาเอ่ยสั่งพวกอี้เ๬ิ๞หลับตา แล้วส่งปราณจิต เข้าไปในหินศิลายักษ์เพื่อลงทะเบียนทันที


 ก่อนศิษย์พี่จะอธิบายเกณฑ์การแจกทรัพยากรการบ่มเพาะ “ศิษย์ใหม่ มอบแหวนมิติ1วง กับชุดสำนักคนละสองตัว รายชื่อบนแท่นศิษย์ใหม่ ถ้าอยู่อันดับยิ่งสูง ยิ่งได้รับทรัพยากรที่มาก สำนักจะแจกของสำหรับความตั้งใจ ทุกๆ สิ้นเดือน ส่วนวิธีจะได้แต้มสำนักมีเพียง 2 วิธี ทำภารกิจสำนัก กับ ผ่านด่านศาลา 15ชั้น ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา”


 ชายหนุ่มเห็นท่าทีของพวกเขา กล่าวพูดออกมาอีกครั้ง “ส่วนหอคัมภีร์วิชา ต้องใช้แต้มสำนักในการซื้อวิชา ส่วนการหาข้อมูลทั่วไปได้ที่หอคัมภีร์ ส่วนที่พักหาห้องที่ว่างเอาเองแล้วกัน”


 ครั้นเมื่อกลุ่มของพวก อี้เ๬ิ๞ลงทะเบียนกันเสร็จสิ้น พวกเขาก็ต่างแยกย้าย ไปตามหาที่พักของตน บางห้องถึงกับเจาะภูเขาทำเป็นที่พัก บางที่ก็มีศาลาขนาดใหญ่ไว้รองรับผู้คน ทว่า มันกลับไม่มีที่ ต้องตาต้องใจอี้เ๬ิ๞เท่าใดนัก


 อี้เ๬ิ๞เดินลัดเลาะไปตาม สำนักมังกรอยู่นาน จนเขาเจอกับกระท่อมเก่าๆ หลังหนึ่ง อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ติดริมแม่น้ำ สภาพถึงจะดูแย่แต่ให้ความรู้สึกสบายใจ กับเขาเป็นอย่างมาก เขาจึงเลือกกระท่อมเก่าหลังนั้นเป็นที่พัก แม้ว่ามันจะไม่เหมาะคุ้มกะลาหัว หลบแดดหลบฝนก็ตาม

ตอนต่อไป
บทที่6 วิชามังกรทะยานนภา แก้ไข

นิยายแนะนำ

นิยายแนะนำ

ความคิดเห็น

COMMENT

ปักหมุด

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited( Kawebook.com )

Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )
ที่อยู่ : 20 หมู่ที่ 6 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000
เวลาทำการ : 08 : 00 - 18 : 00 จันทร์ - เสาร์
e-mail : contact@kawebook.com

DMCA.com Protection Status

เริ่มต้นเผยแพร่ผลงาน

เริ่มต้นเป็นนักเขียนออนไลน์ เขียนเรื่องราวที่ประทับใจ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และแบ่งปันประสบการ์ดีๆ กับผู้คนทั่วโลก kawebook.com เป็นโอกาส เป็นสื่อกลาง และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสร้างรายได้ให้กับนักเขียนมืออาชีพ และนักเขียนมือสมัครเล่นจากทุกมุมโลก เพียงสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์เพื่อเขียนหนังสือ การ์ตูน หรืออัพโหลดอนิเมชั่น ที่เป็นผลงานของท่าน และเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา