เรื่อง บุปผากลางใจ จอมจักรพรรดิ

ติดตาม
บุปผากลางใจ จอมจักรพรรดิ 19
  • ปรับสีและขนาดตัวอักษร

 เรื่องบังเอิญ? 



        เมื่อถึงเวลาช่วงเย็นหนิงอ้ายจึงได้เอ่ยชวนลู่ซีไปยังตลาด...ในตอนเเรกนั้นหนิงอ้ายตั้งใจว่าจะเป็นการเดินเท้าไปเพื่อที่ว่าตนจะได้ซึมซับเอาบรรยากาศต่างๆ เเต่ลูซีกลับบอกว่าสมควรเเก่การนั่งรถม้าของจวนตระกูลหวังไปเนื่องจากว่าสถานะตอนนี้ของพวกเขาทั้งสองคือหลานของประมุขตระกูลหวัง อีกทั้งหากนั่งรถม้าไปนั้นสามารถที่จะเลือกจับจ่ายซื้อของได้โดยไม่ต้องกังวลว่าพวกตนนั้นจะเอากลับจวนตระกูลหวังอย่างไร



        รถม้านั้นเคลื่อนตัวไปยังตลาดที่อยู่ไม่ห่างจากจวนตระกูลหวังไม่เท่าไหร่นัก ผู้คนที่กำลังเดินชมตลาดหรือกระทั่งเหล่าบรรดาพ่อค้าเเม่ค้าต่างให้ความสนใจไม่น้อย ด้วยเพราะว่าเเม้จะเป็นตลาดจะอยู่ใจกลางมหานครเเคว้นเต่าดำก็จริง เเต่ว่าน้อยครั้งมากๆที่พวกตระกูลใหญ่จะมาเที่ยวชมตลาดเเล้วยิ่งกับตระกูลหวังเเล้วนั้นหากไม่นับว่าในทุกๆวันที่ยี่สิบของทุกเดือนจะมีการเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่เลยตลาดเเห่งนี้ไปไม่ไกลนักย่อมกล่าวได้ว่าเเทบจะไม่ได้เห็นรถม้าของจวนตระกูลหวังอย่างเเน่นอน



        บรรยากาศของตลาดในยามเย็นตอนนี้นั้นช่างเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจของหนิงอ้ายกับลู่ซีไม่น้อย เพราะระหว่างทางที่รถม้าได้ผ่านมานั้นนับได้ว่าเป็นสิ่งที่เเตกต่างจากตลาดในเเคว้นหงส์เเดงที่ทั้งสองนั้นมักจะออกไปเป็นบางครั้งในที่ผ่านมา



''ช่างน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง...ผู้คนมากมายออกมาจับจ่ายซื้อของอาจจะด้วยเพราะพรุ่งนี้จะมีงานประลองของเเคว้นเเล้วจึงทำให้มีชาวยุทธภพเเฝงตัวมาเดินตลาดไม่น้อยเช่นกันสินะ...''หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย



''งานประลองของเเคว้นนั้นจะเป็นการร่วมมือของเเคว้นใหญ่ทั้งหมดหกแคว้นดังนั้นย่อมเป็นงานที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วสารทิศเข้ามายังเเคว้นเต่าดำเเละเห็นท่านตากล่าวว่างานประลองเเคว้นครั้งนี้เป็นการครบรอบการจัดประลองในรอบห้าร้อยปีดังนั้นรางวัลปีนี้เห็นว่ามีความพิเศษจึงทำให้มีผู้คนมากกว่าปกติ...''ลู่ซีเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองรอยยิ้มที่สดใสสมวัยของหนิงอ้าย



''หยุดรถม้า!!''ลู่ซีเอ่ยขึ้นสั่งให้เเก่บ่าวชายที่ทำหน้าที่บังคับรถม้าให้หยุด



''ถึงเเล้วหรือขอรับข้า...ขอจัดการตนเองสักครู่...''หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับทำการร่ายบทเวทย์ปลอมเเปลงที่ตนได้มาในก่อนหน้านี้ซึ่งท่านตาของเขาบอกว่า บทเวทย์หหัยมายาสวรรค์ นั้นเป็นบทเวทย์ปลอมเเปลงระดับเซียนของตระกูลหวังที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นซึ่งยากนักที่จะสำเร็จวิชาดังกล่าวนี้ได้ บทเวทย์นี้สามารถปลอมแปลงรูปลักษณ์ของผู้ใช้ให้เป็นไปตามใจนึกเเละนับว่ายากที่จะสามารถตรวจสอบหากไม่ได้มีพลังวิญญาณระดับเซียนหรือของวิเศษที่สามารถมองการปลอมแปลงระดับสูงหรือจะเป็นบทเวทย์ปลดการปลอมเเปลงที่มีระดับเดียวกันหรือสูงกว่าบทเวทย์ดังกล่าวนั่นเอง



        สำหรับหนิงอ้ายนั้นตนมองว่าบทเวทย์นี้มีความสามารถที่ค่อนข้างจำเป็นกับเขาอย่างยิ่งอีก ทั้งก่อนหน้านี้หนิงอ้ายเคยลองใช้บทเวทย์ดังกล่าวนี้ไปพร้อมกับพลังจิตของตนที่ติดตามตัวเขามาจากโลกเดิมซึ่งหนิงอ้ายก็พบว่าเมื่อผสานทั้งสองเข้าด้วยกันเเล้วนั้นความสามารถของบทเวทย์ดังกล่าวสามารถใช้ได้กันคนละรูปแบบอย่างชัดเจนกล่าวคือหากใช้พลังวิญญาณกับบทเวทย์นี้จะสามารถปลอมแปลงตนให้เป็นไปตามที่ใจปรารถนาได้



        เเต่ในทางกลับกันหากใช้บทเวทย์นี้กับพลังจิตของเขาจะทำให้สามารถสร้างภาพลวงตาที่สามารถจำกัดการมองเห็นหรือสร้างภาพมายาลวงตาของอีกฝ่ายตามที่ต้องการได้ เเต่อาจด้วยเพราะว่าในตอนนี้นั้นหนิงอ้ายยังไม่ได้มีพลังวิณญาณในระดับสูงเเละยังไม่เชี่ยวชาญพอจึงสามารถสร้างภาพลวงตานี้ได้เพียงเเค่สองสามคนเท่านั้นเเต่หนิงอ้ายเชื่อว่าในอนาคตนั้นเขาย่อมทำได้มากกว่านี้อย่างเเน่นอน...



พรึบ!



        ทันทีที่หนิงอ้ายได้กล่าวจบลง...ด้านหลังของหนิงอ้ายพลันปรากฏเป็นวงเเหวนสีเขียวหนึ่งวงที่เปล่งประกายรัศมีสวยงามส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของเขายามใช้บทเวทย์นั้นดูราวกับเป็นเทพเซียนที่แอบหนีลงมาเที่ยวยังโลกยุทธภพเเห่งนี้เเละเพียงไม่กี่อึดใจเส้นผมสีขาวเงินยาวสลวยที่ถูกมัดรวบกลางหลังนั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีดำปีกกาที่มีความเงางามดูนุ่มลื่น ดวงตาเรียวหงส์กลมโตที่เคยเป็นสีฟ้าราวกับอัญมณีอันล้ำค่าได้เเปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนประกายความซุกซน



        ใบหน้าที่ปกตินั้นจะดูงดงามราวกับนางเซียนเนื่องด้วยเพราะหนิงอ้ายคล้ายคลึงกับมารดาของเขามากถึงแปดส่วนนั้น ได้เเปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ดูหล่อเหลาคมคายหากมองว่าเป็นบุรุษก็งดงามดั่งหยกเนื้อดีสำหรับสัดส่วนร่างกายนั้นตอนนี้ดูโตขึ้นเล็กน้อยหนิงอ้ายตั้งใจที่จะเลือกให้หน้าตาเเละรูปร่างเป็นไปในช่วงอายุสิบห้าปีของเขาในโลกเดิมเพราะถึงอย่างไรเเล้วหนิงอ้ายก็แอบคิดถึงหน้าตาเเละความเเข็งเเรงของร่างของเดิมตนไม่น้อยเเม้ว่าจะไม่ได้ดูสูงใหญ่เช่นกับลู่ซีเเต่ก็นับได้ว่ามองเป็นบุรุษมากกว่าร่างนี้ของหนิงอ้าย



        หลังจากที่เขาได้ใช้บทเวทย์หหัยมายาสวรรค์เพื่อปลอมแปลงตัวตนเสร็จเเล้ว หนิงอ้ายจึงส่งสัญญาณให้เเก่ลู่ซีว่าตนพร้อมที่จะเดินเที่ยวชมตลาดเเห่งนี้เเล้ว ในตอนเเรกลู่ซียอมรับว่าตนก็ไม่คุ้นชินกับรูปลักษณ์ของหนิงอ้ายในยามนี้เท่าไหร่นักเเต่อย่างไรเเล้วหนิงอ้ายได้บอกเเก่ตนอยู่ว่าตัวเขานั้นย่อมที่จะไม่ใช้รูปลักษณ์ปลอมแปลงนี้ไปตลอด เพราะหลังจากที่ได้เข้าสถานศึกษาเเละมีระดับพลังวิญญาณที่สูงพอที่จะป้องกันตัวเองได้ย่อมกลับมาใช้รูปลักษณ์ที่เเท้จริงของตน



        หนิงอ้ายที่ในตอนนี้อยู่ในรูปลักษณ์เดิมของตนในโลกเก่าเมื่อตอนอายุสิบห้าปีนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยอีกทั้งยังตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมากที่ได้มาสัมผัสบรรยากาศของตลาดในโลกจีนโบราณเช่นนี้ถึงเเม้ว่าสิ่งของที่นำขายนั้นจะมีความใกล้เคียงกันเเต่ว่าวัฒนธรรมของเเต่ละที่นั้นช่างมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะเป็นอย่างมากดังนั้นเขาที่เป็นคนที่อบการท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆอยู่เเล้วนับได้ว่าถูกใจเป็นอย่างมาก



        ในตอนนี้หนิงอ้ายเเละลู่ซีต่างเดินเที่ยวชมตลาดเเละสินค้าที่มีการวางขายนั้นไปเรื่อยๆด้วยความเพลินเพลิน ซึ่งท่านตาของพวกเขาได้ส่งผู้ติดตามมาคอยดูเเลจำนวนสองคนเท่านั้น ในคราเเรกหวังจิ่งหลงต้องการที่จะออกไปเที่ยวชมตลาดกับหลานทั้งสองของตนเสียด้วยซ้ำเเต่ยังดีที่ลู่ซีได้เอ่ยห้ามก่อนเพราะกลัวว่าจะเป็นการโดดเด่นจนเกินไป



        เเต่ถึงอย่างไรก็ตาม...ทั้งสองต่างได้รับการจดจ้องเเละถูกให้ความสนใจจากบรรดาผู้ที่เดินเที่ยวชมตลาดรวมไปถึงเหล่าบรรดาพ่อค้าเเม่ค้า ด้วยความที่ทั้งสองคนหลังจากลงจากรถม้าของตระกูลหวังสายหลักเเล้วนั้น ซึ่งทุกคนต่างรับรู้ได้ว่าประมุขตระกูลหวังสายหลักหวังจิ่นหลงมีบุตรีเพียงคนเดียวคือหวังเยว่ซินที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในยอดพธูของเเคว้นเเละเมื่อราวๆสิบหกปีก่อนได้มีการตบเเต่งให้กับตระกูลจางหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเเคว้นหงส์เเดงซึ่งเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้นั้นผู้คนในเเคว้นเต่าดำต่างรับรู้กันทั่วทั้งสิ้น



        ดังนั้นยามที่เห็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีสองคนที่ได้มีเเต่งกายคล้ายกับว่าเป็นคุณชายตระกูลใหญ่มาเดินเที่ยวชมตลาด อีกทั้งมีหลายคนเช่นกันที่เห็นว่าคุณชายทั้งสองได้ลงมาจากรถม้าของตระกูลหวังสายหลักเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงได้เเต่คาดเดากันไปต่างๆ ว่าคุณชายทั้งสองคนนั้นเกี่ยวข้องกับตระกูลหวังเช่นไรกันเเน่



''รูปลักษณ์ปลอมแปลงนี้ของข้าประหลาดนักหรือขอรับทำไมทุกคนถึงได้จ้องมองเช่นนี้??''หนิงอ้ายเอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่มั่นใจเล็กน้อยอีกทั้งยังประหม่าที่ถูกผู้คนคอยจับจ้อง



''หาได้เเปลกประหลาดอย่างไรไม่...เเม้เกอจะยอมรับว่าไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่เเต่กลิ่นอายความเป็นตัวเจ้าก็ยังเป็นเช่นเดิมทำใจให้สบายเถอะ...''



''อีกทั้งเมื่อครู่เรายังลงมาจากรถม้าของตระกูลหวังสายหลักซึ่งผู้คนเหล่านี้นั้นคงไม่ค่อยพบเห็นคนของตระกูลใหญ่ของเเคว้นมาเดินเที่ยวชมตลาดเยี่ยงนี้เท่าใดนักจึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองมายังเราทั้งสองนั่นเอง''ลู่ซีเอ่ยขึ้นออกมาพร้อมกับสังเกตไปโดยรอบ



''ได้ยินเกอพูดเช่นนี้ข้าก็เบาใจเเล้วขอรับ...ข้านึกว่าการปลอมแปลงของข้านั้นมีความผิดผลาดเกิดขึ้นเสียอีก''หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆถึงเเม้ว่าเขานั้นจะมั่นใจในหน้าตาของตัวเองไม่น้อยเพราะในโลกเดิมนั้นมีมักจะมีชื่อของเขาอยู่ในอันดับของบุคคลที่น่ากอดเเห่งปีอยู่เสมอเเต่เมื่อถูกจับจ้องเเบบนี้ก็อดที่จะไม่มั่นใจจริงๆ



''ท่านตาเอ่ยว่าตรงกลางของตลาดนั้นจะมีร้านอาวุธวิเศษต่างๆเอาเป็นว่าเรารีบไปกันดีหรือไม่เพราะเดี๋ยวจะไม่ทันเวลาทานสำรับเย็น...''ลู่ซีเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาทั้งสองนั้นได้ดูข้าวของต่างๆ พอประมาณเเล้วสมควรเวลาไปดูสิ่งของที่ตั้งใจเเต่เเรกเสียที



''ได้ขอรับ...ตอนนี้ข้าก็เริ่มหิวเเล้วเช่นกัน''หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อยพร้อมกับเดินตามหลังลู่ซีไปยังสถานที่ที่พวกตนนั้นตั้งใจมาเเต่เเรกโดยที่ผู้ติดตามนั้นพยายามสังเกตโดยรอบด้วยเพราะสังเกตได้ว่ามีคนจับจ้องพวกกลุ่มคุณชายของตนอยู่เเต่เมื่อมองไปโดยรอบเเล้วไม่สามารถตรวจสอบพบได้ซึ่งทั้งสองนั้นตั้งใจว่าหลังจากที่ส่งคุณชายทั้งสองจัดการธุระเสร็จสิ้นพวกตนจะเอ่ยรายงานท่านประมุขอีกที...




.......................

บนระเบียงชั้นสองของโรงน้ำชาที่ขึ้นชื่อของเเคว้นมีบุรุษสองคนที่นั่งพูดคุยกันอยู่


''เจ้ามองสิ่งใดอยู่รึสหาย...''บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาที่ใบหน้านั้นมักจะมีรอยยิ้มเล็กน้อยอยู่เสมอราวกับคุณชายเจ้าสำราญของตระกูลใหญ่ที่มีการสวมใส่ชุดที่ดูเป็นเฉพาะของตระกูลของตนได้เอ่ยขึ้นมาเบาๆเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าของตนนั้นเพ่งมองไปยังจุดหนึ่งโดยมีท่าทีที่เเสดงออกถึงความสนใจอย่างยิ่งที่ทำเอาตนนั้นอดที่จะเเปลกใจไม่น้อยเลยทีเดียว



''ไม่ใช่เรื่องของเจ้า...เอาละมีอะไรก็รีบเอ่ยออกมาข้ายังมีธุระที่ต้องจัดการ''บุรุษชุดขาวที่ใส่หน้ากากพยัคฆ์สีดำครั้นเมื่อถอนสายตาออกมาเเล้วนั้นจึงหันมาเอ่ยกับคู่สนทนาของตนในทันทีด้วยน้ำเสียงที่ฟังได้ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ยุ่งเรื่องของตน



''ข้าเป็นสหายเจ้านะก็ได้ๆเมื่อพร้อมเเล้วค่อยเล่าให้ข้าฟังละกัน...''หลังจากกล่าวจบบุรุษคนเดิมจึงเอ่ยสิ่งที่ต้องการพูดในการนัดหมายครั้งนี้ในทันทีโดยที่ไม่รู้ว่าบุรุษชุดขาวที่ใส่หน้ากากพยัคฆ์สีดำนั้นหาได้ฟังที่ตนเอ่ยขึ้นไม่



'ไม่เจอกันเเค่วันเดียว....เสี่ยวไป๋ทู่น้อยของข้ารู้จักที่จะปลอมแปลงตนเเล้วสินะ'

'เเต่ช่างบังเอิญเสียจริงรูปลักษณ์ปลอมเเปลงของเจ้าช่างคล้ายกับคนที่อยู่ในความฝันของข้ายิ่งนัก...เจ้าเป็นใครกันเเน่นะหวังหนิงอ้าย''

'หวังว่าทุกสิ่งจะเป็นเรื่องบังเอิญเเล้วกันนะเสี่ยวไป๋ทู่ของข้า... '



        บุรุษชุดขาวที่ใส่หน้ากากพยัคฆ์สีดำเอ่ยขึ้นกับตนเบาๆ พร้อมกับคิดว่าตัวเขานั้นต้องหาทางไปรู้จักกับคนในฝันของตนให้ได้...




..............................

        ลู่ซีเดินนำหนิงอ้ายตรงไปยังร้านขายอาวุธวิเศษดังกล่าวที่อยู่ใจกลางตลาดมหานครเเคว้นเต่าดำ เมื่อใกล้ถึงจุดหมายเเล้วความรู้สึกเเรกที่ตนมองเห็นร้านดังกล่าวนี้ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์อยู่ไม่น้อย บริเวณด้านหน้าของร้านนั้นถูกประดับด้วยหินหยกเเกะสลักเป็นรูปร่างของอาวุธที่หลากหลายเเละมีขนาดที่เเตกต่างกันออกไปหนิงอ้ายเชื่อว่าเจ้าของกิจการนี้ช่างมีความคิดลึกล้ำยิ่งนัก



        เพียงเเค่เห็นหินหยกแกะสลักที่มีการจัดวางตบเเต่งหน้าร้านก็สามารถทำให้ผู้คนรับรู้ได้ว่าเป็นร้านขายอาวุธอย่างเเน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นทางเข้าของร้านมีชายสองคนร่างกายสูงใหญ่ยืนปักหลั่นอย่างมั่นคงไม่น้อยที่ข้างตัวของทั้งสองคนหนึ่งเป็นมีดสั้นที่มีการเเกะสลักสวยงามถนัดมือส่วนอีกคนนั้นคงเป็นกระบี่ที่อยู่ในฝักสีดำที่มีการวาดลวดลายอย่างง่ายๆ เเต่ดูเข้ากับตัวคนอย่างพอดี



        ซึ่งตัวหนิงอ้ายนั้นได้ลอบใช้วิชาเนตรสวรรค์เพื่อทำการตรวจสอบระดับพลังวิญญาณของทั้งสองก็พบว่าอยู่ในระดับพลังจักรพรรดิขั้นสูงทั้งคู่ทำเอาเขานั้นตกใจไม่น้อยที่ขนาดผู้ที่มีหน้าที่เฝ้าหน้าร้านยังมีระดับพลังที่สูงเช่นนี้เเล้วผู้เป็นเจ้าของกิจการเล่าจะมีระดับพลังในขั้นใดกัน เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในร้านดังกล่าวนี้เเล้วก็พบว่าหากดูจากภายนอกเข้ามาจะพบว่าร้านนี้มีขนาดที่ใกล้เคียงกับร้านอื่นๆในเขตตลาดนี้ปกติ



        ซึ่งในความจริงเเล้วนั้นคงได้มีการใช้บทเวทย์ขยายอาณาเขตพื้นที่ร้านอย่างเเน่นอน ด้วยเพราะด้านในนั้นเเม้จะเป็นเพียงเเค่ชั้นเดียวเท่านั้นเเต่กลับมีการจัดสรรพื้นที่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยทางด้านซ้ายมือจะเป็นอาวุธทั่วไปที่มีความหลายหลายสำหรับการใช้งานเช่นมีดสั้น มีดยาว ๳๦ู กระบี่เนื้อดีซึ่งมีราคาเริ่มต้นไม่กี่ตำลึงเงินจนไปถึงราคาหลายเหรียญทองเลยทีเดียว



        สำหรับด้านขวามือของเขานั้นจะเป็นอาวุธวิเศษต่างๆที่มีการทำขึ้นจากวัสดุที่หลายหลายเช่นผลึกธาตุระดับต่ำจนไปถึงระดับสูง ผลึกอสูรสังกัดต่างๆที่มีระดับพลังเเตกต่างกัน รวมไปถึงอาวุธวิเศษที่ทำขึ้นด้วยวัสดุหายากเเละถูกกำกับด้วยบทเวทย์ที่ทรงพลังซึ่งหนิงอ้ายนั้นไม่จำเป็นต้องใช้บทเวทย์เนตรสวรรค์ตรวจสอบเสียด้วยซ้ำ



        ด้วยเพราะอาวุธวิเศษเเต่ละชิ้นนั้นได้มีการการแผ่พลังวิญญาณออกมาอ่อนๆถึงเเม้จะบางเบาเเค่ไหนเเต่ด้วยความที่ประสาทสัมผัสการรับรู้ของหนิงอ้ายได้เพิ่มขึ้นตามความถี่ในการใช้งานทักษะนี้ รวมไปถึงสามารถรับรู้ได้ตามระดับพลังวิญญาณที่เพิ่มขึ้น ส่วนทางด้านในสุดของร้านนี้นั้นมีเสียงตีเหล็กหรือเสียงของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้นพวกตนให้ได้ยินเบาๆซึ่งหนิงอ้ายสามารถคาดเดาได้ว่าคงเป็นจุดทำอาวุธดังกล่าวเอาเป็นว่าหลังจบงานประลองครั้งนี้เขาตั้งใจว่าจะสั่งทำอาวุธจากร้านนี้อย่างเเน่นอน



        ลู่ซีได้บอกเล่าให้หนิงอ้ายฟังว่า...สำหรับประเภทของอาวุธทั้งสองนั้นจะมีความเเตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์กันออกไปซึ่งสำหรับอาวุธทั่วไปนั้นจะถูกทำขึ้นมาจากเเร่เหล็กหรือเเร่ทองเเดงเสียเป็นส่วนใหญ่สำหรับความเเข็งเเกร่งทนทานรวมไปถึงสัดส่วนของน้ำหนักอาวุธประเภทนี้จะมีมากหรือน้อยย่อมขึ้นอยู่กับวัสดุหลักหรือวัสดุผสมของอาวุธ ซึ่งนับได้ว่าเป็นอาวุธที่มีผู้คนทั่วไปหรือชาวยุทธภพตั้งเเต่ที่ไม่มีกำลังทรัพย์ที่มากพอเท่าไหร่นักรวมไปถึงเหล่าคุณชายตระกูลต่างๆมักจะเลือกซื้ออาวุธประเภทนี้เป็นส่วนใหญ่เพราะมุ่งเน้นการใช้งานเเละราคาเป็นหลัก



        สำหรับอาวุธวิเศษนั้นจะทำขึ้นจากผลึกปราณธาตุต่างๆ อีกทั้งอาวุธวิเศษดังกล่าวนี้จะมีการลงกับบทเวทย์กำกับผูกขาดไว้เสมอในทุกชิ้นกล่าวคือหากอาวุธวิเศษชิ้นใดมีการผูกพันธะกับตัวเจ้าของเเล้วสำหรับผู้อื่นจะไม่สามารถใช้อาวุธวิเศษนั้นได้ซึ่งเหมือนกับว่าเพียงเเค่ถืออาวุธทั่วไปเพียงเท่านั้นไม่สามารถใช้พลังวิเศษของอาวุธเหล่านี้ได้



        อีกทั้งเชื่อกันว่าอาวุธวิเศษจะสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นในการผูกพันธะเช่นเดียวกับการมีอสูรรับใช้ ดังนั้นเเม้จะมีผู้ฝึกตนที่มีต้นกำเนิดเกิดจากตระกูลใหญ่ต่างๆ หรือเเม้กระทั่งเหล่าบรรดาองค์ชายเเละรวมไปถึงเชื้อสายของราชวงศ์จำนวนมากที่เเม้ว่าจะมีอาวุธวิเศษที่อยู่ในการครอบครองอยู่อย่างมากมายเเต่น้อยนักที่จะทำการเลือกผูกพันธะในทันทีด้วยเพราะเกรงว่าในอนาคตตนจะต้องเสียโอกาสในการครอบครองอาวุธวิเศษชิ้นอื่นนั่นเอง



ตอนต่อไป
บุปผากลางใจ จอมจักรพรรดิ 20

นิยายแนะนำ

นิยายแนะนำ

ความคิดเห็น

COMMENT

ปักหมุด

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited( Kawebook.com )

Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )
ที่อยู่ : 20 หมู่ที่ 6 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000
เวลาทำการ : 08 : 00 - 18 : 00 จันทร์ - เสาร์
e-mail : contact@kawebook.com

DMCA.com Protection Status

เริ่มต้นเผยแพร่ผลงาน

เริ่มต้นเป็นนักเขียนออนไลน์ เขียนเรื่องราวที่ประทับใจ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และแบ่งปันประสบการ์ดีๆ กับผู้คนทั่วโลก kawebook.com เป็นโอกาส เป็นสื่อกลาง และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสร้างรายได้ให้กับนักเขียนมืออาชีพ และนักเขียนมือสมัครเล่นจากทุกมุมโลก เพียงสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์เพื่อเขียนหนังสือ การ์ตูน หรืออัพโหลดอนิเมชั่น ที่เป็นผลงานของท่าน และเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา