เรื่อง ฟางเหม่ยหลิง เจ้าหัวใจจอมบัลลังก์
เช้าวันต่อมา
ไป๋เฉียนฉิงและจวินเถามาที่หน้าค่ายทหารและร้องขอเข้าพบองค์ชาย แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าไป พวกนางก็ไม่ยอมแพ้และมอบยาบำรุงมากมายส่งให้ทหาร ให้นำไปมอบให้กับองค์ชาย พวกนางถึงจะยอมกลับทั้งๆที่สภาพตัวเองก็ยังไม่หายดีเลย พวกนางก็ยังเป็นห่วงและมาหาองค์ชายแต่เช้า เพื่อแสดงให้องค์ชายเห็นว่าพวกนางนั้นรักพระองค์เพียงใด
เธอช่วยดูแลหลงเจี่ยนหยางมีหมอหลวงมาดูอาการตั้งแต่เช้า หลังจากที่ตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเธอมานอนอยู่บนเตียงแถมยังกอดเขาอยู่ด้วยเธอจึงรีบดีดตัวขึ้นอย่างไว และหวังว่าเขาจะไม่รู้ตัวเพราะเมื่อคือเธอจำได้แค่ว่ารู้สึกเมาจึงเดินกลับกระโจมแล้วต่อจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้
เนื่องจากองค์ชายและทหารหลายนายยังบาดเจ็บอยู่จึงจะพำนักที่นี่สักระยะจนกว่าอาการจะดีขึ้น แล้วถึงจะกลับเมืองหลวง เธอออกมาเดินเล่นในป่าหลังค่ายทหาร เพราะคิดว่าอาจจะได้สมุนไพรดีๆกลับติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง และก็เป็นอย่างที่คิดยิ่งเดินไปลึกก็ยิ่งได้สมุนไพรดีเธอจึงเก็บเอาใส่กำไลมิติของตัวเองไว้ เพราะถ้าเป็นสมุนไพร ผลไม้ ของสดเก็บไว้ในกำไลมิติมันก็จะไม่มีวันแห้งและเน่าเสีย ไม่ว่าจะใส่ไว้นานกี่วันก็ตาม เธออ่านเจอในตำราที่ได้นำมาศึกษาและได้ทำการทดลองดูแล้ว ผลก็เป็นไปตามตำราที่อ่าน ตอนนี้เธอนึกออกแล้วว่าจะกลับไปทำธุรกิจอะไรต่อ
''หลิงเอ๋อ''
จู่ๆก็มีมังกรขาวตัวเล็กบินเข้ามาเกาะที่ไหล่ของเธอ พร้อมทั้งเรียกชื่อเธอ
"มังกรขาว"
เธอรู้สึกงงๆ เพราะไม่เคยเห็นมังกรพูดได้
"ข้าเองเสี่ยวไป๋ไง"
มังกรพูดกับเธอ
"เดี่ยวนะ เสี่ยวไป๋จริงๆหรือ แต่ว่าเสี่ยวไป๋ตัวเป็นสีแดงและก็พูดไม่ได้นะ ต้องสื่อสารกันผ่านจิตเท่านั้น"
เธอจำได้ว่าเสี่ยวไป๋ของเธอตัวสีแดงไม่ใช่สีขาวแบบนี้ และก็พูดไม่ได้ด้วย แต่ที่เธอเห็นนี่คือปากน้อยๆของมังกรขยับตามการพูดดูแล้วอึ้งมาก
"ผลของการจำศีล ทำให้พลังของข้าได้เพิ่มขึ้นจนข้ามขั้นจากมังกรแดงเป็นมังกรขาวข้าไม่ต้องคุยผ่านจิตอีกแล้ว"
เสี่ยวไป๋อธิบาย หลังจากเขาบอกกับนางว่าจะขอไปจำศีลในถ้ำเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง เขาก็หายไปนานจนตอนนี้เขาเลื่อนขั้นสูงสุดแล้ว จึงได้กลับมาหานาง
"เป็นเจ้าจริงๆใช่ไหม ข้าคิดถึงเจ้ามากเลยนะ ในที่สุดเจ้าก็กลับมา เสี่ยวไป๋"
เธอดึงตัวเสี่ยวไป๋และโอบกอดเอาไว้ด้วยความคิดถึง
"ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน"
เสี่ยวไป๋เองก็รู้สึกแบบเดียว
"เจ้าดูงดงามจริงๆ และดูแข็งแกร่งขึ้นด้วย"
เธอมองดูตัวของเสี่ยวไป๋ที่เป็นสีขาวมุกดูงดงามแปลกตา
"ข้าจะทำอะไรให้เจ้าดู"
เสี่ยวไป๋ขยายตัวเองให้ใหญ่ขึ้น และก็พ่นไฟออกมา เปลวไฟที่ถูกพ่นออกมานั้นมีขนาดใหญ่มาก จนทำให้ป่าบริเวณนั้นถูกเผาราบเป็นหน้ากอง เธอมองดูแล้วอึ้งไปเลย เพราะอานุภาพทำลายล้างสูงมาก ถึงขนาดทำให้ป่าราบได้ขนาดนี้
"สุดยอดเลย"
"เป็นอย่างไงละ ฝีมือข้า เมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้นข้าเองก็แข็งแกร่งขึ้นเหมือนกัน"
เขาโอ้อวด
"เอ้ย!! แต่เดี่ยวนะ ไฟไหม้ป่าแล้วทำไงอะ"
เธอมองดูไฟที่เริ่มลามไปเรื่อยๆ
"ไม่รู้สิ"
เขาตอบ
"อ้าว"
เธอได้อึ้งกับคำตอบที่ได้จากเขา
"ข้าพ่นไฟได้แต่พ่นน้ำไม่ได้หรอกนะ"
เขาย่อตัวเล็กลงแล้วบินมาเกาะที่บ่าของเธอ
ยังจะมีหน้ามาพูดอีก ตอนนี้ไฟเริ่มลุกลามไปทั่วแล้ว ทหารหลายคนที่เห็นควันไฟจึงพากันมาดูเธอจึงให้พวกทหารเรียกทหารคนอื่นๆในค่ายมาช่วยกันดับไฟ ดีที่มีลำธารอยู่ไม่ไกลมากนัก เธอให้ทุกคนยืนเรียกแถวจากลำธารมาจนถึงที่ที่ไฟไหม้และลำเลียงน้ำส่งต่อกันมาเป็นทอดๆพวกเขาจึงสามารถสกัดไฟเอาไว้ได้ ถึงแม้จะทำให้ทุกคนเหนื่อยจนแทบหมดแรงก็ตาม
ทุกคนพากันเดินกลับมาพักที่ค่าย เธอเดินกลับเข้าไปในกระโจมเห็นว่าหลงเจี่ยนหยางนอนพักอยู่บนเตียง เห็นว่าเขาได้กินยาจากหมอหลวงแล้วหลับไป เธอดึงผ้าห่มคลุมให้เขา เธอกลัวจะทำให้เขาตื่นจึงได้แอบย่องออกมา
"เกือบเผาทำลายป่าจนวอดหมดแล้วรู้ไหม"
เธอพูดกับเสี่ยวไป๋ที่เกาะอยู่บนบ่าเธออย่างเกียจคร้าน
"นั่นอะไรนะ"
เสี่ยวไป๋มองตามสิ่งของที่กำลังถูกทหารเคลื่อนย้ายเอาไปไว้ในกระโจมหลังหนึ่ง
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน"
เธอเองก็สงสัยจึงเดินเข้าไปถามทหารนายหนึ่ง
"พวกนั้นคืออะไรหรือ"
เธอชี้ไปที่หีบที่เหล่าทหารกำลังทยอยขนเข้าไปในกระโจมไม่ขาดสาย
"เป็นของที่เก็บมาจากค่ายกบดานของพวกโจร น่าจะเป็นทรัพย์สมบัติที่ปล้นมา"
"แบบนี้นี่เอง น่าสนใจจัง"
เธอหันมาพูดกับเสี่ยวไป๋แบบยิ้มๆ
"แอบไปดูกัน"
เสี่ยวไป๋เองก็มีท่าทีสนใจเหมือนกัน
เธอรอจนพวกทหารขนของกันเสร็จแล้วจึงจะแอบเข้าไปในกระโจมแต่ก็มีทหารเฝ้าอยู่ไม่รู้จะทำอย่างไร เธอจึงเดินเข้าไปบอกกับทหารสองคนที่เฝ้าอยู่ ว่าเธอได้รับคำสั่งจากองค์ชายให้เข้าไปตรวจดูความเรียบร้อยข้างใน พวกทหารก็จำเธอได้เพราะเธอเองก็อยู่กับองค์ชายตลอดและยังไปช่วยปราบโจรด้วย พวกเขาจึงเชื่อและให้เธอเข้าไปได้ เธอดีใจและรีบเดินเข้าไปในกระโจม ก่อนจะรีบเอาเสี่ยวไป๋ที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อออกมาเกาะที่ไหล่
"โอ้โหมากมายถึงเพียงนี้"
เธอมองหีบไม้ที่วางเรียงรายอยู่หลายหีบ ก่อนจะเข้าไปเปิดดูของในหีบแต่ละหีบมีแก้วแหวนเงินทองเครื่องประดับอยู่มากมาย และมีของมีค่าอื่นๆเขาสัตว์หนังสัตว์อสูรหายาก ยาลูกกลอน เสื้อผ้าแพรพรรณราคาแพง เครื่องดนตรี อาวุธ เธอเปิดดูทีละหีบ ทีละหีบอย่าสนุกสนาน
"แสบตา"
อยู่ดีๆก็มีแสงสว่างวาบออกมาจากกล่องไม้เล็กๆยาวๆกล่องหนึ่ง เธอจึงเดินเข้าไปหามันและหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆเปิดออก ข้างในมีขลุ่ยไม้อยู่ เธอหยิบขลุ่ยขึ้นมาดูแล้วรู้สึกถูกใจมาก มันเป็นขลุ่ยไม้ที่ถูกทำอย่างปราณีตมีกลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวขลุ่ย เธอชอบมันมากจึงเอาขลุ่ยเก็บใส่กล่องไว้เหมือนเดิมและถือออกไปด้วย
"เจ้าชอบขลุ่ยนี้หรือ"
เสี่ยวไป๋ถามเพราะเห็นเธอมองมันไม่วางตา
"ใช่ชอบมาก ข้าจะขอกับองค์ชาย"
เธอกล่าวก่อนจะถือกล่องที่ใส่ขลุ่ยไว้และเดินไปที่กระโจม พอเธอเดินเข้าไปในกระโจมก็เห็นว่าเขากำลังนั่งเขียนอะไรอยู่ที่โต๊ะทำงาน เธอเดินเข้าไปหาและนั่งลงตรงข้ามเขา ก่อนจะวางกล่องลงที่โต๊ะ
"ไปไหนมา แล้วนี่อะไร"
เขาถามเธออย่างนุ่มนวล
"ไปกระโจมที่เก็บสมบัติโจรมาเพคะ แล้วนี่คือขลุ่ย"
เธอเปิดกล่องให้เขาดู
"เป็นขลุ่ยที่ดีทีเดียว"
เขามองมันอย่างชื่นชม
"หม่อมฉันขอขลุ่ยนี้ได้ไหมเพคะ องค์ชาย"
เธอพยายามทำสีหน้าออดอ้อน
"ได้สิ เจ้าอยากได้อะไรก็เอาไปเถอะ"
เขายิ้มให้เธอ
"ขอบพระทัยเพคะ"
เธอดีใจอย่างมาก จนลืมไปเลยตอนเดินมาเอาเสี่ยวไป๋ซ่อนไว้ในแขนเสื้อ แขนเสื้อสมัยนี้ก็กว้างๆเอาอะไรต่อมิอะไรซ่อนไว้ได้อย่างง่ายดาย เธออุ้มเสี่ยวไป๋ออกมาและวางลงบนโต๊ะ
"มังกรขาวนี่นา"
หลงเจี่ยนหยางมองอย่างงงๆ
"เสี่ยวไป๋เพคะ เขากลับมาแล้ว"
"อ้าว เสี่ยวไป๋ตัวเป็นสีแดงมิใช่หรือ"
เขายังจำได้แม่นว่ามังกรของนางตัวเป็นสีแดง
"ข้าเลื่อนขั้นแล้ว ตัวจึงเปลี่ยนเป็นสีขาว"
เสี่ยวไป๋ตอบหลงเจี่ยนหยาง
"เจ้าพูดได้"
เขาอึ้งมังกรพูดกับเขา
"ใช่ข้าพูดได้แล้ว"
"เป็นมังกรขาวที่หายากจริงๆ"
เขามองที่มันอย่างทึ่งๆ เพราะแค่มังกรแดงว่าหายากแล้ว มังกรขาวยิ่งหายากไปกันใหญ่
"ข้าไม่แน่ใจว่าโลกนี้ยังมีมังกรตัวอื่นนอกเหนือจากข้าหรือปล่าว"
เสี่ยวไป๋กล่าวเพราะตั้งแต่เล็กเขาก็ไม่เคยเห็นมังกรตัวอื่นเลย
"นั่นสินะ ถ้าเจ้าได้เจอพวกพ้องเผ่าเดียวกันกับเจ้าก็ดีสินะ"
เธอรู้สึกเห็นใจและอยากให้เขาได้เจอพวกเดียวกัน
ไม่กี่วันต่อมา องค์ชายก็รู้สึกดีขึ้นและเหล่าทหารก็พร้อมกลับบ้านแล้ว
"บอกให้ทุกคนเตรียมตัวเดินทางกลับเมืองหลวง"
"พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย"
จื่อฟงรีบไปแจ้งกับเหล่าทหารทุกคนให้เก็บข้าวของเพื่อกลับเมืองหลวง
ขบวนเดินทางขององค์ชายแปดนั้นยิ่งใหญ่มากมีทหารทหารเดินเท้าและขี่ม้ากับรถม้าอีกหลายคันที่บรรทุกของอยู่ เนื่องจากองค์ชายยังเจ็บแผลอยู่หมอหลวงจึงไม่ให้เขาขี่ม้าและให้นั่งรถม้ากลับแทน เธอซึ่งนั่งรถม้ามาคันเดียวกับเขาและมีเสี่ยวไป๋อยู่ด้วยต่างคุยกันสัพเพเหระอย่างสนุกสนานภายในรถ
การปราบโจรจนสำเร็จในครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านชาวเมืองที่อยู่ระหว่างทาง ที่ขบวนเดินทางขององค์ชายแปดผ่านต่างพากันคุกเข่าขอบคุณเขากันทั่วทุกที่ เป็นภาพที่ประทับใจมากเธอมองดูผู้คนผ่านหน้าต่างชาวบ้านต่างออกมาขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้ม และพากันสรรเสรฺิญเขาจนเสียงดังกังวานไปทั่ว สร้างความอิ่มเอมให้เธอเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้เธอก็ได้อยู่กับคนที่ทุกคนกำลังสรรเสริญอยู่ พลอยทำให้เธอมีความสุขไปด้วยเมื่อเห็นรอยยิ้มของผู้คน ที่เคยโดนโจรทำร้ายและบุกปล้น กลับมามีความสุขกันอีกครั้ง การแก้แค้นแทนทุกคนถือว่าสำเร็จ
เดินทางมานานทุกคนจึงหยุดพักกินข้าวกันและให้ม้าได้พักกินน้ำกินหญ้าด้วย เธอและเขาได้ปูผ้านั่งพักใต้ร่มไม้ใหญ่และกำลังกินอาหารกันอยู่ ซึ่งเหมือนกับกำลังมาปิคนิคเลย ซึ่งเธอเป็นคนออกความเห็นนี้ เพราะอยากนั่งชิลๆเย็นๆสบายๆ และนั่งกินข้าวใต้ร่มไม้ที่ร่มรื่น เธอให้เสี่ยวไป๋เข้าไปอยู่ในกำไลมิติพร้อมอาหารมากมายที่เธอส่งเอาไปให้เขาในกำไลมิติแล้วเขาคงกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่แน่เลย
"ถวายพระพรองค์ชาย"
ไป๋เฉียนฉิงที่ไม่รู้มาจากไหนเดินตรงเข้ามาหาองค์ชายทันที สงสัยคงจะแอบตามขบวนมาเช่นเคย
"องค์ชายเพคะ หายดีแล้วหรือเพคะ"
นางถือวิสาสะเข้ามานั่งตรงข้ามกับองค์ชาย
"........"
เขาไม่ตอบ
"หม่อมฉันขอกลับด้วยนะเพคะ"
"........"
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
"ใครอนุญาติให้เจ้านั่งตรงนี้"
เขาถามด้วยสีหน้าเย็นชา
"หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ"
ไป๋เฉียนฉิงรู้สึกกลัวสายตานั่นจึงรีบลุกขึ้นทันที นางเปลี่ยนไม่นั่งบนผ้า แต่ไปนั่งที่พื้นหญ้าแทนและยังส่งสายตาอาฆาตมาที่เธออีกด้วย เธอจึงกินข้าวต่อและแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น หลงเจี่ยนหยางเขาแกะเนื้อปลาย่างเอาก้างออกและเอามาใส่ในถ้วยให้เธอ เธอยิ้มดีใจเพราะขี้เกียจเอาก้างออกเลยไม่แตะปลาย่างเลย
"ถวายพระพรองค์ชายเพคะ"
จวินเถาที่เพิ่งมาถึงก็เข้ามาหาองค์ชายด้วยรอยยิ้มหวาน ในมือถือตระกร้ามาด้วย
"องค์ชายเพคะ หม่อมฉันทำน้ำแกงบำรุงร่างกายมาถวายให้องค์ชายเพคะ ถ้าพระองค์ได้กินน้ำแกงนี่ ต้องหายดีแน่เพคะ"
นางคุกเข่าลงตรงหน้าองค์ชายแปดและวางตระกร้าลงก่อนยกถ้วยน้ำแกงออกมาวางไว้ตรงหน้าองค์ชาย
"ลองชิมดูสิเพคะ หม่อมฉันทำเองเลยเพคะ"
จวินเถายิ้มอย่างมีความหวัง หวังว่าองค์ชายจะกินน้ำแกงของเธอ
แต่เขาก็ไม่แตะต้องน้ำแกงของนางเลยแม้แต่น้อยยังคงแกะปลาย่างให้เธออยู่
"ข้าไม่กิน เจ้าเอากลับไปกินเองเถอะ"
เขากล่าวแบบไม่แยแส
"ลุกออกไปได้แล้ว"
เขามองจวินเถาอย่างไม่พอใจ จวินเถาที่กำลังนั่งลงบนผ้า ก็ได้แต่ต้องลุกขึ้นและนางเห็นว่าไป๋เฉียนฉิงนั่งอยู่ที่พื้นหญ้า นางก็เลยนั่งลงที่พื้นหญ้าตามบ้าง นางจ้องมองไปที่ฟางเหม่ยหลิงอย่างโกรธแค้น
เธอมองดูทั้งสองคนที่ไม่ลดละความพยายามเลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นเธอโดนทำเย็นชาใส่แบบนี้ เธอคงจะไปและไม่เหลียวกลับมามองเลยละแต่เธอก็คงจะว่าพวกนางไม่ได้ เพราะว่าความรักมักทำให้คนตาบอดได้เสมอ
หลังจากกินข้าวกินปลาเสร็จก็ออกเดินทางต่อระหว่างทางเธอก็ชวนเขาดูนกดูไม้ไปทั่ว ตอนแรกจวินเถาและไป๋เฉียนฉิงจะขอนั่งรถม้าเดียวคันเดียวกับองค์ชายแต่ก็ถูกองค์ชายไล่ตะเพิดไป พวกนางเลยต้องกลับรถม้าของตัวเอง
ฟิ้ว!!
ปัก!!
ปักก!!
ลูกธนูที่เหมือนกับ-่าฝนพุ่งทะลุรถม้ามาหลายดอก ตอนนี้ขบวนขององค์ชายแปดถูกโจมตีเสียแล้ว เสียงเหล่าทหารกำลังสู้กับกลุ่มชายชุดดำที่ปิดหน้าปิดตาอย่างมิดชิด พวกมันยิงธนูใส่พวกทหาร และถือดาบวิ่งเข้ามาสังหารทหาร การต่อสู้ระหว่างทหารและกลุ่มชายชุดดำจึงเริ่มขึ้น เธอกับหลงเจี่ยนหยางจึงออกจากรถม้าและเข้าไปต่อสู้กับพวกมัน พวกชายชุดดำหลายคนพอเห็นหลงเจี่ยนหยางก็กรูกันเข้ามารุมเขาทันที นี่มันแสดงให้เห็นว่าเป้าหมายก็คือหลงเจี่ยนหยาง เธอคิดว่าเพราะอะไรกันเขาจึงตกเป็นเป้าหมาย และในที่สุดก็คิดออกเพราะหลงเจี่ยนหยางปราบโจรที่ไม่มีใครปราบได้สำเร็จและกลับไปเขาคงจะได้ความดีความชอบเป็นอย่างมาก มีบางคนไม่พอใจและไม่อยากให้เขากลับไปถึงเมืองหลวงได้ ความชอบครั้งนี้อาจทำให้เขาเข้าใกล้ตำแหน่งองค์รัชทายาทมากยิ่งขึ้น และคนที่จะเสียผลประโยชน์ตอนนี้ก็มีแค่องค์ชายสี่ ต้องเป็นเขาแน่ที่ส่งคนมาฆ่าหลงเจี่ยนหยาง
เธอหยิบดาบที่ตกพื้นของทหารที่ตายแล้วขึ้นมา ก่อนจะเข้าฟาดฟันชายชุดดำจนล้มตายหลายคน ก่อนจะมีชายชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งยิงธนูไปที่หลงเจี่ยนหยาง เธอใช้ดาบกวัดแกว่งและฟันธนูไม่ให้ไปถึงหลงเจี่ยนหยางได้ และพลิ้วตัวทะยานขึ้นฟ้าก่อนจะลงมาอยู่ด้านหลังของพวกชายชุดดำ และฟันพวกมันจากด้านหลัง พวกมันพยายามต่อสู้แต่ดูเหมือนเธอจะเก่งกว่าและเอาชนะพวกมันได้
จื่อฟงกำลังสู้ติดพันอยู่กับทหารชุดดำหลายคนเธอจึงเข้าไปช่วยเสริม เธอเตะเท้าที่พื้นจนตัวลอยขึ้นและหมุนตัวกลางอากาศใช้สองเท้าถีบไปที่อกของชายชุดดำสองคน พวกมันถอยหลังไปหลายก้าวจนเกือบล้มแต่ก็ตั้งตัวได้และเข้ามารุมเธอฟันดาบลงมาอย่างแรงเธอใช้มือจับดาบและสกัดเอาไว้ได้ทัน แต่รับสองดาบไม่ไหวเธอจึงใช้เท้าถีบมันคนหนึ่งจนมันถอยหลังและพลิกตัวฟันคอของของอีกคนหนึ่งได้สำเร็จชายชุดดำที่โดนถีบพุ่งกลับเข้ามาและฟันเธอที่ท้องแต่เธอก็เอี้ยวตัวหลบทันดีที่เอวอ่อนเพราะนอกจากจะฝึกวรยุทธ์และต้องฝึกใช้อาวุธทุกประเภทแล้ว เธอยังต้องฝึกร่ายรำอีก จึงทำให้เธอพลิ้วตัวหลบอาวุธได้เพราะว่าผลจากการฝึกร่ายรำทำให้เธอตัวอ่อน เธอจึงนำมันมาประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ซะเลย แล้วดูเหมือนมันจะได้ผลดีเสียด้วย เพราะชายชุดดำคนนี้เริ่มหัวเสียแล้วที่ฟันเธอไม่โดนสักที แต่เธอกับฟันโดนมันอย่างจัง จนมันนอนแน่นิ่งไป จื่อฟงเองก็ดูเหมือนจะจัดการเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน
ไป๋เฉียนฉิงกับจวินเถาพยายามสู้กับชายชุดดำและพยายามปกป้ององค์ชายไม่ให้ชายชุดดำไปทำร้ายองค์ชายได้ แต่ก็มีชายชุดดำที่เก่งกว่าพวกนางผ่านไปถึงตัวองค์ชายได้และกำลังสู้อยู่กับองค์ชาย พวกนางไม่รีรอและรีบเข้าไปช่วยแต่ก็ถูกชายชุดดำกลุ่มนั้นทำร้ายจนทั้งสองลงไปกลิ้งคลุกฝุ่นที่พื้นพร้อมทั้งมีแผลจากการถูกฟันที่แขน วรยุทธ์ของพวกนางสู้ชายชุดดำกลุ่มนั้นไม่ได้
เธอบอกให้เสี่ยวไป๋ไม่ต้องออกมาช่วยเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเธอมีมังกร เธอเห็นว่าไป๋เฉียนฉิงและจวินเถาต่างหมดสภาพนอนกลิ้งอยู่ที่พื้น และเห็นว่าชายชุดดำกลุ่มนั้นที่กำลังเข้าไปรุมหลงเจี่ยนหยาง น่าจะเป็นผู้มีฝีมือเธอเองก็คงสู้ไม่ไหวเหมือนกัน ถ้าไปสู้อาจจะได้มานอนอยู่กับไป๋เฉียนฉิงและจวินเถาเป็นแน่ แต่เธอก็มั่นใจว่าเขาต้องชนะ และไม่นานเธอก็เห็นว่าหัวหน้าทหารที่มียศสูงสองคนเข้าไปช่วยต่อสู้ด้วยและพวกเขาก็มีวรยุทธ์ที่สูงเหนือกว่าเธอ ไม่นานพวกเขาสามคนก็ล้มพวกมันลงได้หลงเจี่ยนหยางและหัวหน้าทหารสองคนไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่นิด ตอนนี้เธอคิดว่าพวกเขาคือยอดมนุษย์
"ข้าคนเดียวก็จัดการได้"
เขาพูดกับหัวหน้าทหารทั้งสองคน
"พวกกระหม่อมต้องคอยปกป้ององค์ชายพ่ะย่ะค่ะ"
หัวหน้าทหารคนหนึ่งพูดขึ้น
"องค์ชายคุณหนูไป๋เฉียนฉิงกับคุณหนูจวินเถาบาดเจ็บพ่ะย่ะค่ะ"
จื่อฟงรายงาน เพราะเขาเห็นว่าทั้งสองคนพยายามช่วยเหลือองค์ชายของเขา จื่อฟงจึงเห็นใจ
"ให้หมอหลวงไปรักษา"
เขาบอกจื่อฟง ก่อนจะเดินมาหาเธอ
"ดื่มน้ำก่อนเพคะ"
เธอยื่นถุงหนังที่ใส่น้ำไว้เต็มให้เขา เขารับและยกขึ้นดื่ม เธอเห็นว่ามีเลือดซึมออกจากแผลของเขาจึงได้พาเขาไปนั่งและทำแผลให้
"คงมีคนอิจฉาพระองค์และอยากให้พระองค์กลับไปไม่ถึงเมืองหลวง ซึ่งก็มีอยู่แค่คนเดียว"
เธอกล่าวในขณะที่กำลังทำแผลให้
"ไม่มีใครฆ่าข้าได้ ข้าเก่งกว่าที่เจ้าคิด"
เขากล่าว
"หรือเพคะ แล้วแผลที่แขนนี่คืออะไร"
"ข้าแค่อยากให้หลี่หมิงมันลำพองใจว่าฟันข้าได้มันจะได้ประมาท ข้าเลยจงใจให้มันฟัน"
"ออ แบบนี้นี่เอง"
"แล้วข้าก็อยากให้เจ้าคอยดูแลด้วย แบบตอนนี้ไงที่เจ้าเป็นห่วงข้า"
"จะดูแลตลอดไปเลยเพคะ"
เธอยิ้มให้เขา
"เจ้าพูดจริงหรือ"
"แน่นอนเพคะ"
"ขอบใจเจ้ามากที่ยอมอยู่ข้างๆข้า"
"เพคะ"
เขายื่นมือมาจับมือของเธอและพาเธอเดินกลับเข้าไปในรถม้า เพื่อออกเดินทางต่อ
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??