เรื่อง ฟางเหม่ยหลิง เจ้าหัวใจจอมบัลลังก์

ติดตาม
ตอนที่53 มังกรขาว
  • ปรับสีและขนาดตัวอักษร


เช้าวันต่อมา


 

ไป๋เฉียนฉิงและจวินเถามาที่หน้าค่ายทหารและร้องขอเข้าพบองค์ชาย แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาติให้เข้าไป พวกนางก็ไม่ยอมแพ้และมอบยาบำรุงมากมายส่งให้ทหาร ให้นำไปมอบให้กับองค์ชาย พวกนางถึงจะยอมกลับทั้งๆที่สภาพตัวเองก็ยังไม่หายดีเลย พวกนางก็ยังเป็นห่วงและมาหาองค์ชายแต่เช้า เพื่อแสดงให้องค์ชายเห็นว่าพวกนางนั้นรักพระองค์เพียงใด


 

เธอช่วยดูแลหลงเจี่ยนหยางมีหมอหลวงมาดูอาการตั้งแต่เช้า หลังจากที่ตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเธอมานอนอยู่บนเตียงแถมยังกอดเขาอยู่ด้วยเธอจึงรีบดีดตัวขึ้นอย่างไว และหวังว่าเขาจะไม่รู้ตัวเพราะเมื่อคือเธอจำได้แค่ว่ารู้สึกเมาจึงเดินกลับกระโจมแล้วต่อจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้


 

เนื่องจากองค์ชายและทหารหลายนายยังบาดเจ็บอยู่จึงจะพำนักที่นี่สักระยะจนกว่าอาการจะดีขึ้น แล้วถึงจะกลับเมืองหลวง เธอออกมาเดินเล่นในป่าหลังค่ายทหาร เพราะคิดว่าอาจจะได้สมุนไพรดีๆกลับติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง และก็เป็นอย่างที่คิดยิ่งเดินไปลึกก็ยิ่งได้สมุนไพรดีเธอจึงเก็บเอาใส่กำไลมิติของตัวเองไว้ เพราะถ้าเป็นสมุนไพร ผลไม้ ของสดเก็บไว้ในกำไลมิติมันก็จะไม่มีวันแห้งและเน่าเสีย ไม่ว่าจะใส่ไว้นานกี่วันก็ตาม เธออ่านเจอในตำราที่ได้นำมาศึกษาและได้ทำการทดลองดูแล้ว ผลก็เป็นไปตามตำราที่อ่าน ตอนนี้เธอนึกออกแล้วว่าจะกลับไปทำธุรกิจอะไรต่อ 


 

''หลิงเอ๋อ''


 

จู่ๆก็มีมังกรขาวตัวเล็กบินเข้ามาเกาะที่ไหล่ของเธอ พร้อมทั้งเรียกชื่อเธอ


 

"มังกรขาว"


 

เธอรู้สึกงงๆ เพราะไม่เคยเห็นมังกรพูดได้


 

"ข้าเองเสี่ยวไป๋ไง"


 

มังกรพูดกับเธอ


 

"เดี่ยวนะ เสี่ยวไป๋จริงๆหรือ แต่ว่าเสี่ยวไป๋ตัวเป็นสีแดงและก็พูดไม่ได้นะ ต้องสื่อสารกันผ่านจิตเท่านั้น"


 

เธอจำได้ว่าเสี่ยวไป๋ของเธอตัวสีแดงไม่ใช่สีขาวแบบนี้ และก็พูดไม่ได้ด้วย แต่ที่เธอเห็นนี่คือปากน้อยๆของมังกรขยับตามการพูดดูแล้วอึ้งมาก


 

"ผลของการจำศีล ทำให้พลังของข้าได้เพิ่มขึ้นจนข้ามขั้นจากมังกรแดงเป็นมังกรขาวข้าไม่ต้องคุยผ่านจิตอีกแล้ว"


 

เสี่ยวไป๋อธิบาย หลังจากเขาบอกกับนางว่าจะขอไปจำศีลในถ้ำเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง เขาก็หายไปนานจนตอนนี้เขาเลื่อนขั้นสูงสุดแล้ว จึงได้กลับมาหานาง


 

"เป็นเจ้าจริงๆใช่ไหม ข้าคิดถึงเจ้ามากเลยนะ ในที่สุดเจ้าก็กลับมา เสี่ยวไป๋"


 

เธอดึงตัวเสี่ยวไป๋และโอบกอดเอาไว้ด้วยความคิดถึง 


 

"ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน"


 

เสี่ยวไป๋เองก็รู้สึกแบบเดียว


 

"เจ้าดูงดงามจริงๆ และดูแข็งแกร่งขึ้นด้วย"


 

เธอมองดูตัวของเสี่ยวไป๋ที่เป็นสีขาวมุกดูงดงามแปลกตา


 

"ข้าจะทำอะไรให้เจ้าดู"


 

เสี่ยวไป๋ขยายตัวเองให้ใหญ่ขึ้น และก็พ่นไฟออกมา เปลวไฟที่ถูกพ่นออกมานั้นมีขนาดใหญ่มาก จนทำให้ป่าบริเวณนั้นถูกเผาราบเป็นหน้ากอง เธอมองดูแล้วอึ้งไปเลย เพราะอานุภาพทำลายล้างสูงมาก ถึงขนาดทำให้ป่าราบได้ขนาดนี้


 

"สุดยอดเลย"


 

"เป็นอย่างไงละ ฝีมือข้า เมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้นข้าเองก็แข็งแกร่งขึ้นเหมือนกัน"


 

เขาโอ้อวด


 

"เอ้ย!! แต่เดี่ยวนะ ไฟไหม้ป่าแล้วทำไงอะ"


 

เธอมองดูไฟที่เริ่มลามไปเรื่อยๆ


 

"ไม่รู้สิ"


 

เขาตอบ


 

"อ้าว"


 

เธอได้อึ้งกับคำตอบที่ได้จากเขา


 

"ข้าพ่นไฟได้แต่พ่นน้ำไม่ได้หรอกนะ"


 

เขาย่อตัวเล็กลงแล้วบินมาเกาะที่บ่าของเธอ 


 

ยังจะมีหน้ามาพูดอีก ตอนนี้ไฟเริ่มลุกลามไปทั่วแล้ว ทหารหลายคนที่เห็นควันไฟจึงพากันมาดูเธอจึงให้พวกทหารเรียกทหารคนอื่นๆในค่ายมาช่วยกันดับไฟ ดีที่มีลำธารอยู่ไม่ไกลมากนัก เธอให้ทุกคนยืนเรียกแถวจากลำธารมาจนถึงที่ที่ไฟไหม้และลำเลียงน้ำส่งต่อกันมาเป็นทอดๆพวกเขาจึงสามารถสกัดไฟเอาไว้ได้ ถึงแม้จะทำให้ทุกคนเหนื่อยจนแทบหมดแรงก็ตาม 


 

ทุกคนพากันเดินกลับมาพักที่ค่าย เธอเดินกลับเข้าไปในกระโจมเห็นว่าหลงเจี่ยนหยางนอนพักอยู่บนเตียง เห็นว่าเขาได้กินยาจากหมอหลวงแล้วหลับไป เธอดึงผ้าห่มคลุมให้เขา เธอกลัวจะทำให้เขาตื่นจึงได้แอบย่องออกมา


 

"เกือบเผาทำลายป่าจนวอดหมดแล้วรู้ไหม" 


 

เธอพูดกับเสี่ยวไป๋ที่เกาะอยู่บนบ่าเธออย่างเกียจคร้าน


 

"นั่นอะไรนะ"


 

เสี่ยวไป๋มองตามสิ่งของที่กำลังถูกทหารเคลื่อนย้ายเอาไปไว้ในกระโจมหลังหนึ่ง


 

"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน"


 

เธอเองก็สงสัยจึงเดินเข้าไปถามทหารนายหนึ่ง


 

"พวกนั้นคืออะไรหรือ"


 

เธอชี้ไปที่หีบที่เหล่าทหารกำลังทยอยขนเข้าไปในกระโจมไม่ขาดสาย


 

"เป็นของที่เก็บมาจากค่ายกบดานของพวกโจร น่าจะเป็นทรัพย์สมบัติที่ปล้นมา"


 

"แบบนี้นี่เอง น่าสนใจจัง"


 

เธอหันมาพูดกับเสี่ยวไป๋แบบยิ้มๆ


 

"แอบไปดูกัน"


 

เสี่ยวไป๋เองก็มีท่าทีสนใจเหมือนกัน


 

เธอรอจนพวกทหารขนของกันเสร็จแล้วจึงจะแอบเข้าไปในกระโจมแต่ก็มีทหารเฝ้าอยู่ไม่รู้จะทำอย่างไร เธอจึงเดินเข้าไปบอกกับทหารสองคนที่เฝ้าอยู่ ว่าเธอได้รับคำสั่งจากองค์ชายให้เข้าไปตรวจดูความเรียบร้อยข้างใน พวกทหารก็จำเธอได้เพราะเธอเองก็อยู่กับองค์ชายตลอดและยังไปช่วยปราบโจรด้วย พวกเขาจึงเชื่อและให้เธอเข้าไปได้ เธอดีใจและรีบเดินเข้าไปในกระโจม ก่อนจะรีบเอาเสี่ยวไป๋ที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อออกมาเกาะที่ไหล่


 

"โอ้โหมากมายถึงเพียงนี้"


 

เธอมองหีบไม้ที่วางเรียงรายอยู่หลายหีบ ก่อนจะเข้าไปเปิดดูของในหีบแต่ละหีบมีแก้วแหวนเงินทองเครื่องประดับอยู่มากมาย และมีของมีค่าอื่นๆเขาสัตว์หนังสัตว์อสูรหายาก ยาลูกกลอน เสื้อผ้าแพรพรรณราคาแพง เครื่องดนตรี อาวุธ เธอเปิดดูทีละหีบ ทีละหีบอย่าสนุกสนาน


 

"แสบตา"


 

อยู่ดีๆก็มีแสงสว่างวาบออกมาจากกล่องไม้เล็กๆยาวๆกล่องหนึ่ง เธอจึงเดินเข้าไปหามันและหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆเปิดออก ข้างในมีขลุ่ยไม้อยู่ เธอหยิบขลุ่ยขึ้นมาดูแล้วรู้สึกถูกใจมาก มันเป็นขลุ่ยไม้ที่ถูกทำอย่างปราณีตมีกลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวขลุ่ย เธอชอบมันมากจึงเอาขลุ่ยเก็บใส่กล่องไว้เหมือนเดิมและถือออกไปด้วย


 

"เจ้าชอบขลุ่ยนี้หรือ"


 

เสี่ยวไป๋ถามเพราะเห็นเธอมองมันไม่วางตา


 

"ใช่ชอบมาก ข้าจะขอกับองค์ชาย"


 

เธอกล่าวก่อนจะถือกล่องที่ใส่ขลุ่ยไว้และเดินไปที่กระโจม พอเธอเดินเข้าไปในกระโจมก็เห็นว่าเขากำลังนั่งเขียนอะไรอยู่ที่โต๊ะทำงาน เธอเดินเข้าไปหาและนั่งลงตรงข้ามเขา ก่อนจะวางกล่องลงที่โต๊ะ


 

"ไปไหนมา แล้วนี่อะไร"


 

เขาถามเธออย่างนุ่มนวล


 

"ไปกระโจมที่เก็บสมบัติโจรมาเพคะ แล้วนี่คือขลุ่ย"


 

เธอเปิดกล่องให้เขาดู


 

"เป็นขลุ่ยที่ดีทีเดียว"


 

เขามองมันอย่างชื่นชม


 

"หม่อมฉันขอขลุ่ยนี้ได้ไหมเพคะ องค์ชาย"


 

เธอพยายามทำสีหน้าออดอ้อน


 

"ได้สิ เจ้าอยากได้อะไรก็เอาไปเถอะ"


 

เขายิ้มให้เธอ


 

"ขอบพระทัยเพคะ"


 

เธอดีใจอย่างมาก จนลืมไปเลยตอนเดินมาเอาเสี่ยวไป๋ซ่อนไว้ในแขนเสื้อ แขนเสื้อสมัยนี้ก็กว้างๆเอาอะไรต่อมิอะไรซ่อนไว้ได้อย่างง่ายดาย เธออุ้มเสี่ยวไป๋ออกมาและวางลงบนโต๊ะ


 

"มังกรขาวนี่นา"


 

หลงเจี่ยนหยางมองอย่างงงๆ


 

"เสี่ยวไป๋เพคะ เขากลับมาแล้ว"


 

"อ้าว เสี่ยวไป๋ตัวเป็นสีแดงมิใช่หรือ"


 

เขายังจำได้แม่นว่ามังกรของนางตัวเป็นสีแดง


 

"ข้าเลื่อนขั้นแล้ว ตัวจึงเปลี่ยนเป็นสีขาว"


 

เสี่ยวไป๋ตอบหลงเจี่ยนหยาง


 

"เจ้าพูดได้"


 

เขาอึ้งมังกรพูดกับเขา


 

"ใช่ข้าพูดได้แล้ว"


 

"เป็นมังกรขาวที่หายากจริงๆ"


 

เขามองที่มันอย่างทึ่งๆ เพราะแค่มังกรแดงว่าหายากแล้ว มังกรขาวยิ่งหายากไปกันใหญ่


 

"ข้าไม่แน่ใจว่าโลกนี้ยังมีมังกรตัวอื่นนอกเหนือจากข้าหรือปล่าว"


 

เสี่ยวไป๋กล่าวเพราะตั้งแต่เล็กเขาก็ไม่เคยเห็นมังกรตัวอื่นเลย


 

"นั่นสินะ ถ้าเจ้าได้เจอพวกพ้องเผ่าเดียวกันกับเจ้าก็ดีสินะ"


 

เธอรู้สึกเห็นใจและอยากให้เขาได้เจอพวกเดียวกัน


 


 

ไม่กี่วันต่อมา องค์ชายก็รู้สึกดีขึ้นและเหล่าทหารก็พร้อมกลับบ้านแล้ว


 

"บอกให้ทุกคนเตรียมตัวเดินทางกลับเมืองหลวง"


 

"พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย"


 

จื่อฟงรีบไปแจ้งกับเหล่าทหารทุกคนให้เก็บข้าวของเพื่อกลับเมืองหลวง


 

ขบวนเดินทางขององค์ชายแปดนั้นยิ่งใหญ่มากมีทหารทหารเดินเท้าและขี่ม้ากับรถม้าอีกหลายคันที่บรรทุกของอยู่ เนื่องจากองค์ชายยังเจ็บแผลอยู่หมอหลวงจึงไม่ให้เขาขี่ม้าและให้นั่งรถม้ากลับแทน เธอซึ่งนั่งรถม้ามาคันเดียวกับเขาและมีเสี่ยวไป๋อยู่ด้วยต่างคุยกันสัพเพเหระอย่างสนุกสนานภายในรถ


 

การปราบโจรจนสำเร็จในครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านชาวเมืองที่อยู่ระหว่างทาง ที่ขบวนเดินทางขององค์ชายแปดผ่านต่างพากันคุกเข่าขอบคุณเขากันทั่วทุกที่ เป็นภาพที่ประทับใจมากเธอมองดูผู้คนผ่านหน้าต่างชาวบ้านต่างออกมาขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้ม และพากันสรรเสรฺิญเขาจนเสียงดังกังวานไปทั่ว สร้างความอิ่มเอมให้เธอเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้เธอก็ได้อยู่กับคนที่ทุกคนกำลังสรรเสริญอยู่ พลอยทำให้เธอมีความสุขไปด้วยเมื่อเห็นรอยยิ้มของผู้คน ที่เคยโดนโจรทำร้ายและบุกปล้น กลับมามีความสุขกันอีกครั้ง การแก้แค้นแทนทุกคนถือว่าสำเร็จ


 

เดินทางมานานทุกคนจึงหยุดพักกินข้าวกันและให้ม้าได้พักกินน้ำกินหญ้าด้วย เธอและเขาได้ปูผ้านั่งพักใต้ร่มไม้ใหญ่และกำลังกินอาหารกันอยู่ ซึ่งเหมือนกับกำลังมาปิคนิคเลย ซึ่งเธอเป็นคนออกความเห็นนี้ เพราะอยากนั่งชิลๆเย็นๆสบายๆ และนั่งกินข้าวใต้ร่มไม้ที่ร่มรื่น เธอให้เสี่ยวไป๋เข้าไปอยู่ในกำไลมิติพร้อมอาหารมากมายที่เธอส่งเอาไปให้เขาในกำไลมิติแล้วเขาคงกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่แน่เลย


 

"ถวายพระพรองค์ชาย"


 

ไป๋เฉียนฉิงที่ไม่รู้มาจากไหนเดินตรงเข้ามาหาองค์ชายทันที สงสัยคงจะแอบตามขบวนมาเช่นเคย


 

"องค์ชายเพคะ หายดีแล้วหรือเพคะ"


 

นางถือวิสาสะเข้ามานั่งตรงข้ามกับองค์ชาย


 

"........"


 

เขาไม่ตอบ


 

"หม่อมฉันขอกลับด้วยนะเพคะ"


 

"........"


 

ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก


 

"ใครอนุญาติให้เจ้านั่งตรงนี้"


 

เขาถามด้วยสีหน้าเย็นชา


 

"หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ"


 

ไป๋เฉียนฉิงรู้สึกกลัวสายตานั่นจึงรีบลุกขึ้นทันที นางเปลี่ยนไม่นั่งบนผ้า แต่ไปนั่งที่พื้นหญ้าแทนและยังส่งสายตาอาฆาตมาที่เธออีกด้วย เธอจึงกินข้าวต่อและแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น หลงเจี่ยนหยางเขาแกะเนื้อปลาย่างเอาก้างออกและเอามาใส่ในถ้วยให้เธอ เธอยิ้มดีใจเพราะขี้เกียจเอาก้างออกเลยไม่แตะปลาย่างเลย 


 

"ถวายพระพรองค์ชายเพคะ"


 

จวินเถาที่เพิ่งมาถึงก็เข้ามาหาองค์ชายด้วยรอยยิ้มหวาน ในมือถือตระกร้ามาด้วย


 

"องค์ชายเพคะ หม่อมฉันทำน้ำแกงบำรุงร่างกายมาถวายให้องค์ชายเพคะ ถ้าพระองค์ได้กินน้ำแกงนี่ ต้องหายดีแน่เพคะ"


 

นางคุกเข่าลงตรงหน้าองค์ชายแปดและวางตระกร้าลงก่อนยกถ้วยน้ำแกงออกมาวางไว้ตรงหน้าองค์ชาย 


 

"ลองชิมดูสิเพคะ หม่อมฉันทำเองเลยเพคะ"


 

จวินเถายิ้มอย่างมีความหวัง หวังว่าองค์ชายจะกินน้ำแกงของเธอ


 

แต่เขาก็ไม่แตะต้องน้ำแกงของนางเลยแม้แต่น้อยยังคงแกะปลาย่างให้เธออยู่


 

"ข้าไม่กิน เจ้าเอากลับไปกินเองเถอะ"


 

เขากล่าวแบบไม่แยแส


 

"ลุกออกไปได้แล้ว"


 

เขามองจวินเถาอย่างไม่พอใจ จวินเถาที่กำลังนั่งลงบนผ้า ก็ได้แต่ต้องลุกขึ้นและนางเห็นว่าไป๋เฉียนฉิงนั่งอยู่ที่พื้นหญ้า นางก็เลยนั่งลงที่พื้นหญ้าตามบ้าง นางจ้องมองไปที่ฟางเหม่ยหลิงอย่างโกรธแค้น 


 

เธอมองดูทั้งสองคนที่ไม่ลดละความพยายามเลยแม้แต่น้อย ถ้าเป็นเธอโดนทำเย็นชาใส่แบบนี้ เธอคงจะไปและไม่เหลียวกลับมามองเลยละแต่เธอก็คงจะว่าพวกนางไม่ได้ เพราะว่าความรักมักทำให้คนตาบอดได้เสมอ


 

หลังจากกินข้าวกินปลาเสร็จก็ออกเดินทางต่อระหว่างทางเธอก็ชวนเขาดูนกดูไม้ไปทั่ว ตอนแรกจวินเถาและไป๋เฉียนฉิงจะขอนั่งรถม้าเดียวคันเดียวกับองค์ชายแต่ก็ถูกองค์ชายไล่ตะเพิดไป พวกนางเลยต้องกลับรถม้าของตัวเอง


 


 

ฟิ้ว!! 


 

ปัก!! 


 

ปักก!!


 

ลูกธนูที่เหมือนกับ-่าฝนพุ่งทะลุรถม้ามาหลายดอก ตอนนี้ขบวนขององค์ชายแปดถูกโจมตีเสียแล้ว เสียงเหล่าทหารกำลังสู้กับกลุ่มชายชุดดำที่ปิดหน้าปิดตาอย่างมิดชิด พวกมันยิงธนูใส่พวกทหาร และถือดาบวิ่งเข้ามาสังหารทหาร การต่อสู้ระหว่างทหารและกลุ่มชายชุดดำจึงเริ่มขึ้น เธอกับหลงเจี่ยนหยางจึงออกจากรถม้าและเข้าไปต่อสู้กับพวกมัน พวกชายชุดดำหลายคนพอเห็นหลงเจี่ยนหยางก็กรูกันเข้ามารุมเขาทันที นี่มันแสดงให้เห็นว่าเป้าหมายก็คือหลงเจี่ยนหยาง เธอคิดว่าเพราะอะไรกันเขาจึงตกเป็นเป้าหมาย และในที่สุดก็คิดออกเพราะหลงเจี่ยนหยางปราบโจรที่ไม่มีใครปราบได้สำเร็จและกลับไปเขาคงจะได้ความดีความชอบเป็นอย่างมาก มีบางคนไม่พอใจและไม่อยากให้เขากลับไปถึงเมืองหลวงได้ ความชอบครั้งนี้อาจทำให้เขาเข้าใกล้ตำแหน่งองค์รัชทายาทมากยิ่งขึ้น และคนที่จะเสียผลประโยชน์ตอนนี้ก็มีแค่องค์ชายสี่ ต้องเป็นเขาแน่ที่ส่งคนมาฆ่าหลงเจี่ยนหยาง 


 

เธอหยิบดาบที่ตกพื้นของทหารที่ตายแล้วขึ้นมา ก่อนจะเข้าฟาดฟันชายชุดดำจนล้มตายหลายคน ก่อนจะมีชายชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งยิงธนูไปที่หลงเจี่ยนหยาง เธอใช้ดาบกวัดแกว่งและฟันธนูไม่ให้ไปถึงหลงเจี่ยนหยางได้ และพลิ้วตัวทะยานขึ้นฟ้าก่อนจะลงมาอยู่ด้านหลังของพวกชายชุดดำ และฟันพวกมันจากด้านหลัง พวกมันพยายามต่อสู้แต่ดูเหมือนเธอจะเก่งกว่าและเอาชนะพวกมันได้ 


 

จื่อฟงกำลังสู้ติดพันอยู่กับทหารชุดดำหลายคนเธอจึงเข้าไปช่วยเสริม เธอเตะเท้าที่พื้นจนตัวลอยขึ้นและหมุนตัวกลางอากาศใช้สองเท้าถีบไปที่อกของชายชุดดำสองคน พวกมันถอยหลังไปหลายก้าวจนเกือบล้มแต่ก็ตั้งตัวได้และเข้ามารุมเธอฟันดาบลงมาอย่างแรงเธอใช้มือจับดาบและสกัดเอาไว้ได้ทัน แต่รับสองดาบไม่ไหวเธอจึงใช้เท้าถีบมันคนหนึ่งจนมันถอยหลังและพลิกตัวฟันคอของของอีกคนหนึ่งได้สำเร็จชายชุดดำที่โดนถีบพุ่งกลับเข้ามาและฟันเธอที่ท้องแต่เธอก็เอี้ยวตัวหลบทันดีที่เอวอ่อนเพราะนอกจากจะฝึกวรยุทธ์และต้องฝึกใช้อาวุธทุกประเภทแล้ว เธอยังต้องฝึกร่ายรำอีก จึงทำให้เธอพลิ้วตัวหลบอาวุธได้เพราะว่าผลจากการฝึกร่ายรำทำให้เธอตัวอ่อน เธอจึงนำมันมาประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ซะเลย แล้วดูเหมือนมันจะได้ผลดีเสียด้วย เพราะชายชุดดำคนนี้เริ่มหัวเสียแล้วที่ฟันเธอไม่โดนสักที แต่เธอกับฟันโดนมันอย่างจัง จนมันนอนแน่นิ่งไป จื่อฟงเองก็ดูเหมือนจะจัดการเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน


 

ไป๋เฉียนฉิงกับจวินเถาพยายามสู้กับชายชุดดำและพยายามปกป้ององค์ชายไม่ให้ชายชุดดำไปทำร้ายองค์ชายได้ แต่ก็มีชายชุดดำที่เก่งกว่าพวกนางผ่านไปถึงตัวองค์ชายได้และกำลังสู้อยู่กับองค์ชาย พวกนางไม่รีรอและรีบเข้าไปช่วยแต่ก็ถูกชายชุดดำกลุ่มนั้นทำร้ายจนทั้งสองลงไปกลิ้งคลุกฝุ่นที่พื้นพร้อมทั้งมีแผลจากการถูกฟันที่แขน วรยุทธ์ของพวกนางสู้ชายชุดดำกลุ่มนั้นไม่ได้ 


 

เธอบอกให้เสี่ยวไป๋ไม่ต้องออกมาช่วยเพราะไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเธอมีมังกร เธอเห็นว่าไป๋เฉียนฉิงและจวินเถาต่างหมดสภาพนอนกลิ้งอยู่ที่พื้น และเห็นว่าชายชุดดำกลุ่มนั้นที่กำลังเข้าไปรุมหลงเจี่ยนหยาง น่าจะเป็นผู้มีฝีมือเธอเองก็คงสู้ไม่ไหวเหมือนกัน ถ้าไปสู้อาจจะได้มานอนอยู่กับไป๋เฉียนฉิงและจวินเถาเป็นแน่ แต่เธอก็มั่นใจว่าเขาต้องชนะ และไม่นานเธอก็เห็นว่าหัวหน้าทหารที่มียศสูงสองคนเข้าไปช่วยต่อสู้ด้วยและพวกเขาก็มีวรยุทธ์ที่สูงเหนือกว่าเธอ ไม่นานพวกเขาสามคนก็ล้มพวกมันลงได้หลงเจี่ยนหยางและหัวหน้าทหารสองคนไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่นิด ตอนนี้เธอคิดว่าพวกเขาคือยอดมนุษย์


 

"ข้าคนเดียวก็จัดการได้"


 

เขาพูดกับหัวหน้าทหารทั้งสองคน


 

"พวกกระหม่อมต้องคอยปกป้ององค์ชายพ่ะย่ะค่ะ"


 

หัวหน้าทหารคนหนึ่งพูดขึ้น


 

"องค์ชายคุณหนูไป๋เฉียนฉิงกับคุณหนูจวินเถาบาดเจ็บพ่ะย่ะค่ะ"


 

จื่อฟงรายงาน เพราะเขาเห็นว่าทั้งสองคนพยายามช่วยเหลือองค์ชายของเขา จื่อฟงจึงเห็นใจ


 

"ให้หมอหลวงไปรักษา"


 

เขาบอกจื่อฟง ก่อนจะเดินมาหาเธอ 


 

"ดื่มน้ำก่อนเพคะ"


 

เธอยื่นถุงหนังที่ใส่น้ำไว้เต็มให้เขา เขารับและยกขึ้นดื่ม เธอเห็นว่ามีเลือดซึมออกจากแผลของเขาจึงได้พาเขาไปนั่งและทำแผลให้


 

"คงมีคนอิจฉาพระองค์และอยากให้พระองค์กลับไปไม่ถึงเมืองหลวง ซึ่งก็มีอยู่แค่คนเดียว"


 

เธอกล่าวในขณะที่กำลังทำแผลให้


 

"ไม่มีใครฆ่าข้าได้ ข้าเก่งกว่าที่เจ้าคิด"


 

เขากล่าว


 

"หรือเพคะ แล้วแผลที่แขนนี่คืออะไร"


 

"ข้าแค่อยากให้หลี่หมิงมันลำพองใจว่าฟันข้าได้มันจะได้ประมาท ข้าเลยจงใจให้มันฟัน"


 

"ออ แบบนี้นี่เอง"


 

"แล้วข้าก็อยากให้เจ้าคอยดูแลด้วย แบบตอนนี้ไงที่เจ้าเป็นห่วงข้า"


 

"จะดูแลตลอดไปเลยเพคะ"


 

เธอยิ้มให้เขา


 

"เจ้าพูดจริงหรือ"


 

"แน่นอนเพคะ"


 

"ขอบใจเจ้ามากที่ยอมอยู่ข้างๆข้า"


 

"เพคะ"


 

เขายื่นมือมาจับมือของเธอและพาเธอเดินกลับเข้าไปในรถม้า เพื่อออกเดินทางต่อ


 



ตอนต่อไป
ตอนที่54 งานเลี้ยง

นิยายแนะนำ

นิยายแนะนำ

ความคิดเห็น

COMMENT

ปักหมุด

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited( Kawebook.com )

Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )
ที่อยู่ : 20 หมู่ที่ 6 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000
เวลาทำการ : 08 : 00 - 18 : 00 จันทร์ - เสาร์
e-mail : contact@kawebook.com

DMCA.com Protection Status

เริ่มต้นเผยแพร่ผลงาน

เริ่มต้นเป็นนักเขียนออนไลน์ เขียนเรื่องราวที่ประทับใจ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และแบ่งปันประสบการ์ดีๆ กับผู้คนทั่วโลก kawebook.com เป็นโอกาส เป็นสื่อกลาง และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสร้างรายได้ให้กับนักเขียนมืออาชีพ และนักเขียนมือสมัครเล่นจากทุกมุมโลก เพียงสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์เพื่อเขียนหนังสือ การ์ตูน หรืออัพโหลดอนิเมชั่น ที่เป็นผลงานของท่าน และเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา